การทำงานแบบ Agile คืออะไร

ผู้คนได้นำแนวคิดที่เน้นความคล่องตัว (Agile) มาใช้เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนพูดคุยและทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 แล้ว ปัจจุบันแนวคิดแบบ Agile ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นวิธีที่เหมาะแก่โลกแห่งการทำงานจากทางไกลและการทำงานแบบไฮบริดเป็นอย่างยิ่ง

ความร่วมมือในทีม | ใช้เวลาอ่าน 6 นาที
agile collaboration - Workplace from Meta
การทำงานแบบ Agile คืออะไร

การทำงานแบบ Agile คืออะไร

รวดเร็ว ตอบสนองไว มีประสิทธิภาพ ข้ามสายงาน ทั้งหมดนี้คือคุณลักษณะของสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ Agile ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานที่มีเป้าหมายเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นและการรับรู้ข้อมูลข่าวสารให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็จำกัดอุปสรรคต่างๆ ที่ขวางการทำงานให้สำเร็จลุล่วงให้เหลือน้อยที่สุด โดยอาศัยการผสมผสานกันระหว่างกระบวนการ ผู้คน และเทคโนโลยีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น

การทำงานแบบ Agile เป็นเทคนิคการจัดการโปรเจ็กต์ที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน และได้มีการนำไปปรับใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ digital.ai พบว่าในปี 2022 การนำแนวทางแบบ Agile ไปปรับใช้นั้นเพิ่มขึ้นจาก 37% เป็น 86% ในหมู่ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ และเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในกลุ่มที่ไม่ได้ทำงานด้านไอที

การทำงานแบบ Agile ช่วยให้บุคลากรและบริษัทปรับเปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว รับมือได้ทันความจำเป็นเร่งด่วน และตอบสนองต่อเหตุการณ์กะทันหันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หัวใจของการทำงานแบบ Agile คือการลดความซับซ้อนของกระบวนการต่างๆ และรวมทีมงานจากหลากหลายฝ่ายเข้าด้วยกัน ซึ่งแตกต่างจากโครงสร้างองค์กรแบบเดิมๆ

การทำงานรูปแบบนี้จึงมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่ทำงานแบบไฮบริดหรือทำงานจากทางไกล ที่บุคลากรทำงานจากคนละสถานที่และรับผิดชอบงานที่แตกต่างกันออกไป

แก้งานยุ่งได้ไม่ยากด้วย Workplace

ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้

วิธีการทำงานแบบ Agile

วิธีการทำงานแบบ Agile

Agile ไม่ใช่วิธีการทำงานเพียงรูปแบบเดียว หากแต่มีหลากหลายวิธี ซึ่งก็ล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง

Ivy Lee Method

Ivy Lee Method เป็นเทคนิคการจัดการเวลาที่เป็นรากฐานของวิธีการแบบ Agile บางส่วน กลยุทธ์การจัดลำดับความสำคัญ 5 ขั้นตอนของวิธีนี้มีดังต่อไปนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 - จดรายการสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำให้เสร็จในวันถัดไปหรือภายในวันนั้นมา 6 อย่าง

  • ขั้นตอนที่ 2 - เรียงลำดับงานเหล่านั้นตามความสำคัญ

  • ขั้นตอนที่ 3 - เริ่มต้นวันทำงานด้วยงานอันดับแรกจากรายการ และทำงานนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสำเร็จลุล่วง

  • ขั้นตอนที่ 4 - ทำเครื่องหมายงานแต่ละชิ้นที่ทำเสร็จแล้วว่าเสร็จสิ้น

  • ขั้นตอนที่ 5 - ทำขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำในวันถัดไป

วิธีนี้ช่วยให้คุณได้จัดสรรเวลาและมีผลิตภาพเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมถึงปัจจัยอย่างงานที่ผุดขึ้นมากะทันหันหรือการเปลี่ยนแผนงาน

