การมีส่วนร่วมไม่ได้เกิดขึ้นเอง แม้เราจะคิดว่าพนักงานทุกคนมีแรงกระตุ้นเป็นของตนเอง มีความพึงพอใจ และลงทุนลงแรงในความสำเร็จขององค์กรอย่างเต็มที่ก็ตาม เพราะฉะนั้น โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานก็นับว่ามีความสำคัญมาก

แก้งานยุ่งได้ไม่ยากด้วย Workplace

ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้

ในปี 2020 มีพนักงานในสหรัฐฯ เพียง 36% เท่านั้นที่รู้สึกมีส่วนร่วม ซึ่งจากตัวเลขนี้ ดูเหมือนว่านายจ้างอาจต้องพยายามครองใจพนักงานมากกว่าแค่การแจกอาหารกลางวันฟรีในบางโอกาสเรื่อยไปเท่านั้น

หากคุณกังวลว่าการมีส่วนร่วมกับพนักงานของคุณอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี นั่นก็หมายความว่าอาจถึงเวลาที่คุณต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว ค้นหาว่าโครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรของคุณได้อย่างไร

โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานคืออะไร

ผู้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าโครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานนั้นเป็นเรื่องของสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ เช่น การแจกผลไม้ฟรีหรือการเป็นสมาชิกยิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว โครงการริเริ่มอาจเป็นอะไรก็ได้ที่คุณคิดว่าสามารถช่วยดึงศักยภาพในตัวพนักงานออกมาและทำให้พนักงานอยากที่จะก้าวหน้าในอาชีพของตน

โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานมักเป็นส่วนหนึ่งของโครงการขนาดใหญ่ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยพัฒนาพนักงาน ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน และทำให้พนักงานรู้สึกมีความสุขในการทำงาน ตัวอย่างโครงการริเริ่มทั่วไป ได้แก่

  • เส้นทางด้านอาชีพที่มีโครงสร้างเพื่อมอบโอกาสในการเติบโต
  • สิ่งจูงใจต่างๆ เช่น รางวัลพนักงานดีเด่นประจำเดือนหรือบัตรของขวัญสำหรับผู้มีผลงานโดดเด่น
  • โพสต์รายสัปดาห์บนแพลตฟอร์มการสื่อสารของบริษัทที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของพนักงานในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • การสรุปเกี่ยวกับข่าวสารล่าสุดของบริษัทเป็นประจำ เพื่อไม่ให้พนักงานรู้สึกว่าตนถูกมองข้ามหรือไม่ทราบข้อมูล
  • กล่องข้อความออนไลน์เพื่อเสนอไอเดียสำหรับให้คำแนะนำในการปรับปรุงวิธีการทำงานหรือวิธีช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่าย
  • การพูดคุยระหว่างผู้จัดการสายงานและพนักงานเป็นประจำ เพื่อแจ้งว่ามีปัญหาใดที่ควรได้รับการแก้ไขบ้าง
  • พิธีมอบรางวัลประจำปีและวันหยุดของบริษัท
โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรของคุณอย่างไร

โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรของคุณอย่างไร

โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

เพิ่มผลิตภาพและผลกำไร

ไม่น่าแปลกใจเลยที่พนักงานที่มีส่วนร่วมจะทำงานได้ดีกว่าเพื่อนร่วมงานที่มีส่วนร่วมน้อยกว่า พนักงานเหล่านี้มักจะทำงานได้เร็วขึ้นและทำผิดพลาดน้อยลงเพราะพวกเขาใส่ใจในสิ่งที่ตัวเองทำ นอกจากนี้ หากพนักงานรู้สึกว่าตนได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างดีและได้รับความเคารพจากผู้จัดการ พวกเขาก็จะรู้สึกว่าต้องทำงานให้ดีที่สุดอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สิ่งที่กล่าวไปข้างต้นนี้ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็จะนำไปสู่การสร้างผลลัพธ์ที่ดีด้วย โดยสรุปคือ องค์กรที่มีการมีส่วนร่วมของพนักงานในระดับสูงจะมีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 17% และมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 21%

