การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์: สิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงในอนาคตหรือไม่

การใช้เวลาทำงานมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลิตภาพเพิ่มขึ้นตามมาด้วย ถ้าอย่างนั้นแล้ว การใช้เวลาทำงานน้อยลงจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง เรามาดูกันว่าการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์เป็นไอเดียที่เหมาะกับบริบทในปัจจุบันหรือไม่

ผลิตภาพ | ใช้เวลาอ่าน 5 นาที
Four-day week - Workplace from Meta
เราควรทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์หรือไม่

เราควรทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์หรือไม่

ผู้คนต่างพูดถึงการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในฐานะวิธีที่จะช่วยให้พนักงานมีอิสระมากขึ้นโดยไม่ทำให้ผลิตภาพลดลงกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยหากย้อนกลับไปในปี 2019 โพลล์ที่สำรวจชาวอเมริกันกว่า 36,000 คน1 เผยให้เห็นว่า 67% ของคนกลุ่มดังกล่าวชื่นชอบการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์มากกว่าและยินดีที่จะทำงานใน 4 วันนั้นเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 10 ชั่วโมง

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รูปแบบการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปัจจุบัน พนักงานต่างเรียกร้องสมดุลที่เพิ่มขึ้นระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิต รวมถึงความยืดหยุ่นที่มากขึ้น ท่ามกลางการลาออกครั้งใหญ่และศึกชิงพนักงานที่มีความสามารถ บริษัทต่างๆ จึงตระหนักได้ว่า ตนเองจำเป็นต้องรับฟังและปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่พนักงานต้องการเพื่อให้คงความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงานเอาไว้ได้

การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์มีลักษณะอย่างไร

การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์มีลักษณะอย่างไร

ข้อมูลล่าสุดจากรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรระบุว่า ผู้คนในสหราชอาณาจักรทำงานกันเฉลี่ย 36.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยมักจะทำงานระหว่างวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ทว่าในบางประเทศ ชั่วโมงการทำงานนั้นกลับสูงลิ่ว ดังจะเห็นได้จากพนักงานในประเทศจีนที่ทำงานเฉลี่ยสัปดาห์ละเกือบ 41 ชั่วโมง และพนักงานในประเทศสิงคโปร์ที่ทำงานมากกว่า 44 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อีกทั้งการวัดความสำเร็จและผลิตภาพยังวัดในแง่ของผลลัพธ์ที่ได้ต่อชั่วโมงหรือวันทำงาน แทนที่จะมองผลลัพธ์ในภาพรวม แนวคิดการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จึงมองว่า การเปลี่ยนมากำหนดแผนการที่ยึดเป้าหมายเป็นหลักและให้ความสำคัญกับพนักงานตามลำดับความสำคัญ ผลลัพธ์ที่ได้ และเป้าหมายขององค์กร สิ่งเหล่านี้จะส่งเสริมให้พนักงานได้มีโอกาสจัดการเวลาของตนเองในขณะที่ยังคงบรรลุเป้าหมายของธุรกิจอยู่

แต่การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จะได้ผลได้อย่างไร องค์กรต่างๆ อาจเลือกที่จะบีบชั่วโมงการทำงานตามมาตรฐานที่ 36.5 ชั่วโมงให้อยู่ใน 4 วัน หรือตัดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ของพนักงานแต่ละคนออก โดยตัวเลือกแรกอาจเสี่ยงที่จะส่งผลให้พนักงานที่จะรู้สึกหมดไฟ ในขณะที่ตัวเลือกที่สองก็อาจทำให้พนักงานถูกตัดรายได้และวันหยุดออกไปได้ อย่างไรก็ตาม การนำการทำงานรูปแบบใหม่มาใช้จริงนั้นสามารถทำได้หลายวิธีและไม่มีโซลูชั่นใดที่สามารถเข้ากันได้กับทุกบริบท

แก้งานยุ่งได้ไม่ยากด้วย Workplace

ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบไฮบริดไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้

บริษัทที่เปลี่ยนมาทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

บริษัทที่เปลี่ยนมาทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

หลายธุรกิจและประเทศต่างๆ ได้ทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์กันบ้างแล้ว โดยบางส่วนก็ได้นำรูปแบบการทำงานนี้ไปใช้อย่างถาวร และนี่คือแนวทางของบริษัทต่างๆ