Scrum Sprint

การทำงานแบบ Agile วิธีนี้คือการที่ทีมแบ่งงานออกเป็นกรอบเวลาสั้นๆ ที่มีเป้าหมายเล็กๆ ที่เฉพาะเจาะจง หรือที่เรียกกันว่า "Sprint" โดยที่แต่ละ Sprint จะมีส่วนผลักดันให้ผลงานโดยรวมของโปรเจ็กต์นั้นๆ สำเร็จลุล่วง

  1. วางแผน

  2. พัฒนา

  3. ปรับใช้

  4. ประเมินผล

ทีมต่างๆ จะทำงานร่วมกันให้ทันกำหนดการ Sprint โดยบุคลากรที่มีความเกี่ยวข้องกันก็จะทำงานร่วมกันในงานนั้นๆ และเมื่อแต่ละ Sprint ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โปรเจ็กต์ในภาพรวมก็ยิ่งมีแนวโน้มจะนำส่งได้ทันเวลาและมีมาตรฐานที่สูง สิ่งที่แต่ละทีมได้เรียนรู้จาก Sprint แต่ละครั้งจะได้รับการประเมินผลและนำไปปรับใช้ใน Sprint ครั้งถัดไป ทีมจึงสามารถพัฒนาโปรเจ็กต์ให้รับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้ตลอดกระบวนการทำงาน

อย่างไรก็ดี วิธีนี้อาจทำให้การขยายกรอบการทำงานแบบ Scrum เป็นเรื่องยากได้ แถมยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดกับทีมขนาดเล็กเท่านั้นอีกด้วย

Kanban

Kanban ซึ่งหมายถึง "แผ่นป้าย" เป็นวิธีการแบบ Agile ที่เน้นการแสดงให้เห็นด้วยตาอย่างมากและเดิมมักใช้กันในอุตสาหกรรมการผลิต วิธีนี้จะใช้กระดานและการ์ดซึ่งสื่อถึงงานแต่ละชิ้น โดยการ์ดเหล่านี้จะถูกย้ายตำแหน่งไปยังขั้นต่างๆ ของกระบวนการทำงานซึ่งอยู่ในรูปของคอลัมน์

หนึ่งในประโยชน์หลักๆ ของ Kanban คือช่วยให้ทีมเห็นความคืบหน้าของงานแต่ละชิ้นในโปรเจ็กต์ได้แบบเรียลไทม์เพียงแค่กวาดตามอง ทั้งยังช่วยให้คุณเห็นความคืบหน้าของงานของสมาชิกในทีม ซึ่งอาจเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทีมที่ทำงานแบบไฮบริดและทำงานจากทางไกล

ข้อเสียของ Kanban คือกระดานที่มีการ์ดมากเกินไปอาจสร้างความสับสนได้ และหากการ์ดใบหนึ่งๆ ไม่มีการเคลื่อนย้ายเลย งานอื่นๆ ก็อาจไม่คืบหน้าได้

Scrumban

เห็นชื่อก็คงดูออกว่า Scrumban เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Scrum กับ Kanban

วิธีนี้จะใช้กระดาน Kanban กับกระบวนการทำงานสั้นๆ โดยที่ทุกคนสามารถเลือกงานที่ต้องการทำได้จากกระดานแผ่นดังกล่าว แทนที่จะต้องรอให้ผู้จัดการโปรเจ็กต์เป็นคนมอบหมายงานให้ กระดานแผ่นนี้จะไม่มีการ์ดเยอะเกินไปจนแน่น เพราะจะมีการจำกัดจำนวนงานที่อยู่บนกระดานได้พร้อมกัน

วิธีนี้จึงมีความยืดหยุ่นมากกว่า Kanban แบบเดิม แต่ก็อาจส่งผลให้การติดตามความเคลื่อนไหวของทุกๆ คนทำได้ยากขึ้น ซึ่งทำให้วางแผนงานได้ยากกว่าเดิม

การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ Agile

การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ Agile

หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดบางส่วนที่คุณควรทำตามเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ Agile มีดังนี้

ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน

ทำให้การจัดการโปรเจ็กต์มีความโปร่งใสด้วยการกำหนดเป้าหมายและความคาดหวังที่ชัดเจน ตลอดจนอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้สมาชิกในทีมรับทราบ วิธีนี้จะทำให้ทุกคนมองเห็นภาพรวมและติดตามความคืบหน้าได้อย่างง่ายดาย

เสนอโอกาสให้พนักงานใหม่ได้เฝ้าติดตามการทำงานหรือมีผู้ชี้แนะ เพื่อให้มั่นใจว่าสมาชิกทีมคนใหม่จะคุ้นเคยกับกระบวนการแบบ Agile และเห็นว่าคุณได้ตั้งความคาดหวังไว้เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะเริ่มต้นโปรเจ็กต์

ให้อิสระกับทีม

การมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบที่ชัดเจนและให้แต่ละทีมได้จัดระเบียบและจัดการงานในส่วนของตนเองจะช่วยให้ทีมมีอิสระในการทำงานให้บรรลุเป้าหมายและก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ มากขึ้น

จัดเตรียมเครื่องมือและการฝึกอบรม

ค่านิยมแบบ Agile เป็นแนวคิดที่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล สมาชิกในทีมจึงต้องเข้าใจวิธีการทำงานแบบ Agile คุณควรหาเวลาฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการทำงานแบบ Agile และตรวจสอบว่าพนักงานของคุณเข้าใจกระบวนการทำงานและสิ่งที่คุณคาดหวังจริงๆ

เน้นการทำงานร่วมกัน

การทำงานแบบ Agile แต่ละครั้งจะโฟกัสไปที่การทำงานบางอย่างให้เสร็จสิ้นมากกว่าการติดอยู่กับการวางแผนล่วงหน้า ซึ่งหมายความว่า คุณจะต้องให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันและการสื่อสารกันในทีมมากยิ่งขึ้น

การประชุมเพื่อพูดคุยกันเป็นเวลา 15 นาทีทุกวัน หรือที่เรียกว่า "Scrum" สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้ การประชุมเพื่อวางแผน ตรวจสอบ และประเมินผล Sprint นั้นจะเจาะลึกไปที่ส่วนต่างๆ ของโปรเจ็กต์มากยิ่งขึ้น โดยที่กลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มก็จะโฟกัสไปที่งานของตน ขณะเดียวกัน ทีมต่างๆ ก็จะขอคำปรึกษาจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญเป็นประจำเพื่อที่โปรเจ็กต์ดังกล่าวจะดำเนินการตามลำดับความสำคัญทางธุรกิจ ทั้งนี้ คุณควรเฝ้าดูจนมั่นใจแล้วว่ากลุ่มต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และมีการรับมือกับข้อวิตกกังวลต่างๆ

ใช้เครื่องมือการทำงานร่วมกันที่เหมาะสม

เครื่องมือการทำงานร่วมกันคือส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้ทีมต่างๆ ร่วมงานกันได้ โดยเครื่องมือเหล่านั้นประกอบด้วย

  • แดชบอร์ดสำหรับทำงานร่วมกันเพื่อติดตามงานและให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานย่อยๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ในภาพรวม

  • เครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมสมาชิกในทีมเข้าด้วยกัน ซึ่งรวมถึงพนักงานที่ทำงานที่ออฟฟิศเป็นหลักและบุคลากรหน้างาน ไม่ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม เครื่องมือชิ้นนี้จะยิ่งมีบทบาทในบริบทของการทำงานแบบไฮบริด ทั้งยังช่วยให้ทีมต่างๆ ทำงานได้จากทั่วโลกโดยมีอุปสรรคน้อยลง

