เคล็ดลับ 12 ข้อเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคในที่ทำงาน
การทำงานแบบไฮบริดนำมาซึ่งความท้าทายในแง่ของความหลากหลาย ความเสมอภาค และความไม่แบ่งแยกในที่ทำงาน ตลอดจนโอกาสต่างๆ แล้วคุณจะทำให้พนักงานที่ทำงานจากทางไกล ทำงานในสำนักงาน และทำงานแบบไฮบริดมีโอกาสที่เท่าเทียมกันได้อย่างไร
การทำงานแบบไฮบริดและจากทางไกลยังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน แม้ว่าพนักงานหลายคนอาจคาดหวังให้ทีมของตนกลับสู่สำนักงานในเร็ววัน แต่จากผลสำรวจล่าสุดพบว่า ผู้จัดการ 83% ต้องการให้พนักงานทำงานในสำนักงานอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งพนักงานรู้สึกพึงพอใจกับอิสระและความยืดหยุ่นที่ได้รับจากการทำงานจากทางไกลและแบบไฮบริดนี้
การทำงานแบบยืดหยุ่นได้ช่วยให้ผู้คนมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีขึ้น และเมื่อภาวะการลาออกครั้งใหญ่เกิดขึ้น พนักงานหลายคนก็เริ่มให้ความสำคัญกับทางเลือกในการทำงานที่สามารถทำได้แบบไม่จำกัดสถานที่และรูปแบบเมื่อต้องตัดสินใจที่จะเข้าทำงานในที่ใหม่หรืออยู่ที่เดิม การวิจัยจาก McKinsey พบว่า พนักงานมากกว่า 4 ใน 5 คนที่ชื่นชอบรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กล่าวว่าตนต้องการคงรูปแบบการทำงานนี้ไว้
ดังนั้น ผู้นำธุรกิจจึงต้องรวมการทำงานแบบไฮบริดเข้ากับกลยุทธ์ในภาพรวม และต้องแน่ใจด้วยว่าแนวทางปฏิบัติในการทำงานสอดคล้องกับกลยุทธ์ดังกล่าว ซึ่งนั่นรวมไปถึงการสร้างสถานที่ทำงานที่มีความหลากหลาย เสมอภาค และไม่แบ่งแยก
ขจัดปัญหาในที่ทำงานด้วย Workplace
ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้
การทำงานแบบไฮบริดสามารถสร้างสถานที่ทำงานที่มีความเสมอภาคมากขึ้นได้อย่างไร
เมื่อรวมเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานแบบไฮบริดและจากทางไกลจะสามารถจัดการและแก้ไขอุปสรรคด้านความเสมอภาคที่มีมาอย่างยาวนานได้หลายประการ
ช่วยขจัดอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ในการทำงาน
จากมุมมองของนายจ้าง การทำงานแบบไฮบริดทำให้กลุ่มผู้สมัครงานมีขอบเขตที่กว้างขึ้นตามภูมิศาสตร์ ด้วยการเข้าถึงผู้มีความสามารถที่อยู่ไกลได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผลดีต่อพนักงานด้วยเช่นกัน เพราะพนักงานไม่ได้ถูกจำกัดให้ทำงานในพื้นที่เดียวกันกับนายจ้าง หรือยังสามารถทำงานคนละประเทศได้ในบางกรณี ซึ่งหมายความว่า โอกาสในการทำงานที่มีทักษะและค่าตอบแทนสูงนั้นมีอยู่อย่างกว้างขวางมากขึ้น ไม่ว่าผู้คนจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม
ช่วยทำลายความไม่เสมอภาคทางเพศ
ผู้หญิงยังคงต้องทำงานดูแลบ้านเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจทำให้การทำงานตามตารางเวลาในสำนักงานแบบดั้งเดิมเป็นเรื่องยาก ความไม่สมดุลนี้อาจบีบให้ผู้หญิงต้องออกจากงานโดยสิ้นเชิง หรือหางานที่ได้ค่าจ้างต่ำหรืองานรายวัน ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดช่องว่างรายได้ระหว่างเพศที่ไม่สิ้นสุด การทำงานแบบไฮบริดและจากทางไกลมีศักยภาพในการขจัดความไม่เสมอภาคเหล่านี้ ช่วยให้ผู้หญิงสามารถเข้าถึงตำแหน่งงานระดับอาวุโสได้ควบคู่กับการดูแลบุตรหลานหรือทำหน้าที่ภายในบ้านไปพร้อมกันได้