  • Basecamp ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การจัดการโปรเจ็กต์นำแนวทางการทำงานสัปดาห์ละ 4 วันมาใช้ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี2

  • Bolt ผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ3 ประกาศให้พนักงานทำงานสัปดาห์ละ 4 วันอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2022 หลังจากทดลองให้พนักงานได้หยุดทุกวันศุกร์เป็นเวลา 3 เดือน

  • Buffer บริษัทซอฟต์แวร์4 เริ่มให้พนักงานทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในเดือนพฤษภาคม 2020 ในระหว่างที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด โดยหลังจากผ่านไป 2 ปี ทางบริษัทรายงานว่า บุคลากร 91% กล่าวว่าตนเองมีความสุขและมีผลิตภาพมากขึ้น

  • หลังจากทดลองแนวทางดังกล่าว DNS Filter บริษัทด้านการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์5 จึงได้ดำเนินแนวทางการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์แบบสลับกันหยุดต่อไป โดยสมาชิกในแต่ละทีมจะได้สลับกันทุกหยุดวันศุกร์

  • G2i แพลตฟอร์มการจ้างงาน6 จะทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในทุกๆ 2 สัปดาห์ โดยทางบริษัทกล่าวว่า วิธีนี้ช่วยให้การสรรหาพนักงาน การรักษาพนักงานไว้กับองค์กร และการทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น บริษัทแห่งนี้กล่าวว่า "การทำงานสัปดาห์ละ 4 วันได้เปลี่ยน G2i ไปในแนวทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"

ข้อดีของการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

ข้อดีของการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

ความนิยม

สำหรับตลาดแรงงานในโลกหลังการแพร่ระบาดของโควิดแล้ว ความยืดหยุ่น ความมีอิสระ และการใฝ่หาความยุติธรรม ความเท่าเทียม และความยั่งยืน ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยที่ผู้สมัครงานใช้ในการตัดสินใจ ในขณะที่ 3 ใน 4 ของนายจ้างนั้นรายงานว่าตนประสบปัญหาในการว่าจ้างพนักงานใหม่ การมอบตัวเลือกว่าจะให้ผู้คนทำงานอะไร ที่ไหน และด้วยวิธีการใดสามารถทำให้องค์กรมีความน่าสนใจยิ่งขึ้นในมุมมองของผู้ที่หางานได้

ผลิตภาพ

หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญของวันทำงานต่อสัปดาห์ที่น้อยลงคือสามารถลดภาวะหมดไฟและความเครียดได้ นอกจากนี้ ผลลัพธ์ในเบื้องต้นยังชี้ให้เห็นอีกด้วยว่าแนวทางนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลิตภาพเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Microsoft7 ในญี่ปุ่นที่รายงานว่า ผลิตภาพของบริษัทเพิ่มขึ้น 40% หลังจากทดลองใช้แนวทางนี้เป็นเวลา 4 สัปดาห์ รวมไปถึงการศึกษาต่างๆ8 ที่แสดงให้เห็นว่า วันทำงานต่อสัปดาห์ที่น้อยลงส่งผลให้พนักงานขาดงานน้อยลง ตลอดจนเกิดอุบัติเหตุและข้อผิดพลาดระหว่างทำงานน้อยลงอีกด้วย

สุขภาวะ

ข้อมูลเบื้องต้นจากการทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์อย่างเป็นรูปธรรมระบุว่า พนักงาน 70% รู้สึกว่าตนทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงจัดลำดับความสำคัญและจัดการเวลาได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งบริษัทต่างๆ ยังรายงานด้วยว่า อัตราการขาดงานของตนเองลดลงมากถึง 55% การทำงานแบบ 'ทำงาน 4 วัน หยุด 3 วัน' จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งยังทำให้พนักงานมีเวลาให้ครอบครัว เพื่อนฝูง งานอดิเรก และการออกกำลังกายมากขึ้น ตลอดจนเพิ่มความพึงพอใจจากการเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีเวลาทำงานบ้าน เช่น การดูแลบ้านและการจัดการการเงินอีกด้วย

ความยั่งยืน

การศึกษาในสหราชอาณาจักรระบุว่า การลดจำนวนวันทำงานเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์จะสามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของประเทศได้มากถึง 127 ล้านตันต่อปีภายในปี 2025 โดยการศึกษานี้อิงจากการที่พนักงานใช้เวลาว่างที่เพิ่มขึ้นไปกับไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น เช่น การปั่นจักรยานและการเดินไปทำงาน การเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง และการทำอาหารจากวัตถุดิบที่สดใหม่แทนการตอบโจทย์วันทำงานอันแสนวุ่นวายด้วยอาหารพร้อมทานที่ช่วยประหยัดเวลา

