AI ไม่ใช่แค่อนาคต แต่ยังเป็นปัจจุบันด้วย และตอนนี้เมตาเวิร์สก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว การปฏิวัติ AI กำลังก้าวไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น จนเปิดโลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาสมากมาย แต่โลกใบนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไรและมีความสำคัญอย่างไรต่ออนาคตของการทำงานกัน

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร

AI เป็นศาสตร์แห่งการสร้างเครื่องจักรที่มีความสามารถแบบมนุษย์ โดยเป็นเครื่องจักรที่สามารถวางแผน ใช้เหตุผล สื่อสาร และเรียนรู้ได้

เครื่องจักรเหล่านี้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเรา ทั้งยังลดต้นทุน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรได้ด้วย แต่สิ่งที่หลายคนกลัวก็มักจะเป็นเรื่องที่ว่า AI อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแรงงาน เนื่องจาก AI จะเข้ามาแทนที่งานระดับล่างที่มีรูปแบบตายตัว

AI มีหลากหลายแขนง ซึ่งทุกแขนงล้วนมีอิทธิพลต่อวิธีการทำงานของเราในปัจจุบันและวิธีที่เราจะทำงานในอนาคตอย่างมาก ดังนี้

แมชชีนเลิร์นนิ่ง

AI ประเภทนี้ "เรียนรู้" ได้โดยอาศัยการจดจำรูปแบบที่ปรากฏในข้อมูล แมชชีนเลิร์นนิ่งเป็นเครื่องมือที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการที่ซอฟต์แวร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับเพื่อคาดการณ์ สร้างกฎ หรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ได้เอง โดยที่มนุษย์ไม่ต้องตั้งโปรแกรมเองทุกครั้ง การเรียนรู้เชิงลึกทำให้กระบวนการนี้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น โดยลดการป้อนข้อมูลจากมนุษย์ลงและสามารถใช้ชุดข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นได้ AI ได้เข้ามาช่วยในกระบวนการล่าสุดบางอย่างในด้านการจดจำคำพูดและรูปภาพ รวมถึงการประมวลผลภาษาให้เป็นธรรมชาติ แต่ว่าแมชชีนเลิร์นนิ่งนั้นจะมีประสิทธิภาพพอๆ กับข้อมูลที่ป้อนเข้าไปเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากข้อมูลนั้นมีความโน้มเอียง ผลลัพธ์ของ AI ก็จะมีความโน้มเอียงด้วย ระบบ Generative AI เช่น ChatGPT เองก็จัดเป็นแมชชีนเลิร์นนิ่งเช่นกัน

หุ่นยนต์

องค์กรต่างๆ นำหุ่นยนต์มาใช้เพื่อทำให้งานที่ต้องใช้แรงงานเป็นระบบอัตโนมัติ โดยสั่งการจากทางไกล หรือใช้อัลกอริทึมหรือเซ็นเซอร์ ปัจจุบันหุ่นยนต์มีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การช่วยผ่าตัดไปจนถึงการตรวจสอบท่อระบายน้ำ ตลอดจนการใช้ "แขน" หุ่นยนต์ในสายการผลิตที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี

การประมวลผลภาษาธรรมชาติ

แม้ว่าคอมพิวเตอร์จะชาญฉลาดมาก แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจ สร้าง และตอบสนองต่อภาษาของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) จึงได้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้โดยใช้แมชชีนเลิร์นนิ่ง NLP มีแอพพลิเคชั่นมากมาย ตั้งแต่การแปล การจดจำเสียง และการถอดความ ไปจนถึงการดึงข้อมูลจากรายงาน

มาพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตแห่งการทำงานกัน

เรากำลังพยายามค้นหาคำตอบของคำถามที่สำคัญที่สุดที่เราทุกคนต่างสงสัยเกี่ยวกับการทำงานในเมตาเวิร์ส มาดูกัน

AI และระบบอัตโนมัติแตกต่างกันอย่างไร

AI และระบบอัตโนมัติแตกต่างกันอย่างไร

AI และระบบอัตโนมัติเป็นคำที่ผู้คนมักใช้แทนกันอยู่บ่อยๆ แต่สองคำนี้ไม่ได้มีความหมายเหมือนกันเสียทีเดียว แม้จะมีเป้าหมายในการช่วยเหลือมนุษย์ด้วยการเข้ามาทำงานที่มีรูปแบบตายตัวและจำเจเหมือนกันก็ตาม ระบบอัตโนมัติจะใช้การเขียนโปรแกรมเพื่อให้เครื่องจักรทำงานต่างๆ ขณะที่ AI คือการที่เครื่องจักรเรียนรู้ได้เองโดยอัตโนมัติจากการจดจำรูปแบบที่ปรากฏในข้อมูล