การทำงานแบบไฮบริดเพิ่มโอกาสให้กับพนักงานที่มีความพิการ
การศึกษาวิจัยโดย Lancaster University เผยให้เห็นว่า พนักงานที่มีความพิการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับโอกาสในการเลือกสถานที่สำหรับทำงาน โดย 70% ของพนักงานที่มีความพิการกล่าวว่า การถูกจำกัดให้ทำงานในสำนักงานส่งผลเสียต่อสุขภาพทางกายหรือจิตใจ ผู้คนเห็นความสำคัญของการมีอิสระและความสามารถในการควบคุมตารางเวลาและสภาพแวดล้อมที่มีมากขึ้น ซึ่งช่วยให้สามารถจัดการสุขภาพและสุขภาวะของตนได้ นอกจากนี้ อีก 85% ยังกล่าวว่า ตนรู้สึกทำงานได้ดีขึ้นเมื่อทำงานจากที่บ้าน พนักงานเหล่านี้ให้ความสำคัญกับความสะดวกในการเข้าถึงที่มากขึ้นและความช่วยเหลือที่เหมาะสมและเฉพาะตัว ซึ่งช่วยให้พวกเขามีสมาธิกับงานและสามารถแข่งขันเพื่อให้ได้งานและอาชีพในระดับเดียวกันกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ
การทำงานแบบยืดหยุ่นและไฮบริดลดโอกาสการเกิดความเอนเอียงโดยไม่รู้ตัว
ความเอนเอียงโดยไม่รู้ตัวเป็นข้อจำกัดต่อความเสมอภาคและความหลากหลายที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นสิ่งที่มักถูกมองข้าม แม้แต่ในธุรกิจและทีมที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล เมื่อ Deloitte ทำการสำรวจพนักงานจำนวน 3,000 คนก็ได้พบว่า พนักงานมากกว่า 60% มีความเอนเอียงในที่ทำงาน ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นว่าองค์กรจำเป็นต้องปรับปรุงวัฒนธรรมการไม่แบ่งแยก แต่สำหรับผู้คนจำนวนมากที่ทำงานนอกสำนักงาน ภาพลักษณ์ภายนอกหลายอย่างที่สามารถทำให้เกิดความเอนเอียง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ การแต่งกาย และอายุ กลับไม่ค่อยสำคัญเท่าใดนัก
ความท้าทายของการทำงานแบบไฮบริดและที่ทำงานที่มีความหลากหลาย เสมอภาค และไม่แบ่งแยก
แม้ว่าการทำงานแบบไฮบริดและจากทางไกลได้มอบทางเลือกส่วนบุคคลและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าสถานที่ทำงานจะเกิดความเสมอภาคมากกว่าเดิม มีอุปสรรคหลายประการที่ขัดขวางความเสมอภาคในการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งนายจ้างจำเป็นต้องแก้ไข
สภาพแวดล้อมการทำงานจากที่บ้านที่ไม่ดีพอ
บ้านแต่ละหลังสามารถใช้ทำงานจากทางไกลได้ไม่เท่าเทียมกัน พนักงานบางคนอาจเสียเปรียบเนื่องจากขาดพื้นที่ แสงสว่าง การเชื่อมต่อทางดิจิทัล และไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสม
นอกจากนี้ยังอาจมีอุปสรรคทางเทคนิค และโอกาสในการมีส่วนร่วมของพนักงานที่ทำงานจากทางไกลมักจะหมดลงทันทีที่การประชุมออนไลน์จบลง ปัญหาทางเทคนิคสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพของสมาชิกในทีมแบบไฮบริด ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้พลาดหรือหลุดจากการประชุมเท่านั้น ผู้จัดการหรือผู้ที่ทำงานในสำนักงานอาจเลือกที่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพนักงานที่ทำงานจากทางไกลเนื่องจากกลัวว่าเทคโนโลยีจะขัดข้อง ในขณะที่พนักงานก็อาจเลือกที่จะไม่มีส่วนร่วมด้วยเหตุผลเดียวกัน
กลายเป็นคนไม่มีตัวตน
พนักงานที่ทำงานจากทางไกลและผู้ที่ทำงานนอกสำนักงานเป็นส่วนใหญ่อาจรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวและถูกกีดกัน บ่อยครั้งที่การติดต่อกับคนอื่นๆ ในทีมจากทางไกลกลายเป็นเรื่องยาก การทำงานจากทางไกลสามารถแบ่งแยกผู้คนออกจากเป้าหมายโดยรวมของธุรกิจและวัฒนธรรมของบริษัท และทำให้พวกเขารู้สึกว่าการมีส่วนร่วมของตนไม่เป็นที่ต้องการหรือไม่มีคุณค่า
