การมีส่วนร่วมของพนักงานคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อองค์กรของคุณ

เรียนรู้เกี่ยวกับตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน และวิธีสังเกตเมื่อพนักงานรู้สึกไม่มีส่วนร่วมกับการทำงาน

การมีส่วนร่วมของพนักงาน | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที
employee engagement - Workplace from Meta

คุณสามารถพึ่งพาทีมของคุณได้ แม้ว่าพวกเขาจะตอกบัตรเข้าทำงานทุกวัน แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาทำงานเพียงเพราะความเคยชิน หรือกำลังทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับงานและใช้ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่

แม้ว่าการมีส่วนร่วมของพนักงานจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ แต่สิ่งนี้ก็ถือเป็นความท้าทายเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การระบาดใหญ่ทั่วโลกของไวรัสโคโรน่าที่ส่งผลให้การทำงานต้องหยุดชะงักและทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องทำงานจากทางไกล เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับการมีส่วนร่วม ความสำคัญของการมีส่วนร่วม และวิธีสร้างการมีส่วนร่วมกันในบทความนี้

ขจัดปัญหาในที่ทำงานด้วย Workplace

ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้

การมีส่วนร่วมของพนักงานคืออะไร

การมีส่วนร่วมของพนักงานคืออะไร

การมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นคำที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ทว่ากลับเป็นคำที่อธิบายความหมายได้ยาก การมีส่วนร่วมของพนักงานใช่ความสุข ความเต็มใจที่จะก้าวไปข้างหน้า ความภักดี ความทุ่มเท หรือแรงผลักดันกันแน่ จริงๆ แล้วนั้น การมีส่วนร่วมของพนักงานคือทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น แล้วผสมผสานกับปัจจัยอื่นๆ เข้าไปอีกเล็กน้อย

ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลของ Sage People กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของพนักงานว่าเป็น 'การทำอะไรที่มากกว่าแค่เรื่องพื้นฐาน' และ 'การสร้างสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น' Gallup ยังได้ให้ความหมายของคำว่าพนักงานที่มีส่วนร่วมว่าเป็น 'ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กระตือรือร้น และมุ่งมั่นในการทำงานและองค์กรของตนเอง' ในขณะที่ CIPD เน้นไปที่ความสัมพันธ์และเรียกพนักงานที่มีส่วนร่วมว่าเป็น 'การผสมผสานระหว่างความมุ่งมั่นทุ่มเทต่อองค์กรกับคุณค่าและความเต็มใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน'

การมีส่วนร่วมของพนักงานไม่ใช่แค่การตอกบัตรเข้าทำงานในทุกๆ วัน แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานเท่านั้น แต่คือการมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับงานที่ทำ กับผู้คนที่คุณร่วมงานด้วย ตลอดจนตัวองค์กรเอง อย่างไรก็ดี การวัดการมีส่วนร่วมของพนักงานหรือสร้างสายสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป จากข้อมูลจาก Gallup ในปี 2019 ระบุว่า พนักงานในสหรัฐฯ ที่รู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมในองค์กรมีเพียง 35% เท่านั้น และตัวเลขดังกล่าวนับเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 19 ปี

การมีส่วนร่วมของพนักงานกับความพึงพอใจของพนักงานเหมือนกันหรือไม่

การมีส่วนร่วมของพนักงานกับความพึงพอใจของพนักงานเหมือนกันหรือไม่

แม้จะมีข้อพิสูจน์บางอย่างที่บ่งชี้ว่า ความพึงพอใจในหน้าที่การงานมีส่วนช่วยให้เกิดการมีส่วนร่วม แต่มันก็อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เมื่อ Society for Human Resource Management พิจารณาความพึงพอใจและการมีส่วนร่วมของพนักงาน องค์กรแห่งนี้ก็พบว่า แม้ว่า 88% ของผู้ตอบแบบสำรวจจะมีความพึงพอใจในหน้าที่การงานของตนเอง แต่การมีส่วนร่วมในองค์กรของพวกเขากลับอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ความพึงพอใจของพนักงานและการมีส่วนร่วมของพนักงานจึงไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ให้คุณลองคิดว่าความพึงพอใจคือความรู้สึกเป็นสุข คนที่รู้สึกพึงพอใจจะรู้สึกสุขสบายกับสิ่งที่ตนทำและรู้สึกว่าตนสามารถทำสิ่งนั้นได้ พวกเขาพอใจกับค่าจ้างและสภาพการทำงานพอสมควร ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี แต่พวกเขาไม่ได้รับความท้าทาย แรงจูงใจ หรือการสนับสนุน พวกเขาใช้เวลาไปกับการทำงาน แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับงาน ผู้คนรอบข้าง หรือองค์กรแต่อย่างใด สิ่งนี้เองที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของบุคคลเหล่านี้ เพราะในขณะที่พวกเขารู้สึกพึงพอใจกับสิ่งต่างๆ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีแรงจูงใจในการทำงานให้ออกมาดีกว่าพนักงานที่รู้สึกไม่พึงพอใจในการทำงาน ซึ่งสิ่งนี้สามารถส่งผลต่อผลิตภาพและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้