หรือ AI จะเป็นอนาคตกันแน่

AI ฝังลึกอยู่ในชีวิตประจำวันและการทำงานไปเรียบร้อยแล้ว โดยสามารถทำได้ทุกอย่างตั้งแต่การเป็นผู้ช่วยส่วนตัวแบบดิจิทัลไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้อัจฉริยะ การช้อปปิ้งออนไลน์ และหุ่นยนต์ในโรงงาน ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่เราเกือบทุกคนต่างก็ใช้งาน AI ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งทั้งจากที่บ้านและที่ทำงาน

แม้ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนจะแสดงท่าทีกังวลต่อการที่ AI ได้รับความนิยมมากขึ้นและการขาดกฎระเบียบที่บังคับใช้กับ AI แต่เราก็ยังคงเห็นได้ชัดว่า AI กำลังกำหนดทิศทางอนาคตการทำงานของเรา

AI และมนุษย์ทำงานร่วมกัน

AI และมนุษย์ทำงานร่วมกัน

วิธีที่ AI และมนุษย์ทำงานร่วมกันยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกับ AI มี 2 ประเด็นหลักๆ ด้วยกัน ดังนี้

ระบบอัตโนมัติและการแทนที่ตำแหน่งงานเดิม

ความสามารถของ AI ในการจัดการงานที่มีรูปแบบตายตัวโดยอัตโนมัติทำให้งานบางส่วนไม่จำเป็นต้องใช้มนุษย์อีกต่อไป ซึ่งอาจส่งผลให้บุคลากรมีจำนวนลดลง

แบบสำรวจของ Forbes Advisor พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจ 77% กังวลว่า AI อาจทำให้งานต่างๆ หายไปได้ในอนาคตอันใกล้ McKinsey ยังคาดการณ์ด้วยว่าในขณะที่ AI พัฒนาไปเรื่อยๆ นั้น AI อาจแทนที่บุคลากรทั่วโลกกว่า 400 ล้านคน

ข้อมูลจากรายงาน Future of Jobs ของ World Economic Forum ระบุว่า 25% ของงานทั้งหมดจะได้รับผลกระทบเชิงลบในอีก 5 ปีถัดไป โดยงานสายบริหารจัดการจะหายไปราว 26 ล้านตำแหน่ง

ภาคส่วนธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากระบบอัตโนมัติเช่นกัน ได้แก่ การสนับสนุนด้านการบริหารจัดการสำนักงาน บริการด้านกฎหมาย สถาปัตยกรรมและวิศวกรรม ธุรกิจและการบริหารจัดการด้านการเงิน การจัดการ งานฝ่ายขาย การดูแลสุขภาพ ตลอดจนศิลปะและการออกแบบ

การสร้างงานและการเปลี่ยนแปลง

แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับการแทนที่ตำแหน่งงานเดิม แต่มีการคาดการณ์ไว้ว่าระบบอัตโนมัติจะก่อให้เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ จำนวนมาก ข้อมูลในปี 2022 พบว่าธุรกิจ 39% ระบุว่าตนได้ว่าจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ และ 35% ว่าจ้างวิศวกรข้อมูลในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับ AI ทั้งยังมีการคาดการณ์กันว่า AI จะสร้างงานใหม่ได้ราว 97 ล้านตำแหน่ง

นอกจากนี้ AI ไม่สามารถทำงานหลายๆ อย่างให้เป็นแบบอัตโนมัติไปทั้งหมดได้ โดยสามารถทำได้เพียงงานที่มีรูปแบบตายตัว เช่น การจ่ายเงินเดือน หรือการดึงข้อมูลจากเอกสารต่างๆ เท่านั้น อีกทั้งมนุษย์ก็ยังคงต้องเป็นผู้ดูแลกระบวนการและก้าวเท้าเข้ามาหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น

เราจะเห็นได้ว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่มนุษย์ แต่ทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างหาก AI ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและสามารถเอาเวลาไปให้ความสำคัญกับองค์ประกอบที่สร้างสรรค์และน่าพึงพอใจมากกว่าในงานของเราได้ ตัวอย่างเช่น แม้ว่า AI อาจถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค แต่แพทย์และพยาบาลก็ยังคงมีบทบาทในการรักษาผู้ป่วยอยู่เช่นเคย