เข้าถึงทีมผู้นำและทีมบริหารจัดการได้น้อยลง
จากข้อมูลของ Envoy พบว่า 96% ของผู้บริหารในสหรัฐฯ ยอมรับว่าสังเกตเห็นการมีส่วนร่วมของพนักงานที่ทำงานในสำนักงานมีมากกว่าพนักงานที่ทำงานจากทางไกล ความเอนเอียงจากความใกล้ชิดกันนี้ชี้ให้เห็นว่า สถานที่ทำงานมีผลต่อการยอมรับและการรับรู้ที่ได้รับจากผู้จัดการ ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นตัวกีดกันให้มีแต่ผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในธุรกิจที่สุดได้รับข้อเสนองานที่น่าสนใจหรือท้าทายมากกว่า รวมไปถึงความก้าวหน้าในอาชีพการงานที่ตามมาด้วย นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดหรือจากทางไกลเกือบครึ่งไม่ทราบเลยว่าปัจจัยนี้จะส่งผลกระทบต่อตนเอง
พนักงานที่ทำงานจากทางไกลอาจพลาดโอกาสในการเชื่อมต่อกับธุรกิจในระดับหรือภาคส่วนอื่นๆ ที่สามารถพาพวกเขายกระดับทักษะความสามารถหรือนำไปสู่ความก้าวหน้า และพนักงานเหล่านั้นอาจเข้าถึงฝ่ายผู้นำได้น้อยลง สำหรับผู้จัดการแล้ว สิ่งนี้แสดงถึงการเสียโอกาสในการสังเกตและเพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์ของผู้คน รวมถึงการสร้างกลยุทธ์ในอนาคตเกี่ยวกับผู้ที่มีความสามารถที่สุด
เหินห่างจากกิจกรรมทางสังคม
การมีสังคมในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับใครหลายคนโดยเฉพาะผู้ที่อยู่คนเดียว การติดต่อกับเพื่อนร่วมงานอาจเป็นการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่บ่อยที่สุดในสัปดาห์ หากขาดสังคมไป อาจก่อให้เกิดความโดดเดี่ยว ความซึมเศร้า และความเครียดได้ นอกจากนี้ยังสามารถขยายไปสู่ปัญหาที่ผู้จัดการสามารถสังเกตเห็นได้เมื่ออยู่ด้วยกัน แต่อาจไม่ทราบเมื่อไม่ได้พบเจอพนักงานนานหลายสัปดาห์ การที่พนักงานบางคนอยู่ในสำนักงานมากกว่าคนอื่นอาจทำให้เกิดความรู้สึก 'แบ่งพรรคแบ่งพวก' ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายให้กับทั้งทีมได้ และกลับกลายเป็นอุปสรรคแทนที่จะช่วยเสริมสร้างสถานที่ทำงานที่มีความหลากหลาย ความเสมอภาค และความไม่แบ่งแยก
พนักงานที่อยู่ห่างจากสำนักงานเป็นเวลานานอาจรู้สึกขาดการเชื่อมต่อเพราะขาดการสื่อสาร หรืออาจเป็นเพราะตนถูกกีดกันด้วยเพศ ความแตกต่างทางวัฒนธรรม หรือความพิการ จึงทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่กลับไปสำนักงานอีก
วิธีสร้างความเสมอภาคในที่ทำงาน
ความท้าทายคือจะทำอย่างไรให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการทำงานแบบไฮบริด และรับรองได้ว่าความหลากหลาย ความเสมอภาค และความไม่แบ่งแยกจะเกิดขึ้นกับทุกคน ต่อไปนี้คือเคล็ดลับทั้ง 12 ข้อที่จะทำให้ความเสมอภาคในทีมงานแบบไฮบริดเกิดขึ้นจริง
สนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานจากที่บ้าน
ทำให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมได้อย่างเท่าเทียมกันด้วยวิธีการต่างๆ เช่น จัดเตรียมเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ให้ เป็นต้น
ทำความเข้าใจทีมของคุณ
