อัตราการทำงานต่อกับบริษัท: สุดยอดเคล็ดลับในการมัดใจพนักงานมากความสามารถ

เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกเมื่อพนักงานจำนวนมากต่างทยอยลาออกจากงาน จนมีการตั้งชื่อเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "การลาออกครั้งใหญ่" (Great Resignation) คำถามที่ตามมาคือ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร องค์กรต่างๆ จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง แล้วคุณเองจะสามารถมัดใจพนักงานที่คุณต้องการรักษาไว้ในบริษัทได้อย่างไร

การมีส่วนร่วมของพนักงาน | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

การระบาดใหญ่ทั่วโลกนอกจากจะเปลี่ยนวิธีการทำงานโดยพื้นฐานของเราแล้ว ยังส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากได้ทบทวนเรื่องการทำงานของตนเองอีกด้วย โดยในเดือนกรกฎาคม 2021 เพียงเดือนเดียว สหรัฐอเมริกามีจำนวนพนักงานที่ลาออกจากงานอยู่ที่ 4 ล้านตำแหน่ง1 ในขณะที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก พนักงาน 20% ในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า การระบาดใหญ่ทั่วโลกทำให้ตนได้หันกลับมาคิดเรื่องอาชีพการงานอีกครั้งหนึ่ง2 ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขดังกล่าวยังเพิ่มสูงขึ้นเป็น 24% ในสเปน และ 27% ในออสเตรเลียอีกด้วย

การที่ผู้นำธุรกิจมองหาวิธีมีส่วนร่วมกับพนักงานและตอบสนองความต้องการสำหรับการทำงานในรูปแบบใหม่นั้นมีความสำคัญอย่างไรบ้าง ในโอกาสนี้ เราได้พูดคุยกับ Margaret Mackay นักวิชาการด้านธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการและการพัฒนาความเป็นผู้นำ เพื่อคลายข้อสงสัยดังกล่าว

"การระบาดใหญ่ทั่วโลกทำให้เราได้หยุดพัก ได้ใช้เวลาเพื่อสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง" Mackay กล่าว "โควิด-19 ทำให้เราได้ทบทวนสิ่งต่างๆ เช่น 'งานที่ฉันทำอยู่ยังคงน่าสนใจเหมือนเดิมไหม นี่ใช่งานที่ฉันอยากทำจริงๆ ไหม' เป็นต้น"

สิ่งเหล่านี้เองที่เป็นตัวพิสูจน์ว่าธุรกิจต่างๆ กำลังเกิดปัญหา ไม่มีบริษัทไหนที่ต้องการจะสูญเสียพนักงานที่มีค่าของตนเองไป ทว่าสิ่งสำคัญกว่านั้นในช่วงการฟื้นตัวหลังโควิดคือการรักษาพนักงานที่จำเป็นเอาไว้ แล้วองค์กรต่างๆ ควรทำอย่างไรในการเพิ่มอัตราการทำงานต่อกับบริษัทดีล่ะ

เรียนรู้วิธีพลิกโฉมประสบการณ์ของพนักงาน

ดาวน์โหลดคู่มือของเราแล้วเริ่มต้นให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของพนักงานในขณะที่ธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินกิจการต่อกันได้เลย

อัตราการทำงานต่อกับบริษัทคืออะไร

อัตราการทำงานต่อกับบริษัทคืออะไร

หากต้องการทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในบริษัทและดูว่าคุณมีปัญหาในการรักษาพนักงานเอาไว้หรือไม่ คุณจะต้องให้ความสนใจกับอัตราการทำงานต่อกับบริษัทและอัตราการลาออก โดยอัตราการทำงานต่อกับบริษัทนั้นหมายถึง จำนวนพนักงานที่ทำงานในองค์กรของคุณในช่วงระยะเวลาหนึ่ง

เมื่อคุณรู้อัตราการทำงานต่อกับบริษัทและอัตราการลาออกแล้ว แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าองค์กรของคุณมีปัญหาหรือไม่ ธุรกิจในทุกภาคส่วนล้วนมีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพและการบริการมักจะมีอัตราการลาออกสูง และภาคธุรกิจเอกชนมีแนวโน้มจะมีอัตราการลาออกสูงกว่าทางภาครัฐ

