เหตุใดเวลาพักจึงส่งผลดีต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน
ไม่ใช่ว่าเวลาทำงานต้องทำแต่งานอย่างนั้นหรือ หรือพนักงานมีเวลาทำกิจกรรม พักผ่อน และการอู้งานอย่าง "สร้างสรรค์" เรามาสำรวจสิ่งนี้ไปด้วยกันเลย
คุณอาจเคยได้ยินสำนวนที่ว่า "เอาแต่ทำงานไม่รู้จักพักจะกลายเป็นคนน่าเบื่อเอาได้" และในที่ทำงานสมัยใหม่ ที่ซึ่งไอเดียและความคิดสร้างสรรค์เป็นเส้นเลือดใหญ่ของหลายๆ องค์กร คนน่าเบื่อนั้นตรงข้ามกับพนักงานที่ไม่ฉลาดเฉลียว ฉับไว และรู้สึกมีส่วนร่วมอย่างที่บริษัทต้องการ
แก้งานยุ่งได้ไม่ยากด้วย Workplace
ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้
ผู้คนมักคิดว่าการทำงานเป็นเวลานานๆ และการทำงานอย่างรวดเร็วจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนความคาดหวังที่ว่าทรัพยากรของพนักงานนั้นมีไม่จำกัด
ในความเป็นจริงแล้ว พนักงานต้องผลักดันตัวเองจนถึงขีดสุดเพื่อทำให้งานเสร็จอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อตัวพนักงานเองและองค์กรได้
82% ของพนักงานในสหรัฐฯ บอกว่าการมีโอกาสที่จะทำงานแบบยืดหยุ่นช่วยเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน และ 80% กล่าวว่าวิธีการทำงานที่ยืดหยุ่นในแง่ของเวลาและสถานที่ทำงานสามารถช่วยเพิ่มผลิตภาพและความคิดสร้างสรรค์ของตนได้
ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าการหาวิธีการทำงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นควรเป็นสิ่งที่ธุรกิจให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ
เหตุใดการทำงานอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ผู้เขียนอย่าง Brigit Schulte กล่าวว่าการทำงานหนักเกินไปหรือการรู้สึกถูกกดดันเกินไปในที่ทำงานอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพและทำให้ผลิตภาพลดลง และเขายังกล่าวอีกด้วยว่าสมองจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มศักยภาพเมื่อไร้เรื่องให้กังวล [1]
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ Luke Sullivan ผู้บริหารฝ่ายโฆษณาที่ประสบความสำเร็จมีความเชื่อมั่นในแนวทางการทำงานที่ไร้ความเครียด
เขาเขียนในคู่มือการสร้างโฆษณาที่ยอดเยี่ยมซึ่งชื่อว่า Hey Whipple, Squeeze This ไว้ว่า หลังจากได้รับบรีฟสำคัญมาจากลูกค้าแล้ว ผู้กำกับศิลป์และนักเขียนคำโฆษณาที่รับผิดชอบงานนั้นจะทำงานกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การทำงานรูปแบบนี้จะมีพื้นที่สำหรับการพูดคุยกันถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ภาพยนตร์เรื่องโปรด และสำหรับการออกไปทานอาหารกลางวันก่อนเวลาพักเที่ยง
Sullivan กล่าวว่าจริงๆ แล้วสมองจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันมากเกินไป อย่างเช่นในตอนที่เราจำเป็นต้องใช้การคิดอย่างสร้างสรรค์และยืดหยุ่นในการแก้ไขปัญหา
วิธีการทำงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
มีหลายบริษัทที่คิดค้นวิธีการทำงานที่ดีขึ้นซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจ การมีส่วนร่วม ความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
หลายองค์กรต่างเสนอสิทธิพิเศษและสวัสดิการที่กระตุ้นให้พนักงานได้ใช้เวลาพักผ่อน เช่น การเป็นสมาชิกโรงยิมฟรี การเพิ่มเบี้ยเลี้ยงวันหยุด และงานกิจกรรมพบปะที่เป็นพื้นที่ในการพูดคุยนอกเหนือจากเรื่องงาน
การให้สวัสดิการดังกล่าวแก่พนักงานเป็น "กลยุทธ์ที่ทำให้พนักงานอยากทำงานต่อ" ซึ่งเป็นสิ่งที่ Schulte กล่าวว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบริษัทและพนักงาน เนื่องจากช่วยสร้างความพึงพอใจและบ่มเพาะจรรยาบรรณในการทำงานที่ดี
วิธีการหล่อเลี้ยงความคิดสร้างสรรค์
ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่คุณสามารถนำไปใช้เป็นครั้งคราวเพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียดในทีม เพื่อที่จะช่วยให้คนในทีมรู้สึกไร้กังวลและทุ่มเททำงานได้อย่างเต็มที่
- ใช้เทคโนโลยีเพื่อทำงานร่วมกัน เครื่องมือที่เหมาะสมสามารถช่วยให้ผู้คนแลกเปลี่ยนไอเดียและทำงานในแบบร่างผลงานฉบับล่าสุดได้ ตัวอย่างเช่น เครื่องมือต่างๆ ใน Workplace ช่วยให้ทีมสามารถใช้วิดีโอคอลที่มีความละเอียดสูงเพื่อพูดคุยกับสมาชิกหลายคน ตลอดจนทำงานและแชร์เอกสารและไฟล์ได้แบบเรียลไทม์
- ใช้เวลาทานอาหารร่วมกัน จัดเตรียมของว่างและขนม จากนั้นกระตุ้นให้พนักงานผละจากโต๊ะทำงานมารวมตัวกันสักครู่อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน วิธีนี้จะช่วยให้พนักงานได้ผ่อนคลาย พูดคุย และเสนอไอเดียให้แก่กัน
- สนับสนุนให้หยุดพักเป็นระยะ หลายคนไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานกว่าสองถึงสามชั่วโมง ดังนั้นแทนที่จะกำหนดให้มีเวลาพักกลางวัน 1 ชั่วโมงเท่านั้น คุณควรให้สมาชิกในทีมมีเวลาพักสั้นๆ แต่บ่อยครั้งตลอดทั้งวัน หากรู้สึกว่าการทำเช่นนั้นช่วยให้พนักงานมีผลิตภาพเพิ่มขึ้น
- ทำงานที่บ้านทุกวันพุธ จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นวันพุธก็ได้ แต่สนับสนุนให้ผู้คนทำงานจากที่บ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน เนื่องจากอิสระจากการเดินทางและโอกาสในการทำงานที่บ้านเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของพนักงานและช่วยกระตุ้นต่อมความคิดสร้างสรรค์ได้
เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ
รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน
เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว
อ่านต่อ
[1] Overwhelmed: Work, Love and Play When No One has the Time, Brigit Schulte