สิ่งที่มาพร้อมกับ AI คือความต้องการผู้ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีในจำนวนที่มากขึ้น เช่น โปรแกรมเมอร์ นักสถิติ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และนักวิเคราะห์ รวมถึงผู้ที่มีทักษะที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์และความฉลาดทางอารมณ์ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ AI ให้ไม่ได้

โลกแห่งการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป

AI สร้างความก้าวหน้าในหลากหลายสาขาตั้งแต่ ChatGPT ไปจนถึงเมตาเวิร์ส

  • เมตาเวิร์ส - เทคโนโลยี Virtual Reality และ Augmented Reality กำลังทำให้อินเทอร์เน็ตกลายเป็นที่ที่คุณก้าวเท้าเข้าไปได้ ทั้งในการเล่นเกม ความบันเทิง และการทำงาน พื้นที่เสมือนที่ใช้งานร่วมกันจะผสมผสานเข้ากับโลกจริง ซึ่งจะพลิกโฉมการทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และการฝึกอบรมในที่ทำงาน

  • การป้องกันการหลอกลวง - การวิเคราะห์ธุรกรรมจำนวนมากทำให้ AI สามารถระบุแนวโน้มของการหลอกลวงได้ เมื่อทราบถึงแนวโน้มของการหลอกลวงแล้ว AI ก็จะบล็อกธุรกรรมที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติหรือรายงานปัญหาเพื่อรับการตรวจสอบเพิ่มเติม ผู้คนยังสามารถใช้ AI เพื่อรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ โดยให้ AI คอยตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามได้ด้วย

  • แชทบอทและผู้ช่วยแบบดิจิทัล - ขณะที่ NLP กำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ ความสามารถของแชทบอทก็พัฒนาไปด้วยเช่นกัน ช่วยให้สามารถสื่อสารกับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าแค่ตอบคำถามว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" การสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาตินี้นับเป็นการปรับปรุงการบริการลูกค้าที่สำคัญมาก และยังทำให้พนักงานมีเวลาจัดการกับคำถามของลูกค้าที่ซับซ้อนมากๆ แทนอีกด้วย

  • AI ในแวดวงการดูแลสุขภาพ - องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 จะเกิดการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 18 ล้านคน AI อาจเข้ามาช่วยแก้ปัญหาส่วนหนึ่งได้โดยทำให้งานประจำวันกลายเป็นอัตโนมัติ เพิ่มผลิตภาพ และที่สำคัญที่สุดคือทำให้พนักงานมีเวลาอยู่กับผู้ป่วยมากขึ้น เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กำลังใช้งาน AI ในงานด้านสุขภาพเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เช่น การจัดการโรงพยาบาล การวินิจฉัยโรค และแอพสำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ

AI ที่อธิบายสิ่งต่างๆ ได้ (Explainable AI)

AI ต้องอาศัยบริบทในการทำงาน การที่องค์กรต่างๆ ใช้ AI เพื่อตัดสินใจทำให้เกิดปัญหาด้านความโปร่งใส ความเป็นส่วนตัว ความยุติธรรม และความรับผิดชอบตามมา ซึ่ง AI ที่อธิบายสิ่งต่างๆ ได้ (XAI) จะเข้ามามีส่วนช่วยจัดการในเรื่องนี้ AI ประเภทนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่ามนุษย์เข้าใจเหตุผลของอัลกอริทึม และ XAI ยังมีความสำคัญในการช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดของปัญญาประดิษฐ์อีกด้วย

AI ในฝ่ายทรัพยากรบุคคล

AI กำลังเปลี่ยนแปลงการสรรหาบุคลากร ตลอดจนทำให้งานที่มีรูปแบบตายตัวเป็นแบบอัตโนมัติ เช่น การจ่ายเงินเดือน คุณสามารถใช้ AI ในกระบวนการคัดกรองโปรไฟล์ที่กินเวลานาน คัดกรองประวัติย่อ รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก และนัดสัมภาษณ์ได้ AI ทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกๆ ของการคัดสรรบุคลากร ซึ่งช่วยให้ประหยัดเวลาได้อย่างมหาศาลและใช้ต้นทุนลดลง แต่องค์กรเองก็จำเป็นต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่ AI จะมีอคติในการสรรหาบุคลากรด้วยเช่นกัน