ดังนั้น หนึ่งในวิธีที่จะทำให้คุณได้คำตอบคือการเปรียบเทียบอัตราต่างๆ ภายในองค์กรของคุณกับอัตราเฉลี่ยในภาคธุรกิจเดียวกัน แต่ตัวเลขเหล่านั้นก็ยังให้ข้อมูลกับคุณได้ไม่มากนัก สิ่งที่สำคัญคือการดูว่าการลาออกนั้นได้ก่อให้เกิดปัญหากับองค์กรของคุณหรือไม่

"การที่พนักงานลาออกอยู่บ่อยครั้งนั้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งในบางครั้งก็อาจเป็นเรื่องที่ดีมากด้วยก็ได้" Margaret Mackay กล่าว "คนที่ลาออกมีทั้งคนที่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานที่นี่ หรือต้องการทำงานอย่างอื่น หรือลาออกเพราะเหตุผลส่วนตัว แต่ฉันคิดว่า ถ้าองค์กรของคุณมีแนวโน้มการลาออกสูงขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่สุดเลยคือคุณต้องจับตาดูปัญหานี้"

"แบบสำรวจที่จัดทำโดย Chartered Institute of Personnel and Development (CIPD) ระบุว่า จากองค์กรที่ร่วมทำแบบสำรวจนี้ทั้งหมด มีไม่ถึงครึ่งที่ติดตามการลาออก หลายๆ องค์กรมักจะสนใจว่าตัวเองลงทุนไปกับการจัดหาพนักงานใหม่และประสบการณ์ของผู้สมัครไปเท่าไหร่ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ดีเลยทีเดียว แต่คุณก็ต้องให้ความสำคัญกับอัตราการทำงานต่อกับบริษัทเพื่อให้เกิดความสมดุลด้วยเช่นเดียวกัน"

alttext

สุดยอดเคล็ดลับในการรักษาพนักงานเอาไว้

ทำไมอัตราการทำงานต่อกับบริษัทจึงมีความสำคัญ

ทำไมอัตราการทำงานต่อกับบริษัทจึงมีความสำคัญ

การมีบุคลากรที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ "ฉันคิดว่าปัจจัยที่ทำให้องค์กรเติบโตได้ไม่เต็มที่ในหลายๆ ครั้งเลยก็คือบุคลากรและเหล่าผู้มีความสามารถต่างๆ" Mackay กล่าว แน่นอนว่าเมื่อคุณได้เจอคนเก่งๆ คุณก็จะต้องอยากรักษาบุคคลเหล่านี้ไว้ ซึ่งข้อดีของการรักษาพนักงานเอาไว้ มีดังต่อไปนี้

  • ลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาพนักงานใหม่

    การสูญเสียพนักงานและต้องคอยหาพนักงานใหม่บ่อยครั้งขึ้นอาจส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล ซึ่งไม่ใช่แค่ในรูปของตัวเงินเท่าน้ัน "สิ่งเหล่านี้ยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิผลและทำให้ขาดความต่อเนื่องอีกด้วย" Mackay กล่าว "คุณจะต้องค้นหาคนที่คุณต้องการในตลาดแรงงานเพื่อหาคนใหม่มาทดแทน ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายสูง แถมยังอาจหาไม่ได้ง่ายๆ อีกด้วย"

    Glassdoor ได้ประมาณการไว้ว่า โดยเฉลี่ยแล้วนายจ้างจะใช้จ่ายที่ราว 3,000 ปอนด์ และใช้เวลา 27 วัน ในการว่าจ้างพนักงานใหม่ และถ้าหากคุณมีอัตราการปฏิเสธงานสูง ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

  • เก็บรักษาองค์ความรู้

    การที่พนักงานลาออกเป็นจำนวนมากทำให้บริษัทต้องสูญเสียองค์ความรู้เฉพาะทางของตนเองไปด้วย ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจเกิดการหยุดชะงักครั้งใหญ่และส่งผลต่อกำไรของบริษัทได้ "เหมือนกับว่าคุณเปิดสำนักงานกฎหมายที่ติดต่อกับลูกค้าเฉพาะทาง แต่แล้วจู่ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับทางลูกค้าก็เกิดมีปัญหาขึ้นมา" Mackay อธิบาย

    ปัญหานี้จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในอาชีพที่ต้องใช้เวลาในการฝึกอบรมนานๆ ยกตัวอย่างเช่น นักบิน หรืออีกอาชีพหนึ่งที่เพิ่งมีการพูดถึงในสหราชอาณาจักรเมื่อไม่นานมานี้อย่างคนขับยานพาหนะสำหรับสินค้าหนัก (HGV) เมื่อองค์กรสามารถรักษาบุคลากรที่มีค่าเอาไว้ได้ องค์กรก็จะสามารถปกป้องความสัมพันธ์ของตนกับพนักงานและรักษาองค์ความรู้ของตนเองไว้ได้เช่นกัน อีกทั้งยังทำให้องค์กรมีโอกาสถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับบุคลากรคนอื่นๆ ด้วย