  • เครื่องมือแชร์ไฟล์เพื่อให้สมาชิกในทีมทุกคนสามารถเข้าถึงเอกสารที่จำเป็นได้

  • เครื่องมือผสานการทำงานเพื่อรวมซอฟต์แวร์และแอพพลิเคชั่นทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทำให้ไม่เสียเวลาในการสลับใช้งานไปมา

  • เครื่องมือติดตามความคืบหน้าเพื่อช่วยให้ผู้จัดการโปรเจ็กต์วางแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ทีมต่างๆ ทำงานได้ตามกำหนดเวลาด้วยการติดตามความคืบหน้าแบบเรียลไทม์

เปิดรับความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปข้างหน้า

หนึ่งในประโยชน์ที่เห็นได้ชัดที่สุดของแนวคิดแบบ Agile คือความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว ทีมต่างๆ สามารถเรียนรู้จาก Sprint แต่ละครั้งและนำโซลูชั่นที่ปรับปรุงใหม่ล่าสุดนี้ไปใช้กับทั้งโปรเจ็กต์ รวมถึงโปรเจ็กต์ในอนาคตได้

หลักการทำงานแบบ Agile

หลักการทำงานแบบ Agile

การทำงานแบบ Agile ไม่ใช่แค่กระบวนวิธี แต่ยังเป็นทั้งชุดความคิดเลยทีเดียว เพราะหลักการนี้เป็นแนวทางเกี่ยวกับคุณลักษณะของพนักงานและวิถีการทำงาน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับการให้คุณค่ากับตัวบุคคล ตลอดจนการวัดความสำเร็จในแง่ของประสิทธิภาพและผลลัพธ์มากกว่าในแง่ของเวลาและความพยายามส่วนบุคคล

แม้ว่าการทำงานแบบ Agile จะมีจุดเริ่มต้นมาจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิธีการนี้จะมีไว้สำหรับแวดวงเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว

นี่คือวิธีจัดการโปรเจ็กต์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและใช้ได้กับอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก ในยุคสมัยแห่งการทำงานจากทางไกลและแบบไฮบริด การทำงานร่วมกันแบบ Agile นี้สามารถช่วยให้บุคลากรและทีมต่างๆ ปรับตัวให้สอดรับกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและความท้าทายของผู้บริโภคได้ สิ่งเหล่านี้คือโซลูชั่นที่จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของธุรกิจในอีกหลายเดือนและหลายปีต่อจากนี้

หัวข้อที่คุณอาจสนใจ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

การทำงานร่วมกันของทีม: วิธีเป็นสุดยอดเพื่อนร่วมงานประจำทีม

เรียนรู้เพิ่มเติม
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

การทำงานร่วมกันของทีม: วิธีเป็นสุดยอดเพื่อนร่วมงานประจำทีม

เรียนรู้เพิ่มเติม

โพสต์ล่าสุด

ความร่วมมือในทีม | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

วิธีสร้างความร่วมมือในทีม

แนวทางการทำงานร่วมกันสามารถช่วยให้พนักงานของคุณทำงานอย่างชาญฉลาดยิ่ง สร้างสรรค์มากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ต่อไปนี้คือวิธีทำให้การทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพ

การทำงานร่วมกัน | ใช้เวลาอ่าน 3 นาที

การทำงานร่วมกันแบบหลายฝ่าย

ค้นพบเคล็ดลับที่จำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานร่วมกันแบบหลายฝ่าย รวมถึงประโยชน์ของมุมมองที่หลากหลายและวิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานเป็นทีมในที่ทำงานของคุณ

ความร่วมมือในทีม | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

วิธีทำให้การทำงานร่วมกันแบบข้ามทีมมีประสิทธิภาพ

เรียนรู้วิธีกระตุ้นการทำงานร่วมกันแบบข้ามทีม รวมถึงทำความเข้าใจหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดและข้อผิดพลาดเพื่อยกระดับการทำงานร่วมกันในทีมของคุณให้ดีขึ้น