เพิ่มอัตราการทำงานต่อกับองค์กร

พนักงานมักจะลาออกก็ต่อเมื่อไม่สนุกกับงานหรือรู้สึกว่างานยากเกินไป การศึกษาจำนวนมากแนะนำว่าพนักงานที่ได้รับคำติชมในทางที่ดีเป็นประจำมักจะมีเป้าหมายที่ตั้งใจจะทำให้สำเร็จและได้รับการชมเชยจากการทำงานได้ดีนั้นมีส่วนร่วมมากกว่าพนักงานที่หลักลอย การลาออกของพนักงานในอัตราที่ต่ำจะช่วยให้คุณกำจัดวงจรของการจ้างงาน การฝึกอบรม และการลาออก ซึ่งอาจเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรขององค์กรอย่างมากได้

เพิ่มความพึงพอใจในการทำงาน

หากพนักงานไม่พอใจกับงานของตนเอง พวกเขาก็จะไม่มีแรงกระตุ้นและความกระตือรือร้น และมักมีมุมมองที่ไม่ดีต่อที่ทำงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง และส่งผลให้ขวัญกำลังใจและผลิตภาพต่ำลงไปด้วย โครงการริเริ่มที่ส่งเสริมทั้งด้านอาชีพการงานและการพัฒนาส่วนบุคคลจะทำให้พนักงานรู้สึกเชื่อมโยงกับองค์กรมากขึ้น โครงการเหล่านี้จะทำให้พนักงานผลิตผลงานออกมาได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของคุณพึงพอใจ

ลดการขาดงาน

พนักงานที่ชอบมีส่วนร่วมในทีมและไม่ได้มองว่างานเป็นเรื่องน่าเบื่อก็อยากที่จะมาทำงาน การศึกษาของ Gallup แสดงให้เห็นว่า ที่ทำงานที่มีส่วนร่วมในระดับสูงมีการขาดงานลดลง 41%

หากพนักงานของคุณไม่รู้สึกผูกพันในสิ่งที่พวกเขาทำ พนักงานก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อธุรกิจของคุณมากมาย และจะไม่ใส่ใจที่จะมาทำงาน ซึ่งจะสร้างภาระให้กับคนที่เหลือในทีม ทำให้สมาชิกคนอื่นๆ อาจต้องมีภาระงานเพิ่มขึ้น และนำไปสู่ความเครียดและความขุ่นเคืองได้

รักษาการมีส่วนร่วมของพนักงานที่ที่ทำงานจากทางไกลเอาไว้
รักษาการมีส่วนร่วมของพนักงานที่ที่ทำงานจากทางไกลเอาไว้

เนื่องจากผู้คนนับล้านทำงานจากที่บ้านในช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลกของโควิด-19 แนวโน้มของการทำงานจากทางไกลทั่วโลกก็เริ่มจะแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งบางบริษัทก็ได้บอกว่าพวกเขาวางแผนที่จะทำให้การทำงานจากทางไกลเป็นรูปแบบการทำงานที่จะนำมาใช้อย่างถาวร แม้ว่าจะหมดช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลกไปแล้ว แล้วคุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าโครงการคิดริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมในที่ทำงานของคุณยังคงมีประสิทธิภาพอยู่

หากโครงการเหล่านั้นได้รับการจัดการที่ดี การทำงานจากทางไกลจะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงานได้ บ่อยครั้ง ผู้คนสามารถเลือกเวลาทำงานที่เหมาะกับตนเองได้ และพวกเขาก็รู้สึกยินดีที่ผู้จัดการไว้วางใจให้พวกเขาทำงานโดยใช้โครงการริเริ่มของตนเอง นอกจากนั้นแล้ว พนักงานเหล่านี้ยังมีความเครียดจากการเดินทางในแต่ละวันน้อยลง รวมถึงมีสิ่งรบกวนสมาธิในออฟฟิศและการประชุมที่ไม่มีประโยชน์น้อยลงด้วย