  • รักษาขวัญกำลังใจ

    "หากองค์กรของคุณมีการปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง องค์กรก็จะรู้สึกไม่มั่นคง" Mackay เล่าให้เราฟัง "ซึ่งสิ่งนี้อาจส่งผลเสียต่อขวัญกำลังใจของพนักงานเป็นอย่างมาก" นอกจากนี้ การสูญเสียพนักงานไปยังส่งผลให้พนักงานที่เหลืออยู่ต้องทำงานเกินขีดความสามารถของตนเอง ซึ่งเป็นปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลกและได้ก่อให้เกิดวงจรอุบาทว์ของภาวะหมดไฟและการสูญเสียบุคลากรมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน

    การมีจำนวนคนที่คงที่และมีพนักงานที่มั่นใจว่าคนอื่นๆ จะยังคงทำงานต่อไปจะช่วยสร้างความไว้วางใจให้มากขึ้นได้ อีกทั้งยังทำให้บุคลากรมีความเต็มใจที่จะลงทุนลงแรงในการฝึกอบรม ฝึกสอน และสนับสนุนช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้นอีกด้วย

ไม่พลาดทุกการสื่อสาร

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย ซึ่งคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

การมีส่วนร่วมของพนักงานและอัตราการทำงานต่อกับบริษัท

การมีส่วนร่วมของพนักงานและอัตราการทำงานต่อกับบริษัท

พนักงานที่มีส่วนร่วมมักมีแนวโน้มที่จะทำงานกับองค์กรต่อ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด ทว่าบุคคลเหล่านี้คือบุคคลที่องค์กรต้องการเก็บรักษาเอาไว้มากที่สุด เพราะการมีส่วนร่วมก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย ทั้งในแง่ของประสิทธิผล ความภักดี ความพึงพอใจของลูกค้า รวมถึงทุกๆ สิ่งเลยก็ว่าได้ ในทางกลับกัน อัตราการลาออกที่สูงอาจส่งผลให้พนักงานมีขวัญกำลังใจลดลงจนส่งผลต่อการมีส่วนร่วมได้

เนื่องจากทั้งสองประเด็นเป็นสิ่งที่ข้องเกี่ยวและไม่สามารถแยกออกจากกันได้ กลยุทธ์ในการวัดผลและรักษาการมีส่วนร่วมให้คงที่จึงมีส่วนช่วยในการเพิ่มอัตราการทำงานต่อกับบริษัทได้ ซึ่งนั่นหมายถึง การที่นายจ้างมองหาวิธีต่างๆ ในการสำรวจองค์กรของตนเอง การทำความเข้าใจว่าบุคลากรคิดและรู้สึกกับงานอย่างไรบ้าง รวมถึงความสามารถในการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

ทำไมผู้คนจึงลาออกจากงาน

ทำไมผู้คนจึงลาออกจากงาน

ผู้นำจำนวนมากต่างก็เชื่อว่าตนมีคำตอบให้กับคำถามข้อนี้ ทว่าพวกเขาอาจคิดผิด "80% ของผู้จัดการคิดว่าสาเหตุที่พนักงานลาออกเป็นเพราะเรื่องค่าจ้าง" Mackay กล่าว "แบบสำรวจที่จัดทำโดย Business Insider กลับสรุปว่า สาเหตุหลักในการลาออกมีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อ ได้แก่ ความเบื่อหน่าย ความไม่พึงพอใจ สมดุลการทำงานและการใช้ชีวิต และการขาดโอกาสในการก้าวหน้า"

"อย่างที่ Peter Druker ได้พูดไว้ว่า 'หากต้องการให้ใครสักคนทำงานให้ออกมาดี คุณจะต้องมอบหมายงานที่ดีให้กับคนเหล่านั้นด้วย' ซึ่งฉันคิดว่า สิ่งที่จะกระตุ้นให้คนเราทำให้งานออกมาดีนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ซึ่งค่าจ้างเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น"