นอกจากนี้ การที่พนักงานมีวันทำงานลดลงยังอาจช่วยลดพลังงานที่ธุรกิจใช้ในพื้นที่ออฟฟิศ ซึ่งทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอีกด้วย

ความเท่าเทียม

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (Office for National Statistics) ของสหราชอาณาจักรในปี 2015 ชี้ว่า 74% ของเวลาทั้งหมดในการดูแลเด็กนั้นตกเป็นของผู้หญิง การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จึงอาจทำให้ผู้คนใช้เวลาว่างที่เพิ่มขึ้นเพื่อเลี้ยงดูเด็ก มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับบ้านและครอบครัวอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

ข้อเสียของการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

ข้อเสียของการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

แม้การปรับรูปแบบการทำงานต่อสัปดาห์ครั้งใหญ่อาจฟังดูน่าสนใจ แต่ก็มีผู้นำธุรกิจจำนวนมากที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวความคิดของการนำแนวทางการทำงาน 4 วันมาใช้อย่างถาวรด้วยเช่นกัน

การทำงาน 4 วันอาจทำให้เกิดการแบ่งแยกได้

ไม่ใช่ทุกงานที่จะเหมาะกับการทำงาน 4 วัน หากมีคนส่วนหนึ่งสามารถทำงาน 4 วันได้ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ สิ่งนี้ก็อาจนำมาซึ่งความขุ่นเคืองภายในองค์กรได้

ผลลัพธ์ในเชิงบวกอาจเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆ

การวิจัย12 เผยว่า พนักงานไม่ได้เห็นคุณค่าของการทำงาน 4 วันมากเท่าเดิมอีกต่อไปเมื่อแนวทางนี้กลายมาเป็นมาตรฐาน และแม้ว่าในช่วงแรก เราอาจจะมองว่าการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ทำให้เรามีวันหยุดเพิ่มขึ้น แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง เราก็อาจมองว่าการทำงานวันละสิบชั่วโมงนั้นเป็นการทำงานที่หนักขึ้นแต่ได้เงินเท่าเดิมได้

การมีส่วนร่วมระหว่างกันที่ลงลด

โพลล์จาก Gallup ที่สำรวจแนวทางการทำงานต่อสัปดาห์ที่แตกต่างกัน 3 แนวทางพบว่า วันทำงานต่อสัปดาห์ที่น้อยลงทำให้สุขภาวะของพนักงานดีขึ้นและลดภาวะหมดไฟลง แต่ก็ทำให้การมีส่วนร่วมนั้นลดลงด้วยเช่นกัน โดยพนักงานที่ก่อนหน้านี้อาจรู้สึกห่างเหินจะยิ่งมีแนวโน้มที่จะรู้สึกแปลกแยกกว่าเดิมเมื่อมีวันหยุดมากขึ้น

ความเครียดที่มากขึ้น

การทำงานออฟฟิศ 4 วัน โดยทำงานแต่ละวันนานขึ้นแทนการทำงาน 5 วันอาจมีโอกาสทำได้จริงสูง แต่การบีบภาระงานอื่นๆ เช่น การประชุม การฝึกอบรม และเซสชั่นการทำงานร่วมกันให้อยู่ใน 4 วันก็อาจสร้างความกดดันจากตารางงานที่แน่นขึ้นและส่งผลให้พนักงานรู้สึกเครียดมากขึ้น แทนที่จะช่วยให้ลดน้อยลงได้

ความไม่เท่าเทียม

คุณค่าของการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในแง่ของความเท่าเทียมนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำในวันที่ 5 ซึ่งหากผู้หญิงจำเป็นต้องใช้วันที่ 5 นั้นไปกับการดูแลเด็ก สิ่งนี้ก็จะส่งผลลบต่อความเท่าเทียมโดยไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้งผลกระทบด้านสุขภาพจากการทำงานเป็นระยะเวลาที่นานขึ้นสำหรับพนักงานสูงอายุ หรือผู้พิการหรือป่วยเรื้อรังก็อาจทำให้คนเหล่านี้ไม่ได้รับประโยชน์จากการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์อีกด้วย