ถ้าหากความพึงพอใจและการมีส่วนร่วม ทั้งสองสิ่งนี้ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน แล้วความสุขล่ะ นักวิจารณ์บางรายให้เหตุผลว่า ความสุขไม่ได้ทำให้คุณมีส่วนร่วมเสมอไป เช่นเดียวกับการที่คุณรู้สึกพึงพอใจกับงานของคุณ ในทางกลับกัน คุณอาจรู้สึกมีส่วนร่วมกับงานของคุณอย่างมาก แต่ไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลย อย่างไรก็ตาม การวิจัยที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความสุขกับการมีส่วนร่วมชี้ให้เห็นว่า พนักงานที่มีความสุขมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในที่ทำงานมากกว่า นอกจากนี้ Kevin Druse ผู้เขียนหนังสือ Employee Engagement 2.0 ยังได้กล่าวอีกด้วยว่า "การมีส่วนร่วมในที่ทำงานกับการมีความสุขไม่ใช่สิ่งเดียวกัน คุณจำเป็นต้องมีส่วนร่วมจึงจะมีความสุขได้" ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาวิธีการสร้างการมีส่วนร่วม คุณจะตัดความสุขออกจากสมการนี้ไม่ได้เลย

เหตุใดการมีส่วนร่วมของพนักงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

เหตุใดการมีส่วนร่วมของพนักงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

การมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากส่งผลต่อหลายๆ ด้านที่สำคัญขององค์กร ตั้งแต่ประสิทธิภาพการทำงาน ผลิตภาพ อัตราการทำงานต่อกับองค์กร ไปจนถึงชื่อเสียงขององค์กร

การมีส่วนร่วมของพนักงานและผลิตภาพ

ผลิตภาพที่ต่ำหรือลดลงเป็นปัญหาในบางประเทศรวมถึงสหราชอาณาจักร ที่พนักงานกว่า 1 ใน 3 ที่ตอบแบบสำรวจของงานวิจัยชิ้นหนึ่งยอมรับว่า ตนรู้สึกว่าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้น้อยกว่า 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การมีส่วนร่วมของพนักงานส่งผลต่อผลิตภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยสามารถเพิ่มผลิตภาพได้สูงสุดถึง 21% และแน่นอนว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมอย่างมากด้วยเช่นเดียวกัน

แล้วเพราะเหตุใดพนักงานที่มีสวนร่วมกับองค์กรจึงทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่ามาก ทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า นั่นเป็นเพราะพวกเขา 'ทุ่มเททำงาน' มากขึ้น หรืออาจกล่าวได้ว่า พวกเขาเต็มใจที่จะก้าวไปอีกขั้น ทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากความคาดหมายและทุ่มเทความพยายามมากขึ้น เช่น ทำงานล่วงเวลาเพื่อให้งานเสร็จลุล่วงหรือทันกำหนด โดยรายงาน Move, Mould, Motivate ของ Sodexo ระบุว่า 82% ของพนักงานที่มีส่วนร่วมกับองค์กรกล่าวว่า ตนทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่

เพิ่มอัตราการทำงานต่อกับองค์กร

การศึกษาเผยให้เห็นว่า เมื่อพนักงานมีส่วนร่วม อัตราการลาออกของพนักงานจะลดลงถึง 59%1 ซึ่งหมายความว่า พนักงานมีความมั่นคงมากขึ้นและทำงานได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ พนักงานที่มีส่วนร่วมยังสามารถเป็นผู้เผยแพร่วัฒนธรรมขององค์กรได้อีกด้วย พวกเขามีแนวโน้มที่จะแนะนำบริษัทของตนว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การทำงานมากกว่าพนักงานคนอื่นเกือบ 9 เท่าด้วยกัน ซึ่งช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กรในฐานะบริษัทที่พนักงานต่างเลือกที่จะร่วมงานด้วย

