เราได้เห็นแล้วว่าเทรนด์ใหญ่ทั้ง 3 ประการซึ่งได้แก่ การกระจายกลุ่มเป้าหมายของแอพ Saas ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปซึ่งขับเคลื่อนโดยมือถือ และการรับส่งข้อความที่เพิ่มขึ้น ได้สร้างความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์อย่างไร

ที่ Workplace เราเชื่อว่าคำตอบคือการสร้างเครื่องมือที่สามารถทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มใดก็ตาม และเราเรียกกลยุทธ์นี้ว่า ‘Better Together’

อธิบายหลักการของ Better Together

อะไรคือประสบการณ์ Better Together

สำหรับผู้คน...

Better Together ทำให้เนื้อหา บริบท และข้อมูลระบุตัวตนทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น (แทบไม่สะดุด) ระหว่างแอพพลิเคชั่นที่ดีที่สุดที่ผู้คนใช้

‘เนื้อหา’ เป็นหน่วยขนาดเล็กของข้อมูลที่จำเป็นในการใช้สร้างข้อมูลเชิงลึกหรือทำการตัดสินใจ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งรายงานผลลัพธ์ของแคมเปญจากเครื่องมืออัตโนมัติสำหรับการตลาดของคุณ กระดานกำหนดการดำเนินการจากเครื่องมือการจัดการโครงการของคุณ หรือไฟล์ Quip ที่มีแผนการฉบับร่าง

"เนื้อหามีอยู่ในทุกที่ที่มีการสนทนาและการตัดสินใจ และควรปรากฏในที่ที่เราต้องการ"

ในโลกของ Better Together เนื้อหานี้ไม่ได้ถูกจำกัดไว้แค่ในพื้นที่ที่สร้างเนื้อหาขึ้นมา แต่ยังมีอยู่ในที่ที่มีการสนทนาและการตัดสินใจ ผู้คนไม่ควรต้องดาวน์โหลดรายงานหรือคลิกปุ่ม "แชร์" เพื่อย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปสู่ที่หนึ่งด้วยตัวเอง เพราะข้อมูลควรปรากฏในที่ที่เราต้องการ

‘บริบท’ คือข้อมูลแวดล้อมที่จำเป็นต่อการตัดสินใจ ซึ่งทำให้เราเห็นความสำคัญของเนื้อหามากขึ้น

บริบทอาจเป็นได้ทั้งการแจ้งเตือนจากการอัพเดตแผนโครงการจากผู้จัดการโครงการของคุณ การสนทนาเกี่ยวกับเหตุผลที่สร้างงาน หรือการแจ้งเตือนเกี่ยวกับกิจกรรมของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

ผู้คนไม่ควรต้องรอรับข้อมูลเหล่านั้น หรือต้องคอยเตือนตัวเองให้ไปยังปลายทางบางแห่งเพื่อรับข้อมูล

ในขณะที่เนื้อหาและบริบทแสดงถึงความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูล ‘ข้อมูลระบุตัวตน’ ก็เป็นวิธีการที่เราใช้เพื่อรับประกันความปลอดภัย

การมองเห็นข้อมูลควรขึ้นอยู่กับสิทธิ์การอนุญาต หากผู้คนไม่มีสิทธิ์การอนุญาตในการดูเนื้อหาหรือบริบท พวกเขาก็ไม่ควรสามารถทำได้ ในอีกมุมหนึ่ง พวกเขาก็ควรสามารถส่งคำขอเพื่อรับสิทธิ์การเข้าถึงได้ และหากพวกเขามีสิทธิ์การอนุญาต สิทธิ์การอนุญาตนั้นก็ควรมาจากแหล่งข้อมูลจริงเพียงหนึ่งเดียว

การละเมิดข้อมูลไม่ควรเกิดขึ้นจากการยกระดับสิทธิ์โดยไม่ตั้งใจเพราะแอพพลิเคชั่น 2 ตัวไม่สามารถตัดสินใจได้ว่ารูปแบบสิทธิ์การอนุญาตของใครเป็นรูปแบบหลัก

สำหรับธุรกิจ…

ประสบการณ์แบบผสานเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้นำด้านไอทีได้รับประโยชน์อย่างมากจากการลงทุนกับซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด โดยที่ช่วยเหลือผู้บริหารระดับอาวุโสในการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลไปพร้อมกัน

เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล คนเราอาจรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลงมากกว่าความเจ็บปวดจากการก้าวอยู่ที่เดิม ซึ่งเห็นได้จากการที่คนรุ่นเก่าพยายามอย่างยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับแอพใหม่ๆ ที่ควรช่วยให้การทำงาน (รวมถึงชีวิต) ของตนง่ายขึ้น

ระบบนิเวศที่แอพเหล่านี้ทำงานร่วมกันภายใต้หลักการ Better Together จะรวมทุกสิ่งไว้ในที่เดียว และช่วยลดภาระในการเรียนรู้ระบบและอินเทอร์เฟซต่างๆ ถือเป็นการผลักดันให้แพลตฟอร์มทำงานยากแทนผู้คน

สำหรับพาร์ทเนอร์…

Better Together คือโอกาสที่ดีขึ้นในการค้นพบ เผยแพร่ และมีส่วนร่วมของแอพพาร์ทเนอร์

"เรามีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานของผู้คน ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และดีขึ้นไปด้วยกัน"

เมื่อน้ำขึ้น เรือทุกลำย่อมลอยสูง แพลตฟอร์มการผสานการทำงานที่เหมาะสมสามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การยอมรับ การใช้งานต่อเนื่อง และความพึงพอใจในแต่ละแอพที่มากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับการใช้แอพเพียงลำพัง ผลที่ได้คือ ลูกค้าได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากการลงทุนด้านไอที ซึ่งเพิ่มคุณค่าที่รับรู้ของตัวผลิตภัณฑ์ อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดการต่ออายุ การต่อยอดการขาย หรือการขายพ่วงสินค้า

Better Together มุ่งมั่นที่จะเป็นวงจรที่ส่งเสริมกันและกัน

หนทางสู่ความสำเร็จ

ไดเรกทอรีการผสานการทำงานที่เราประกาศในงาน F8 เป็นเพียงจุดเริ่มต้น

วิสัยทัศน์ของ Workplace คือการปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์ โดยการสร้างพื้นที่ที่คนทั้งโลกสามารถทำงานร่วมกัน โดยการเชื่อมต่อ Workplace เข้ากับเครื่องมือและบริการที่ผู้คนให้ความสำคัญ ใช้กระบวนการทำงานทั่วไป และทำให้กระบวนการเหล่านั้นง่ายและสะดวกมากขึ้น เน้นการใช้งานแบบเคลื่อนที่ และปลอดภัย

นี่ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งใหม่ เราจึงอาจเข้าใจอะไรผิดไปบ้าง แต่เมื่อเราค่อยๆ เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรมากขึ้น เมื่อนั้นก็คือโอกาสในการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานของผู้คน ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และดีขึ้นไปด้วยกัน"