ค่าใช้จ่าย

การปิดสำนักงานของธุรกิจในวันที่ 5 อาจช่วยประหยัดพลังงานและลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ แต่องค์กรก็ยังคงต้องจ่ายค่าเช่าและค่าอุปกรณ์ต่างๆ เช่นเคย การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จึงอาจเพิ่มค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการขยายพื้นที่และทรัพยากรเพื่อรองรับพนักงานจำนวนมากขึ้นที่จะทำงานในออฟฟิศนานขึ้นได้

การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์เหมาะกับธุรกิจหรือไม่

การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์เหมาะกับธุรกิจหรือไม่

การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์อาจไม่ได้เหมาะกับทุกองค์กรหรือพนักงานทุกคนเสมอไป เพราะบางภาคธุรกิจ เช่น บริการฉุกเฉิน การบริการ การขนส่ง และโลจิสติกส์ ต้องการให้พนักงานของตนทำงาน 5 วัน หรือแม้กระทั่ง 7 วันต่อสัปดาห์ อีกทั้งพนักงานจำนวนมากก็ยินดีที่จะทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ และอาจต้องการหาโอกาสทำงานล่วงเวลาและทำงานจากที่บ้านเป็นครั้งคราวหรือตลอดเวลามากกว่า และเนื่องจากโรงเรียนเปิดสอน 5 วันต่อสัปดาห์ การทำงานสัปดาห์ละ 4 วันโดยที่ต้องทำงานนานขึ้นก็อาจไม่เหมาะกับผู้ปกครองและคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่ต้องดูแลบุตรหลานได้

ข้อควรพิจารณาเกี่ยวกับการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

  • พนักงานต้องการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จริงๆ หรือไม่

  • ธุรกิจจะให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปได้หรือไม่

  • ส่วนที่ต้องทำงานร่วมกันนั้นสามารถทำงานได้ภายใต้กรอบเวลา 4 วันจากเดิมที่ 5 วันได้หรือไม่

  • ธุรกิจจะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่รบกวนวันหยุดของพนักงานได้อย่างไร

  • ธุรกิจจะรักษาการมีส่วนร่วมเมื่อพนักงานมีวันหยุดเพิ่มขึ้นได้อย่างไร

ทำอย่างไรให้การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์นั้นได้ผล

ทำอย่างไรให้การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์นั้นได้ผล

  • อธิบายแนวทางใหม่ให้ผู้อื่นเข้าใจ: การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ณ ที่นี้หมายถึง การทำงาน 4 วัน วันละ 10 ชั่วโมง หรือการลดรายได้และสวัสดิการลงโดยที่พนักงานยังคงทำงานนานเท่าเดิมแต่ลดวันลง

  • ลองทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ โดยอาจทดลองในสาขาเดียว หรือทดลองกับแต่ละทีมก่อน

  • ให้ความรู้และฝึกให้ผู้จัดการบริหารจัดการบุคลากรด้วยแนวทางการทำงานที่ต่างไปจากเดิม

  • ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ รวมถึงไต่ตรองเกี่ยวกับประสบการณ์ของพนักงานทุกคน

  • ตัดสินใจเรื่องการวัดผล โดยอาจเป็นในแง่ของการรักษาผลิตภาพ สุขภาวะที่ดียิ่งขึ้น การสรรหาพนักงานที่มากขึ้น และความภักดีของพนักงาน

  • ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมอยู่เสมอ แม้ว่าวันทำงานจะลดลงและมีความกดดันมากขึ้นก็ตาม

  • สื่อสารสิ่งที่คุณกำลังวางแผนอยู่ รวมถึงสาเหตุ เพื่อจัดการกับความคาดหวังของลูกค้า

  • ปรับวันหยุดและสวัสดิการให้เหมาะกับการทำงานรูปแบบใหม่

  • พิจารณาถึงความยืดหยุ่นในแง่ของช่วงเวลาที่ความต้องการจากลูกค้ามีเพิ่มมากขึ้น หรือปัจจัยด้านฤดูกาลที่พนักงานอาจต้องทำงานล่วงเวลา หรือทำงานน้อยลงกว่าเดิม

  • ใช้งานเทคโนโลยีเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะจากที่ทำงานหรือจากทางไกล

แนวทางอื่นๆ ในการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

แนวทางอื่นๆ ในการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ไม่ใช่แนวทางการทำงานเดียวที่ให้ความยืดหยุ่นที่มากขึ้นและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแก่พนักงาน แนวทางอื่นๆ ที่คุณควรลองพิจารณามีดังต่อไปนี้