ใส่ใจรายละเอียดของพนักงานแต่ละคน สอบถามความคิดเห็น และอย่าลืมติดตามผลกับพวกเขาเป็นประจำ ใช้แบบสำรวจเพื่อสอบถามความต้องการและเป้าหมายของทุกคน แล้ววางแผนการตัดสินใจตามความต้องการของแต่ละคน
สร้างการเชื่อมต่อ
สร้างการเชื่อมต่อระหว่างพนักงานที่ทำงานจากทางไกลและพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน เชื่อมต่อผู้คนในสำนักงานกับผู้คนที่อยู่บ้าน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาทำงานร่วมกันและมีความรับผิดชอบอย่างเท่าเทียมกัน
ให้ความสำคัญกับการสื่อสาร
ใช้แพลตฟอร์มการสื่อสารและการแชร์เพื่อถามคำถาม ตรวจสอบความคืบหน้า รับฟังข้อเสนอแนะ และดำเนินการตอบกลับ
เน้นการสร้างทีม
หาเวลาจัดกิจกรรมทีมสัมพันธ์ที่ช่วยให้ผู้คนได้มารวมตัวกัน
รับทราบสถานการณ์ที่ยากลำบาก
เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาส่วนบุคคลที่เกิดขึ้น และนำทุกคนกลับเข้าสู่ทีม
อนุญาตให้มีเวลา 'ปิดกล้อง' และงดประชุม
เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานที่ทำงานจากทางไกลและแบบไฮบริดจะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการที่ต้องอยู่บนหน้าจอตลอดเวลา แต่คุณควรระวังหากมีพนักงานอยู่ในโหมด 'ปิดกล้อง' เสมอ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณว่ากำลังมีปัญหาเกิดขึ้น
จัดงานกิจกรรมพบปะกัน
ใช้วันหยุดพักผ่อนและจัดงานสังสรรค์เพื่อทำให้ทุกคนมีโอกาสได้พบปะและทำความรู้จักซึ่งกันและกัน
การให้คำปรึกษาในเชิงรุก
ให้คำปรึกษาเพื่อทำให้แน่ใจว่าความคืบหน้า ความสนใจ และเป้าหมายการพัฒนาด้านอาชีพของแต่ละบุคคลได้รับความเข้าใจและผ่านการพิจารณา
เพิ่มความโปร่งใส
เมื่อผู้คนอยู่ห่างจากใจกลางของธุรกิจ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการทำให้มั่นใจได้ว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงและให้ข้อมูลต่อการตัดสินใจและกลยุทธ์ได้เสมอ
ลงทุนในเทคโนโลยี
ยิ่งมีเทคโนโลยีดีเท่าใด ทีมที่ทำงานจากทางไกลและแบบไฮบริดของคุณก็จะยิ่งมีส่วนร่วมและไม่แบ่งแยกกันมากขึ้นเท่านั้น การใช้ VR และ AR สามารถทำให้การเริ่มต้นการทำงาน การประชุม และการฝึกอบรมมีความตื่นเต้น น่าสนใจ และไม่แบ่งแยก ไม่ว่าผู้คนจะอยู่ที่ใดก็ตาม
ทำให้แหล่งข้อมูลทั้งหมดเข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน
แหล่งข้อมูลดังกล่าวรวมถึงเอกสารการวิจัยและข้อมูลพื้นฐาน ตลอดจนเทคโนโลยีและอุปกรณ์
อ่านต่อ:
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
เรียนรู้ว่าผู้นำด้านทรัพยากรบุคคลทั่วโลกสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างไร
ดาวน์โหลดเลยเชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ
รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน
เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว
โพสต์ล่าสุด
การทำงานจากทางไกล | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที
9 เคล็ดลับในการทำให้พนักงานที่ทำงานจากทางไกลไม่รู้สึกแปลกแยก
การมีส่วนร่วมกับพนักงานที่ทำงานจากทางไกลอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ก็มีวิธีที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพที่จะทำเช่นนั้นอยู่ เคล็ดลับสำคัญ 9 ข้อเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถมีส่วนร่วมกับพนักงานที่ทำงานจากทางไกลของคุณได้