ประเด็นข้างต้นเป็นมุมมองที่มีที่มาจากรายงานที่มีชื่อว่า Retention Report ประจำปี 2020 ของ Work Institute3 โดยรายงานฉบับนี้ได้แสดงให้เห็นถึงสาเหตุหลัก 3 ประการที่ทำให้ผู้คนลาออกจากงาน ซึ่งได้แก่ ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน สมดุลการทำงานและการใช้ชีวิต และพฤติกรรมของผู้จัดการ นอกจากนี้ การที่ผู้คนลาออกจากงานมากขึ้นก็มีสาเหตุจากการมีค่านิยมที่ไม่ตรงกับวัฒนธรรมของบริษัทด้วยเช่นเดียวกัน ส่วนค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ กลับเป็นปัจจัยรองลงมา โดยคิดเป็นสัดส่วน 9% ของผู้ที่ลาออกจากงานเท่านั้น

แม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในวงกว้างที่ทำให้พนักงานต้องลาออกอาจดูเป็นสิ่งที่จัดการได้ยาก แต่ข่าวดีก็คือ คุณสามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้ โดยผู้เขียนรายงาน Retention Report ในข้างต้นได้ประมาณการไว้ว่า นายจ้างจะสามารถหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้พนักงานลาออกได้ 78% กล่าวคือ สามารถลดการลาออกของพนักงานได้ 3 คนจากทั้งหมด 4 คนด้วยกัน

alttext

อย่าเพิ่งยอมแพ้กับวิกฤต "การลาออกครั้งใหญ่" ในครั้งนี้

กลยุทธ์และเทคนิคในการรักษาพนักงานเอาไว้

กลยุทธ์และเทคนิคในการรักษาพนักงานเอาไว้

สิ่งแรกที่บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องทำเพื่อเพิ่มอัตราการทำงานต่อกับบริษัทก็คือ การสำรวจว่าจริงๆ แล้วบุคลากรของตนต้องการสิ่งใดจากการทำงานนี้ โดย Mackay ก็เห็นด้วยกับประโยคข้างต้น "แทนที่จะสรุปเอาเองว่าที่คนออกจากงานเป็นเพราะค่าจ้าง หรือเพราะไม่พอใจอะไรบางอย่าง สิ่งที่คุณควรทำเลยก็คือการเข้าไปพูดคุยและรับฟังความเห็น ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะตอนที่มีคนลาออกเท่านั้น แต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ"

วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถระบุปัญหาที่เกี่ยวกับการทำงานต่อกับบริษัทได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งนี้ คุณควรให้ความสนใจกับทั้ง 6 ประเด็นเหล่านี้เป็นพิเศษ

  1. ความก้าวหน้าในอาชีพการงาน

    ประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานเป็นประจำเพื่อให้เข้าใจความคาดหวังของแต่ละบุคคล รวมถึงวิธีที่คุณจะสามารถตอบสนองความคาดหวังเหล่านั้น ซึ่งไม่ใช่ในแง่ของสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ แต่เป็นการให้ความสำคัญกับโอกาสในการเรียนรู้ พัฒนา และเติบโต Mackay ได้กล่าวถึงงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่สรุปผลออกมาว่า แม้ว่าการเพิ่มค่าจ้างอาจช่วยให้พนักงานทำงานต่ออีกหนึ่งปี แต่การลงทุนด้านการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะอาจช่วยให้พนักงานเหล่านั้นทำงานกับองค์กรไปอีก 3-5 ปีเลยทีเดียว

  2. การวางแผนบุคลากร

    Mackay กล่าวว่า หนึ่งในวิธีวางแผนบุคลากร ได้แก่ การใช้ระบบสัญญาณไฟจราจรแบบง่ายๆ โดยสีแดงจะหมายถึงคนกำลังประสบปัญหาและอาจต้องการคำแนะนำ สีเหลืองจะแทนผู้ที่มีศักยภาพและความพร้อมในการทำโปรเจ็กต์ใหม่ๆ และสีเขียวสำหรับพนักงานที่กระตือรือร้น มีความสามารถ และพร้อมรับบทบาทหน้าที่หรือตำแหน่งใหม่ๆ

  3. การวัดผล

    ข้อมูลจากแบบสำรวจ Resourcing and Talent Planning ประจำปี 2021 ของ CIPD ระบุว่า มีองค์กรเพียง 12% เท่านั้นที่เก็บข้อมูลเพื่อนำไปประเมินโครงการริเริ่มด้านการทำงานต่อกับบริษัทของตนเอง สิ่งนี้อาจทำให้สมมติฐานของบรรดาผู้จัดการเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้พนักงานทยอยลาออกผิดทั้งหมดเลยก็เป็นได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าคุณจะใช้เทคนิคอะไร สิ่งสำคัญคือการประเมินดูว่าเทคนิคนั้นได้ผลหรือไม่