แต่การทำงานจากทางไกลก็ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรคไปเสียทีเดียว เพราะการทำงานรูปแบบนี้อาจทำให้พนักงานรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา และรู้สึกว่าถูกแยกออกจากเพื่อนร่วมงานได้ พนักงานเหล่านี้อาจมีปฏิสัมพันธ์กับผู้จัดการน้อยลง รวมถึงเทคโนโลยีที่บริษัทมีให้ก็อาจจะล้าสมัยหรือไร้ประสิทธิภาพ พนักงานที่ทำงานจากที่บ้านอาจรู้สึกว่าตนต้องทำงานตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหมดไฟได้ และทั้งหมดที่กล่าวมานี้อาจทำให้การรักษาวัฒนธรรมของบริษัท ค่านิยมหลัก และการมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นเรื่องยาก

การสื่อสาร

เมื่อการทำงานจากทางไกลยังคงอยู่ต่อไป การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ตัวอย่างเช่น องค์กรจำเป็นต้องมีวิธีที่ง่ายและรวดเร็วสำหรับให้ทีมถามคำถามกันเองเมื่อไม่ได้ทำงานอยู่ในออฟฟิศเดียวกัน นอกจากนั้นแล้ว คุณควรให้พนักงานได้รับข้อมูลสรุปที่ชัดเจนในช่วงต้นของแต่ละงาน พร้อมจัดการประชุมทางวิดีโอเป็นประจำเพื่อให้พนักงานสามารถโต้ตอบแบบเห็นหน้ากันได้

เทคโนโลยี

ไม่มีอะไรที่พนักงานจะรู้สึกหงุดหงิดไปมากกว่าคอมพิวเตอร์ที่ชอบหยุดทำงานบ่อยๆ หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ช้าเป็นเต่าอีกแล้ว เพื่อให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีมของคุณจะต้องใช้แล็ปท็อปที่ใช้งานได้ดีและเข้าถึงบรอดแบนด์ที่มีความเร็วสูง แทนที่จะใช้ไฟล์ที่แนบไปพร้อมกับอีเมลซึ่งดาวน์โหลดได้ช้า เครื่องมือการทำงานทางไกลที่มีประสิทธิภาพ เช่น แพลตฟอร์มการจัดการโปรเจ็กต์ วิดีโอแชท และการส่งข้อความด่วน จะเป็นประโยชน์ต่อพนักงานที่ทำงานจากทางไกลมากกว่า

วัฒนธรรมในออฟฟิศ

บางครั้ง พนักงานที่ทำงานจากทางไกลอาจรู้สึกว่าตนพลาดการเข้าสังคมในออฟฟิศไป เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมอยู่เสมอ คุณจะต้องให้พวกเขาเข้าร่วมในกิจกรรมและด้านที่สนุกสนานของวัฒนธรรมในออฟฟิศบ้าง โดยอาจจะเป็นการหาเวลาพูดคุยกันในช่วงเริ่มต้นวิดีโอคอล เช่น คุณอาจจะถามว่าช่วงสุดสัปดาห์เป็นอย่างไร หรือลูกๆ เป็นอย่างไรบ้าง เป็นต้น หรือคุณจะใช้องค์ประกอบที่สนุกสนาน เช่น การแข่งขันทางออนไลน์ ลีกกีฬาสุดแฟนตาซี หรือกระดานรูปภาพแสดงสัตว์เลี้ยงที่ช่วยในการทำงานก็ได้!

9 โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานสำหรับองค์กรของคุณ

9 โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานสำหรับองค์กรของคุณ

คุณจะนำโครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานไปใช้มากเท่าใดก็ได้เพื่อจุดประกายแรงบันดาลใจให้พนักงานของคุณ แต่ก็ควรจะพิจารณาเลือกโครงการที่จะมีประสิทธิภาพกับคุณมากที่สุดด้วย