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการหาพนักงานใหม่มาทดแทนนั้นมีค่าใช้จ่ายมหาศาล โดยได้มีการประมาณการไว้ว่า การหาพนักงานใหม่มาทดแทนพนักงานคนก่อนในสหรัฐฯ นั้นมีมูลค่าเทียบเท่ากับเงินเดือน 6-12 เดือนของพนักงานรายดังกล่าว และในสหราชอาณาจักร ค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจมีมูลค่าถึง 30,000 ปอนด์เลยทีเดียว

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น เพราะเมื่อมีคนลาออกจากงาน ก็จะทำให้ทีมต่างๆ หยุดชะงักและสูญเสียกำลังใจ อีกทั้งอาจทำให้องค์ความรู้รั่วไหลออกจากองค์กรอีกด้วย ธุรกิจจำเป็นต้องมองหาและฝึกอบรมพนักงาน และทำแบบนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าพนักงานของตนลาออกมากน้อยเพียงใด อีกทั้งพนักงานใหม่ยังต้องใช้เวลาในการเรียนรู้งาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลิตภาพที่สำคัญทั้งหมดอีกด้วย

ความเสี่ยงที่บริษัทต่างๆ จะสูญเสียพนักงานไปมีอยู่สูง การสำรวจโดยบริษัทจัดหางานรายหนึ่งแสดงให้เห็นว่า พนักงานในสหราชอาณาจักรมากกว่าครึ่งต้องการลาออกจากงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียลที่มีแนวโน้มที่จะหางานใหม่ โดย 49% ของคนยุคนี้กล่าวว่า ตนต้องการลาออกจากงานในอีก 2 ปีข้างหน้า ดังนั้น การมีส่วนร่วมของพนักงานจึงยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ

ลดอัตราการขาดงาน

พนักงานที่ไม่มีส่วนร่วมมักจะขาดงานโดยไม่บอกล่วงหน้า ทำให้พนักงานที่เหลือในทีมต้องทำงานในส่วนดังกล่าวแทน การมีส่วนร่วมและกำลังใจในการทำงานลดลง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภาระงานให้แก่ผู้อื่น ซึ่งส่งผลให้ผู้คนเริ่มไม่มีส่วนร่วมกับการทำงานและขาดงานมากยิ่งขึ้นตามมา เมื่อพูดถึงการมีส่วนร่วม การขาดงานอาจถือเป็นวงจรอุบาทว์และเป็นปัญหาที่มีราคาแพง เพราะการสูญเสียผลิตภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับการลาป่วยนั้นมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปีเลยทีเดียว ดังนั้น การมีส่วนร่วมของพนักงาน ซึ่งรวมไปถึงการส่งเสริมสุขภาวะจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยการศึกษาต่างๆ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พนักงานที่มีส่วนร่วมจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลาป่วยน้อยลง

ปรับปรุงการให้บริการลูกค้า

แรงผลักดันและความมุ่งมั่นจากพนักงานที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงจะแสดงออกมาในการกระทำทุกอย่างของพวกเขา ซึ่งรวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า พวกเขาเต็มใจที่จะก้าวไปอีกขั้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะแนะนำบริษัทให้กับผู้อื่นมากขึ้น นอกจากนี้ บุคคลเหล่านี้ยังมีแนวโน้มสูงที่จะร่วมเสนอไอเดียในการปรับปรุงประสบการณ์การให้บริการที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของบริษัทโดยรวมทั้งสิ้น

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของพนักงาน

อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมของพนักงาน

การมีส่วนร่วมของพนักงานมีหลากหลายรูปแบบ บางคนอาจมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ เช่น ความทุ่มเทในการทำงานหรือผลิตภาพที่ดีขึ้น ในขณะที่บางคนก็มองว่าการมีส่วนร่วมเป็นสภาวะทางจิตใจมากกว่า แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกมองการมีส่วนร่วมในแง่มุมใด การวิจัยได้แสดงให้เราเห็นถึงประเด็นต่างๆ ด้านการทำงานที่มีความสำคัญและควรให้ความสนใจเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน ดังนี้