  4. การฝึกอบรมและการฝึกสอนตั้งแต่เนิ่นๆ

    ผู้รับการสัมภาษณ์ในรายงาน Retention Report ประจำปี 2020 มากกว่า 1 ใน 3 ลาออกจากองค์กรภายในปีแรกที่เข้าทำงาน นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังพบว่า 2 ใน 3 ของผู้ที่ลาออกจากงานในปีแรกนั้นลาออกในช่วง 6 เดือนแรกอีกด้วย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมการฝึกอบรมและการให้ความช่วยเหลือพนักงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพถึงมีความสำคัญ

  5. รางวัลและการชื่นชม

    แม้ว่าการเพิ่มค่าจ้างจะไม่ใช่สิ่งแรกที่พนักงานต้องการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลเหล่านี้จะไม่ต้องการรางวัลสำหรับการทำงานที่ประสบความสำเร็จใดๆ เลย นอกจากนี้ การชื่นชมในวงกว้างยังเชื่อมโยงกับการที่ผู้คนจะทำงานกับองค์กรยาวนานขึ้น โดยแบบสำรวจหนึ่งระบุว่า 63% ของผู้คนที่ได้รับคำชมในที่ทำงานบ่อยครั้งหรือเป็นประจำนั้นแทบไม่มีแนวโน้มที่จะมองหางานใหม่ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้านี้แต่อย่างใด4


    "การชื่นชมสมาชิกในองค์กรเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลย" Mackay กล่าว "และการที่บุคลากรมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นค่านิยมของบริษัทและมองว่าบริษัทใส่ใจและให้ความสำคัญกับผู้คนมากแค่ไหนก็เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ด้วยเช่นกัน"

  6. ความไว้วางใจ

    เมื่อจู่ๆ บุคลากรต้องทำงานจากที่บ้าน องค์กรจำนวนมากต่างก็รู้สึกเป็นกังวลกับประสิทธิภาพการทำงานในช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลกนี้ Mackay กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการจัดการระดับย่อย (Micro-management) การทำให้บุคลากรรู้สึกแปลกแยก และส่งผลให้เกิดการลาออกในที่สุด


    สิ่งสำคัญอย่างยิ่งในขณะที่เราเปลี่ยนไปใช้วิธีการทำงานรูปแบบใหม่ๆ คือการที่ผู้จัดการใส่ใจกับการเสริมสร้างรากฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสมาชิกในทีมด้วย หากองค์กรต่างๆ ทำตามวิธีนี้และให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการชื่นชมพนักงาน องค์กรก็จะสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่ส่งเสริมให้พนักงานที่มีศักยภาพสูงสุดทำงานกับองค์กรต่อไปได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

การมีส่วนร่วมของพนักงานคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อบุคลากรและธุรกิจของคุณ

เรียนรู้เพิ่มเติม

อ่านต่อ

1 "Job Openings and Labor Turnover Summary" US Bureau of Labor Statistics, 2021
2 "Resetting Normal: Defining the New Era of Work" Adecco, 2020
3 "2020 Retention Report: Insights on 2019 Turnover Trends, Reasons, Costs & Recommendations" Work Institute, 2020
4 "Can employee recognition help you keep them longer?" Survey Monkey, 2019
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

บทความที่เกี่ยวข้อง

การมีส่วนร่วมของพนักงานคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อบุคลากรและธุรกิจของคุณ

เรียนรู้เพิ่มเติม

โพสต์ล่าสุด

การมีส่วนร่วมของพนักงาน | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

คำถามสำหรับแบบสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน: ควรถามอะไรและทำไม

คุณจะสร้างประสบการณ์ของพนักงานให้ออกมาดีเลิศได้อย่างไรหากคุณไม่สามารถวัดผลสิ่งเหล่านี้ได้ เรียนรู้วิธีใช้แบบสำรวจความพึงพอใจของพนักงานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กรของคุณ

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 7 นาที

กลยุทธ์การสื่อสารทางธุรกิจ และเหตุผลที่องค์กรจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้

องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์การสื่อสารของตนเองใหม่เมื่อบุคลากรเริ่มทำงานทางไกลในช่วงล็อกดาวน์ แต่ในปัจจุบัน เมื่อบุคลากรบางส่วนเริ่มกลับไปสู่ที่ทำงานแล้ว ธุรกิจจึงต้องกลับมาคิดกลยุทธ์ใหม่อีกครั้ง เรียนรู้วิธีจัดทำกลยุทธ์นี้กัน