1. การฝึกอบรมพนักงานใหม่แบบเป็นทางการ

คนที่เพิ่งเริ่มงานใหม่ๆ จะรู้ว่าการฝึกอบรมเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวแค่ไหน เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นการพบปะเพื่อนร่วมงานใหม่ และการใช้ซอฟต์แวร์ภายในองค์กร ไปจนถึงการค้นหาจุดยืนของตัวเอง กระบวนการการฝึกอบรมพนักงานใหม่แบบเป็นทางการจะช่วยดูแลพนักงานใหม่ตั้งแต่วันแรก เพื่อให้พนักงานใหม่รู้สึกได้รับการต้อนรับ ได้รับการสนับสนุน และไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องรับมือกับสิ่งที่หนักเกินไป องค์กรที่มีกระบวนการการฝึกอบรมพนักงานที่มีประสิทธิภาพมีอัตราการรักษาพนักงานใหม่ให้ทำงานอยู่กับองค์กรเพิ่มขึ้นถึง 82%

2. การให้คำปรึกษาและการสอน

ระบบการให้คำปรึกษาพนักงานที่จับคู่สมาชิกระดับอาวุโสในทีมกับพนักงานที่มีประสบการณ์น้อยจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันและการเติบโตส่วนบุคคลได้ และในทางปฏิบัติ การทำเช่นนี้จะช่วยให้พนักงานมีคนคอยตอบคำถามและข้อกังวลแม้ว่าจะดำเนินการทางออนไลน์ก็ตาม พนักงานมีแนวโน้มที่จะอยู่กับบริษัทมากขึ้นหากพวกเขารู้ว่ามีโอกาสในการก้าวหน้าทางด้านอาชีพการงานและสามารถพัฒนาตัวเองได้ องค์กรที่พนักงานที่ได้รับการสอนงานอย่างสม่ำเสมอมีผลลัพธ์ทางธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 21%

3. โปรแกรมการชมเชย

การชมเชยความสำเร็จของพนักงานและให้เครดิตเมื่อถึงเวลาต้องให้นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อพนักงานรู้สึกว่าตัวเองมีค่าและได้รับการชื่นชมจากการทำงานหนัก พนักงานเหล่านี้ก็จะอยากสร้างงานดีๆ ให้กับนายจ้างต่อไป จากข้อมูลของ Deloitte องค์กรที่มีวัฒนธรรมการชมเชยในระดับสูงมีอัตราการลาออกของพนักงานลดลง 30% เมื่อเทียบกับองค์กรที่กระตุ้นให้พนักงานทำงานโดยไม่มีรางวัลให้

แต่การชมเชยก็อาจทำให้มีความสมดุลได้ยากเนื่องจากพนักงานแต่ละคนมีความแตกต่างกัน บางคนต้องการให้คุณชมเชยต่อหน้าสาธารณชน ในขณะที่อีกหลายๆ คนอาจไม่อยากเป็นจุดสนใจและอยากได้ข้อความแสดงการชมเชยหรือการให้ของขวัญแบบส่วนตัวมากกว่า กุญแจสำคัญคือการสร้างแรงจูงใจให้สมาชิกในทีมโดยไม่ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีการแข่งขันกันมากจนเกินไป

4. การสอบถามเหตุผลของการ 'อยู่ต่อ' กับองค์กร

แม้ว่าการสอบถามถึงสาเหตุของการออกจากงานจะเป็นวิธีที่ดีในการค้นหาว่าเหตุใดพนักงานจึงลาออกจากองค์กรของคุณ ทว่าก็ไม่ได้ช่วยให้คุณรักษาพนักงานที่อาจคิดจะลาออกได้สักเท่าไรนัก การสอบถามอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณสามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้ก่อนที่จะสายเกินไป และเพื่อให้คุณเข้าใจวิธีที่จะรักษาผู้มีความสามารถเอาไว้ได้ สนับสนุนให้พนักงานของคุณพูดคุยเกี่ยวกับเป้าหมายด้านอาชีพและสิ่งที่พวกเขาต้องการเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้น วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจแรงจูงใจในการทำงานต่อและมอบการสนับสนุนที่จำเป็นต่อความก้าวหน้าของพนักงานได้