วัฒนธรรม

ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังมองหาวัฒนธรรมองค์กรที่สอดคล้องกับค่านิยมของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียลที่แสวงหางานที่มีจุดมุ่งหมายและมองหาบริษัทที่มีค่านิยมในการรับผิดชอบต่อสังคมที่สะท้อนถึงค่านิยมของตนเอง แม้ว่าผู้นำธุรกิจจะตระหนักถึงความสำคัญของวัฒนธรรมในแง่ของการดึงดูดการมีส่วนร่วมของผู้คน แต่พวกเขาก็ยังมองว่าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน ซึ่งจุดเริ่มต้นของประเด็นนี้คือการให้ความหมายกับสิ่งต่างๆ เช่น พันธกิจและค่านิยมองค์กรของคุณมีอะไรบ้าง ผู้นำองค์กรปฏิบัติตามพันธกิจและค่านิยมดังกล่าวหรือไม่ รวมไปถึงว่าพนักงานมีความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าคุณจะต้องทำทุกสิ่งด้วยความจริงใจ ไม่อย่างนั้นแล้ว พนักงานก็จะไม่คล้อยตามกับประเด็นเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น คนยุคมิลเลนเนียล 68% ที่ทำงานในภาคบริการทางการเงินกล่าวว่า บริษัทอาจพูดถึงความหลากหลาย แต่คนในองค์กรกลับไม่ได้รับโอกาสที่เท่ากัน เป็นต้น

สุขภาวะ

สุขภาวะของพนักงานทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และจิตใจล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของพนักงานอย่างมาก ผู้คนที่รู้สึกว่าสุขภาวะของตนอยู่ในระดับสูงกล่าวว่า ตนมีความผูกพันกับองค์กรมากกว่าผู้คนที่มีสุขภาวะต่ำ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เนื่องจากพนักงานที่มีภาวะหมดไฟ ทำงานหนักเกินไป และไม่สามารถอยู่ในรูปแบบการทำงานที่มีความเข้มงวดได้นั้นมีแนวโน้มที่จะไม่มีส่วนร่วมในการทำงาน นอกจากนี้ หากร่างกายของคุณได้รับบาดเจ็บในที่ทำงาน คุณก็จะไม่สามารถมีส่วนร่วมกับองค์กรได้ ทั้งนี้ ได้มีการประมาณการตัวเลขไว้ว่า ธุรกิจในสหราชอาณาจักรสูญเสียวันทำงานถึง 28.2 ล้านวันจากการที่พนักงานมีอาการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับกระดูกและกล้ามเนื้อ

ความเป็นอิสระ

ความเป็นอิสระและการมีส่วนร่วมเป็นวงจรที่ส่งเสริมกัน พนักงานที่มีส่วนร่วมจะรู้สึกว่าตนเองมีทางเลือกและมีอิสระในการรับผิดชอบงานของตนเอง และ 79% ของพนักงานที่มีอิสระมักจะมีส่วนร่วมในงานของตนเองมากกว่าพนักงานที่ไม่มีอิสระ แต่คุณจะรักษาสมดุลระหว่างการให้อิสระและให้การสนับสนุนได้อย่างไร การบริหารงานแบบควบคุมทุกรายละเอียดเป็นตัวการสำคัญที่คอยทำลายการมีส่วนร่วม การมีคนคอยเป็นกังวลในเรื่องของคุณอยู่เสมอนั้นทำให้ความเชื่อใจค่อยๆ ถูกทำลายลงทีละน้อยๆ ในทางกลับกัน ผู้จัดการที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับพนักงาน เข้าถึงได้ยาก ไม่เคยหรือไม่ค่อยให้คำปรึกษาหรือแสดงความคิดเห็นก็เป็นการทำลายการมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน คนเราต้องการอิสระในการทำงาน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการเป้าหมายที่ตนต้องรับผิดชอบอย่างชัดเจน ต้องการคำติชมเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานของตน และรู้ว่าจะต้องเข้าหาใครเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