การหันมาใช้ AI ในที่ทำงาน

การหันมาใช้ AI ในที่ทำงาน

การนำ AI ไปใช้อย่างแพร่หลายในบริษัทหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการทำงานของผู้คน แล้วองค์กรต่างๆ จะแสดงให้พนักงานเห็นว่า AI เป็นแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้อย่างไร

วิธีหนึ่งคือการเน้นย้ำว่า AI ได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมการทำงานของมนุษย์ ไม่ได้เข้ามาแทนที่ และที่ยิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือ เนื่องจากผู้คนจะต้องทำงานร่วมกับ AI คุณจะต้องมั่นใจว่าคนเหล่านี้มีทักษะด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นที่ต่อการทำงานดังกล่าว คุณจึงอาจต้องเพิ่มพูนทักษะและฝึกฝนทักษะใหม่ให้กับพนักงานในกรณีที่จำเป็น เพื่อให้พนักงานสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสทั้งหมดที่ AI มอบให้ได้

ประโยชน์ของ AI ที่คุณจะได้รับจากการนำไปใช้งานจริงจะมีดังต่อไปนี้

  • ผลิตภาพที่เพิ่มขึ้น - ผลิตภาพจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้คนและทรัพยากรไม่ต้องเอาเวลาไปลงกับงานที่มีรูปแบบตายตัว ข้อมูลจาก Nielsen Norman Group พบว่าระบบ Generative AI ช่วยให้พนักงานมีผลิตภาพเพิ่มขึ้นถึง 66% ด้วยกัน

  • ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น - AI สามารถทำงานที่มีรูปแบบตายตัวบางอย่างได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ และสิ่งที่แตกต่างจากพนักงานที่เป็นมนุษย์คือ บริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถเฝ้าสังเกตการหลอกลวง ตอบคำถามของลูกค้า และตรวจสอบใบสมัครงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร

  • การแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน - ความก้าวหน้าของแมชชีนเลิร์นนิ่งทำให้ AI สามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้แล้ว เช่น การนำ AI มาใช้วินิจฉัยโรคจะช่วยให้พนักงานไม่ต้องมาเสียเวลาทำงานเดิมซ้ำๆ และช่วยเพิ่มผลิตภาพ

  • นวัตกรรม AI ช่วยให้องค์กรได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อก้าวไปสู่ความความสำเร็จ ตั้งแต่ไอเดียที่สร้างขึ้นโดย AI ในเซสชั่นการระดมความคิด การโต้ตอบในพื้นที่เสมือนในเมตาเวิร์ส ไปจนถึงการใช้ AI ในห่วงโซ่อุปทานเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ (จากนั้นจึงตัดสินใจเกี่ยวกับสินค้าที่เกี่ยวข้อง)

อ่านต่อ
อ่านต่อ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้เกี่ยวกับออฟฟิศไร้พรมแดนไปพร้อมกัน

ก้าวเข้าสู่อนาคตแห่งการทำงาน

สมัครเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากเราเกี่ยวกับอนาคตแห่งการทำงานและอนาคตของเมตาเวิร์ส

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Meta ซึ่งประกอบไปด้วยข่าวสาร งานกิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย คุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้เกี่ยวกับออฟฟิศไร้พรมแดนไปพร้อมกัน


โพสต์ล่าสุด

อนาคตแห่งการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

อนาคตของการทำงาน

การทำงานในเมตาเวิร์สเป็นอย่างไร การทำงานแบบไฮบริดจะยังคงอยู่ต่อไปหรือไม่ แม้คุณจะไม่สามารถคาดเดาอนาคตที่รออยู่ข้างหน้าได้ 100% แต่อย่างน้อยคุณก็สามารถเตรียมองค์กรของคุณให้พร้อมสำหรับอนาคตได้

อนาคตแห่งการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 12 นาที

การทำงานแบบไฮบริด: ยินดีต้อนรับสู่วิธีการทำงานรูปแบบใหม่

คุณต้องการให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศหรือทำงานจากที่บ้านต่อไป แล้วถ้าเอาทั้งสองรูปแบบมารวมกันล่ะ การทำงานแบบไฮบริดอาจเป็นวิธีที่เหมาะกับองค์กรของคุณที่สุดก็เป็นได้

อนาคตแห่งการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 6 นาที

เราจะทำงานอย่างไรในเมตาเวิร์ส

ตั้งแต่การทำงานร่วมกันในทีมไปจนถึงวัฒนธรรมของบริษัท นี่คือ 5 วิธีที่เมตาเวิร์สและ Virtual Reality จะเปลี่ยนอนาคตในการทำงานและการทำธุรกิจ