5. การรับฟังความเห็นของพนักงาน

วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการมีส่วนร่วมกับพนักงานของคุณคือการรับความเห็นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พนักงานรู้สึกเครียดหรือเรื่องที่ว่าพนักงานมีเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับงานนั้นๆ หรือไม่ คุณสามารถแจกจ่ายแบบสำรวจให้พนักงานทุกคนได้อย่างรวดเร็วเพื่อรับคำตอบเกี่ยวกับระดับการมีส่วนร่วมในทีมของคุณได้ในทันที การวัดการมีส่วนร่วมของพนักงานในเชิงปริมาณอาจเป็นเรื่องยาก แต่แบบสำรวจความพึงพอใจของพนักงานและโพลล์แบบไม่มีการกำหนดเวลาเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการวัดความรู้สึกโดยรวมขององค์กรของคุณในแบบเรียลไทม์

6. เครื่องมือในการทำงานร่วมกัน

การใช้เครื่องมือการสื่อสารแบบทันใจแทนการใช้ระบบที่ยุ่งยาก เช่น อีเมลและอินทราเน็ตเป็นวิธีที่ดีในการรักษาการเชื่อมต่อกับพนักงานไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ใด ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการประกาศสำหรับทั้งบริษัท ทั้งยังช่วยทำให้ทีมทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย 72% ของพนักงานกล่าวว่า เทคโนโลยีมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมในที่ทำงาน การมีเครื่องมือที่เหมาะสมสามารถเปลี่ยนแปลงระดับการมีส่วนร่วมได้อย่างมาก

7. การแบ่งปันความรู้

วัฒนธรรมที่เปิดกว้างและโปร่งใสซึ่งสนับสนุนการแบ่งปันความรู้เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้พนักงานมีส่วนร่วมและมีแรงจูงใจ ทีมต่างๆ มักจะถูกแบ่งแยกด้วยโปรเจ็กต์ที่ทำและขอบเขตของพื้นที่ทำงานของตน พวกเขาจึงไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ภาคส่วนอื่นๆ กำลังดำเนินการอยู่ ทีมที่มีการแบ่งปันเนื้อหา เคล็ดลับด้านเทคโนโลยี และไอเดียใหม่ๆ จะเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เมื่อพนักงานได้รับไอเดียจากคนอื่นๆ พวกเขาจะรู้สึกอยากประสบความสำเร็จมากขึ้น

8. การส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

พนักงานที่แข็งแรงและมีสุขภาพดีจะมีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าและใช้เวลาพักน้อยลง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและเงินทุนในธุรกิจของคุณได้ แผนงานที่ส่งเสริมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตจะทำให้พนักงานพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ มีสมาธิ และตื่นตัวในการทำงานมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว แผนงานดังกล่าวยังสนับสนุนให้พนักงานรักษาสุขภาพให้แข็งแรงนอกเวลางานอีกด้วย โดย 61% ของพนักงานในสหรัฐอเมริกากล่าวว่าโปรแกรมด้านสุขภาวะของบริษัทนี่เองที่ทำให้พวกเขาเลือกใช้วิถีชีวิตที่ส่งเสริมให้มีสุขภาพดีขึ้นได้ คุณสามารถนำโครงการคิดริเริ่มต่างๆ ไปใช้ได้ เช่น การจัดคลินิกด้านสุขภาพเป็นประจำ การปั่นจักรยานมาทำงาน และของว่างเพื่อสุขภาพฟรี

9. สมดุลการทำงานและการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น

ต้องยกความดีความชอบให้กับการทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและการทำงานจากทางไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงล็อกดาวน์ ที่ทำให้พนักงานจำนวนมากสามารถสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้นได้ แต่ก็มีหลายคนที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหมดไฟจากการพยายามให้ลูกเรียนที่บ้านและยังคงต้องทำงานเป็นเวลานานไปพร้อมกัน ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องพิจารณาถึงสิ่งที่พนักงานสามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาในการจัดสรรเวลาทำงานและเวลาของครอบครัว ความยืดหยุ่นจะทำให้การทำงานสนุกขึ้นมาก

วิธีนำโครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานไปใช้

วิธีนำโครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานไปใช้

โครงการคิดริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานไม่มีแนวทางที่ตายตัว คุณต้องค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณและปรับนโยบายของคุณให้เหมาะสม แม้ว่าคุณจะสามารถนำโครงการริเริ่มบางโครงการไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การเปิดตัวกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์รายสัปดาห์ แต่โครงการริเริ่มอื่นๆ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมในการมีส่วนร่วมของพนักงานในระดับที่เป็นกลยุทธ์มากกว่า แผนงานต่างๆ เช่น โปรแกรมด้านสุขภาวะ การตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน และกระบวนการฝึกอบรมพนักงานใหม่ จะต้องมีการขอความเห็นจากจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลเพื่อให้สามารถวัดผลลัพธ์ได้ และคุณจะเห็นผลที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

การสร้างวัฒนธรรมที่พนักงานรู้สึกว่าตนเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญในทุกสิ่งที่คุณทำ อย่าคิดไปเองว่าคุณรู้ว่าพนักงานต้องการอะไร และถ้าเป็นไปได้ วัตถุประสงค์ทางธุรกิจโดยรวมของบริษัท เป้าหมายของทีม และเป้าหมายของแต่ละบุคคลก็ควรจะมีความสอดคล้องกันด้วย

กำหนดผู้ที่มีหน้าที่ติดตามความคืบหน้าของโครงการริเริ่มอย่างชัดเจน โดยอาจจะเป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้จัดการสายงาน หรือพนักงานอาวุโส นอกจากนี้ คุณยังสามารถจัดตั้งคณะกรรมการหรือจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานเพื่อมาทำหน้าที่ดูแลกลยุทธ์ของคุณก็ได้เช่นกัน

วิธีทำให้โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานเกิดประโยชน์สูงสุด

วิธีทำให้โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานเกิดประโยชน์สูงสุด

คุณไม่ควรมองว่าโปรแกรมด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นสิ่งที่ต้องทำแบบตายตัว แต่ควรมองว่าเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงพนักงานหรือความนิยมของโครงการคิดริเริ่มบางโครงการลดลง

ประเมินกระบวนการของคุณอยู่เสมอเพื่อดูว่าสามารถปรับปรุงส่วนใดได้บ้างด้วยการรวบรวมคำติชมจากพนักงานที่ทำงานจากทางไกลและในออฟฟิศ ตรวจสอบแน่ใจว่าคุณวัดการมีส่วนร่วมของพนักงานอย่างสม่ำเสมอและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาสิ่งเหมาะสมกับพนักงานของคุณที่สุด นอกจากนั้นแล้ว การกำหนดเป้าหมายที่มีความเจาะจงก็เป็นประโยชน์เช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากคุณประสบปัญหาด้านการรักษาพนักงานให้ทำงานต่อกับองค์กร คุณอาจตั้งเป้าหมายที่จะลดอัตราการลาออกลง 10% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าได้

เมื่อคุณเริ่มเข้าใจสิ่งที่เหมาะสมกับพนักงานมากขึ้นแล้ว คุณจะสามารถเริ่มโครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานในแบบที่เหมาะสมกับพนักงานมากขึ้นได้

แผนที่เส้นทางการทำงานของพนักงาน (ภาพที่แสดงระยะการทำงานต่างๆ ของพนักงานในช่วงที่ทำงานกับบริษัท) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการวิเคราะห์ 'ปัญหา' ของพนักงานเมื่อจำเป็นต้องดำเนินการรักษาการมีส่วนร่วมให้อยู่ในระดับสูง

หัวข้อที่คุณอาจสนใจ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

โพสต์ล่าสุด

การมีส่วนร่วมของพนักงาน | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

วิธีวัดการมีส่วนร่วมของพนักงานอย่างแท้จริง

การวัดการมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นเรื่องยาก คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าพนักงานมีส่วนร่วมในที่ทำงานจริงๆ หรือไม่ ค้นพบวิธีวัดระดับการมีส่วนร่วมของพนักงานโดยใช้ตั้งแต่แบบสำรวจความพึงพอใจไปจนถึงเกณฑ์ชี้วัดประสิทธิภาพการทำงาน

การทำงานจากทางไกล | ใช้เวลาอ่าน 5 นาที

สนับสนุนพนักงานในโลกของการทำงานทางไกล

วิธีที่ Workplace ช่วยเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารที่ถูกต้องแม่นยำ และช่วยสนับสนุนพนักงานในการทำงานทางไกล