เมื่อการทำงานทางไกลและการทำงานแบบผสมผสานได้กลายเป็นเรื่องปกติสามัญมากยิ่งขึ้น ก็นับเป็นเรื่องดีที่การที่ผู้คนมีอิสระและยืดหยุ่นที่มากขึ้นนี้จะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้นได้ แต่เมื่อเป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมของพนักงานที่ทำงานทางไกล สิ่งสำคัญคือการสร้างสมดุลระหว่างการไว้วางใจให้พนักงานทำงานอย่างอิสระกับการมอบเครื่องมือต่างๆ ที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้เพื่อเชื่อมต่อกับผู้จัดการและเพื่อนร่วมงาน

ความตรงไปตรงมา

ความโปร่งใสในการบริหารจัดการเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อองค์กร การศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่า ความโปร่งใสในการบริหารจัดการนั้นเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งที่ส่งผลต่อความสุขของพนักงาน แต่ทั้งความตรงไปตรงมาและความโปร่งใสก็สามารถนำไปใช้ให้ได้ผลดีด้วยกันทั้งคู่ได้ เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมกับองค์กร พวกเขาจะต้องรู้ความเป็นไปในองค์กร และจะต้องสามารถแสดงความคิดเห็นของตนและรู้ว่าตนมีความสำคัญต่อธุรกิจด้วย

การสื่อสาร

การสื่อสารเป็นจุดศูนย์กลางที่เชื่อมโยงตัวขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมทั้งหมดไว้ด้วยกัน ช่องทางที่เปิดกว้างและเครื่องมือการสื่อสารจะช่วยให้องค์กรสามารถแบ่งปันค่านิยมในเชิงวัฒนธรรม คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาวะ ข้อมูลบริษัท ตลอดจนสิ่งต่างๆ ที่จะยิ่งมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นเมื่อเป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมของพนักงานที่ทำงานทางไกล นอกจากนี้ เครื่องมือเหล่านี้ยังช่วยให้พนักงานที่ทำงานทางไกลสามารถนำไปปรับใช้กับเป้าหมาย ได้รับการสนับสนุน และรับฟังความเห็นต่างๆ อีกด้วย

สัญญาณที่บ่งบอกว่าพนักงานไม่มีส่วนร่วมในที่ทำงานมีอะไรบ้าง

สัญญาณที่บ่งบอกว่าพนักงานไม่มีส่วนร่วมในที่ทำงานมีอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึงการมีส่วนร่วม เราสามารถแบ่งผู้คนออกเป็น 2 ประเภทได้ง่ายๆ ประเภทแรกคือ คนที่กระตือรือร้น ทุ่มเท และมีส่วนร่วม ส่วนอีกประเภทหนึ่งคือ คนที่รู้สึกไม่พึงพอใจ แปลกแยก และไม่มีส่วนร่วม ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักจะอยู่ระหว่างกึ่งกลางของคนทั้งสองประเภทนี้ ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Gallup ชี้ให้เห็นว่า พนักงาน 52% ไม่มีส่วนร่วมกับองค์กร พวกเขามาทำงานทุกวัน ทำผลงานออกมาได้น้อยที่สุด และในขณะเดียวกันก็กำลังมองหางานใหม่ให้กับตนเอง โดยไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นแต่อย่างใด

อีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรคำนึงก็คือ องค์กรต่างๆ มีรูปแบบการมีส่วนร่วมที่ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งตามลำดับขั้น อาชีพ และระยะเวลาในการทำงานล้วนส่งผลต่อการมีส่วนร่วมทั้งสิ้น พนักงานผู้อาวุโสมักจะมีส่วนร่วมกับองค์กรมากกว่า แต่การมีส่วนร่วมก็สามารถลดน้อยลงหลังจากที่พนักงานทำงานให้กับองค์กรนานเป็นระยะเวลาหนึ่งได้เช่นกัน อีกทั้งบทบาทการทำงานที่ท้าทายกว่าก็มีแนวโน้มจะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในระดับที่สูงขึ้นอีกด้วย

สัญญาณบางอย่างของการเลิกรู้สึกมีส่วนร่วมนั้นสามารถเห็นได้ชัดเจน ซึ่งคุณอาจเห็นได้ชัดว่าพนักงานที่รู้สึกไม่มีส่วนร่วมกับองค์กรนั้นดูไม่มีความสุข แต่บางสัญญาณก็ไม่สามารถมองออกได้ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมของพนักงานที่ทำงานทางไกล และเนื่องจากการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นอาจมีความสำคัญอย่างมากต่อองค์กรของคุณ ดังนั้น การรับทราบถึงสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณกำลังประสบปัญหาและรับมือกับปัญหานั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสิ่งที่คุณควรสังเกตมีดังต่อไปนี้

ประสิทธิภาพที่ลดลง

ปัญหานี้อาจใช้เวลานานกว่าจะเกิดขึ้น คุณจึงสังเกตเห็นได้ยากในบางครั้ง พนักงานที่ไม่มีส่วนร่วมอาจเริ่มส่งงานไม่ทันกำหนด ผลงานอาจลดลง หรือคุณภาพในการทำงานลดลง การมีการกำกับดูแลที่เหมาะสมและการบันทึกเวลาการเข้าทำงานอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้จัดการสามารถถามคำถามได้อย่างตรงจุดและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าพนักงานคนดังกล่าวอาจกำลังเผชิญกับปัญหา เพราะพวกเขารู้สึกว่าตนเองไม่มีทักษะหรือเครื่องมือการทำงานที่เหมาะสม หรืออาจรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่ท้าทายพอและน่าเบื่อหน่าย

รูปแบบการทำงานที่มีปัญหา

เราทุกคนทราบดีว่าพนักงานที่มีส่วนร่วมมักมีแนวโน้มที่จะขาดงานน้อยกว่า แต่การขาดงานไม่ได้เป็นเพียงสัญญาณเดียวของปัญหาด้านการมีส่วนร่วม การฝืนทำงาน (การทำงานในขณะที่เจ็บป่วย) และการทำงานในวันหยุด (การทำงานในช่วงที่คุณควรหยุดพักผ่อน) ทั้งสองสิ่งนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้คนไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานเท่าที่ควรได้เช่นกัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป โดย 89% ของผู้ตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับสุขภาพและสุขภาพวะในที่ทำงานประจำปี 2020 ของ CIPD อยู่ในภาวะฝืนทำงาน และ 73% นั้นต้องทำงานในวันหยุด ดังนั้น คุณจึงควรระมัดระวังไม่ให้เกิดภาระงานที่ไม่สามารถควบคุมได้และนโยบายที่ไม่มีความยืดหยุ่นมากพอที่จะรักษาสมดุลที่ดีระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว

การปลีกตัวจากการเข้าสังคม

หากพนักงานที่มักจะร่วมพูดคุยเรื่องงานหรือแชทออนไลน์เริ่มมีพฤติกรรมเก็บตัว นี่อาจเป็นสัญญาณของการรู้สึกเลิกมีส่วนร่วมจากงานและองค์กรได้ ในทางกลับกัน พฤติกรรมนี้อาจมีสาเหตุจากปัญหาส่วนตัว หรือแม้กระทั่งการกลั่นแกล้งก็เป็นได้ ดังนั้น ผู้จัดการจึงไม่ควรด่วนสรุป แต่ควรสอบถามอย่างรอบคอบเสียก่อน อีกสิ่งหนึ่งที่ควรเฝ้าระวังนั่นคือกรณีที่มีพนักงานหยุดเข้าร่วมการโทรสนทนาและการประชุม เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณว่าพวกเขาเริ่มรู้สึกแปลกแยกจากกระบวนการทำงาน หรือกำลังประสบปัญหาด้านความเชื่อมั่นอยู่ก็เป็นได้

การบั่นทอนความสำเร็จของเพื่อนร่วมงาน

มีเพียงพนักงานที่ไม่มีส่วนร่วมในการทำงานอย่างสิ้นเชิงเท่านั้นที่มีแนวโน้มทำเช่นนี้ พวกเขาไม่มีความสุขกับการทำงานที่พวกเขาไม่พึงพอใจจนทำให้ไม่มีความพยายาม พวกเขาจะดูหมิ่นความพยายามของผู้อื่น และมักจะดูหมิ่นบริษัทด้วยเช่นกัน ปัญหานี้อาจสร้างผลเสียร้ายแรงต่อกำลังใจในการทำงาน องค์กรจึงต้องจัดการกับปัญหานี้อย่างรวดเร็ว

การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ไม่ดี

การทำงานเป็นทีมที่แย่และพฤติกรรมหยาบคายต่อเพื่อนร่วมงานอาจเป็นสัญญาณของการไม่มีส่วนร่วมได้ ปัญหาเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งที่ส่งผลเสียต่อที่ทำงานและจำเป็นที่ผู้จัดการจะต้องเข้าไปแก้ไขเรื่องนี้

การทำงานตามเกณฑ์ขั้นต่ำ

ในขณะที่พนักงานที่มีส่วนร่วมมักจะทุ่มเทความพยายามไปกับการทำงาน แต่พนักงานที่ไม่มีส่วนร่วมจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะทำงานให้มากขึ้นโดยไม่สนใจว่างานที่ตนทำจะช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานได้มากน้อยเพียงใด พนักงานที่มีประสิทธิภาพและสามารถทำงานได้ดีมักจะจัดการกับปริมาณงานของตนเองได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว แต่นั่นก็อาจเป็นสัญญาณของการมีส่วนร่วมที่ต่ำได้เช่นกัน เช่น เมื่อพนักงานไม่มีส่วนร่วมกับองค์กร พวกเขาก็จะทำงานตามเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้นและไม่ทำอย่างอื่นเลย ซึ่งหากพนักงานไม่มีส่วนร่วมอยู่บ่อยๆ พวกเขาก็มักจะมาทำงานสายและเลิกงานก่อนเวลาเป็นประจำ

การขาดความสนใจที่จะฝึกอบรมหรือเรียนรู้

พนักงานที่ไม่มีส่วนร่วมอาจไม่ยอมรับความท้าทายใหม่ๆ และหันหลังให้กับโอกาสในการเรียนรู้ทักษะหรือขั้นตอนการทำงานใหม่ในบริษัท เพราะพวกเขามองไม่เห็นอนาคต ซึ่งหากองค์กรไม่สามารถเรียกคืนความสนใจจากพนักงานกลับมา ก็อาจถึงเวลาที่องค์กรจะต้องปรับตัว

วิธีเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน

วิธีเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน

โครงการริเริ่มด้านการมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นโครงการที่จะครอบคลุมทั้งในส่วนของภาพรวมและรายละเอียด โดยนโยบายบางอย่างจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมของพนักงานในระดับกลยุทธ์มากขึ้น เช่น นโยบายด้ายความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก ตลอดจนการให้ความหมายต่อวิสัยทัศน์และค่านิยมขององค์กร นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ อาจต้องการสร้างกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของพนักงานของตัวเอง กำหนดเป้าหมายและ KPI รวมถึงเลือกตัวขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมเพื่อจัดลำดับความสำคัญ

ในระดับที่เน้นไปที่ยุทธวิธีนั้น การปรับปรุงการมีส่วนร่วมของพนักงานถือเป็นงานที่ต้องทำแบบวันต่อวัน ซึ่งผู้จัดการต้องแสดงให้เห็นถึงค่านิยมของบริษัทในสิ่งที่ตนทำ แบ่งปันหลักปฏิบัติที่ดีที่สุด รักษาการสื่อสารแบบสองทางให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และตระหนักถึงสิ่งที่ตนสามารถทำได้เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงานแต่ละคนในทีมของตน

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

โพสต์ล่าสุด

การมีส่วนร่วมของพนักงาน | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

วิธีวัดการมีส่วนร่วมของพนักงานอย่างแท้จริง

การวัดการมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นเรื่องยาก คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าพนักงานมีส่วนร่วมในที่ทำงานจริงๆ หรือไม่ ค้นพบวิธีวัดระดับการมีส่วนร่วมของพนักงานโดยใช้ตั้งแต่แบบสำรวจความพึงพอใจไปจนถึงเกณฑ์ชี้วัดประสิทธิภาพการทำงาน

ข่าวสารจาก Workplace | ใช้เวลาอ่าน 5 นาที

สนับสนุนพนักงานในโลกของการทำงานทางไกล

วิธีที่ Workplace ช่วยเป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารที่ถูกต้องแม่นยำ และช่วยสนับสนุนพนักงานในการทำงานทางไกล

ผลิตภาพ | ใช้เวลาอ่าน 7 นาที

วิธีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคุณ

ใครๆ ก็มีศักยภาพเพิ่มขึ้นได้ คุณแค่ต้องกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของตนเอง เคล็ดลับเหล่านี้สามารถทำตามได้ง่ายๆ และช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้