  • การทำงานที่ยืดหยุ่นในรูปแบบอื่นๆ เช่น การทำงานจากทางไกลอย่างเต็มรูปแบบ หรือการทำงานแบบไฮบริด

  • การลาหยุดได้ไม่จำกัดวันแต่ยังคงได้รับเงินเดือน

  • สิทธิ์ในการปฏิเสธการพูดคุยนอกเวลางาน

  • การปรับเปลี่ยนกระแสงาน

  • การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อทำงานที่ซ้ำซากจำเจ

การทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จากทั่วโลก

การทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์จากทั่วโลก

หลายประเทศได้ทดลองใช้การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์กันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยผลลัพธ์บางส่วนนั้นมีดังต่อไปนี้

ไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์ได้ทดลองทำงานสัปดาห์ละ 4 วันในช่วงปี 2015-2019 และพบว่า พนักงานมากกว่า 2,500 คนมีสุขภาวะที่ดีขึ้นในแง่ของสุขภาพและสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิต

นิวซีแลนด์

การทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ของบริษัท Perpetual Guardian ในนิวซีแลนด์ในปี 2018 พบว่า แนวทางนี้ส่งผลให้ระดับการมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น 30-40% เกณฑ์ชี้วัดด้านสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้น 44% การส่งเสริมสนับสนุนพนักงานเพิ่มขึ้น 26% การเป็นผู้นำเพิ่มขึ้น 28% การมุ่งมั่นทำงานเพิ่มขึ้น 27% และความผูกพันต่อองค์กรเพิ่มขึ้น 29% นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัท Unilever ในนิวซีแลนด์ยังได้ทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ตลอดทั้งปี โดยมีแผนที่จะทดลองในประเทศอื่นๆ อีกด้วย

เบลเยียม

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 พนักงานในเบลเยียมได้รับสิทธิ์ในการเลือกว่าจะทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์โดยไม่โดนลดเงินเดือนหรือไม่

สหราชอาณาจักร

ในเดือนมิถุนายน 2022 พนักงานมากกว่า 3,300 คนใน 70 บริษัทในสหราชอาณาจักรได้เริ่มโครงการนำร่องที่จะดำเนินการเป็นระยะเวลา 6 เดือน และยึดหลักการจ่ายเงินเต็มจำนวนต่อเวลาทำงาน 80% โดยแลกเปลี่ยนกับการพยายามรักษาผลิตภาพให้ได้เท่าเดิม โดยที่นักวิจัยจะวิเคราะห์ผลตอบรับของพนักงาน ทั้งในแง่ของความเครียดและภาวะหมดไฟ ความพึงพอใจในหน้าที่การงานและชีวิต สุขภาพ การนอนหลับ การใช้พลังงาน และการเดินทาง

หัวข้อที่คุณอาจสนใจ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

1 Assuming you were working a full‑time job and your pay would be the same in either scenario, which of the following would you prefer?, YouGov, 2019
2 Why the CEO of Basecamp only allows employees to work 32 hours a week, CNBC, 2017
3 Why We’re Switching to A Four-Day Workweek, Bolt, ไม่ทราบวันที่
4 A Year And a Half Later, Here’s How The Four Day Workweek is Going at Buffer, Buffer, 2022
5 https://www.dnsfilter.com/
6 The 4 Day Work Week: The Future of the Workplace, G2i, ไม่ทราบวันที่
7 What is the debate surrounding the four-day working week?, Warner Goodman, 2022
8 We're moving to a 4-day week, Ywcascotland, 2021
12 The Cons of a 4-Day Workweek, Peoplehum, 2022
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

โพสต์ล่าสุด

ผลิตภาพ | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

ผลิตภาพคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญ

ผลิตภาพเป็นประเด็นยอดนิยมมาตั้งแต่ก่อนที่ทั้งโลกจะล็อกดาวน์ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับธุรกิจ ค้นพบความสำคัญของผลิตภาพ วิธีวัดผล และวิธีเพิ่มผลิตภาพในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด

ผลิตภาพ | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

เทคนิคการจัดการเวลา

เมื่อวิธีและสถานที่ทำงานของเราเปลี่ยนแปลงไป การช่วยให้บุคลากรที่ทำงานจากทางไกลและบุคลากรหน้างานมีส่วนร่วมและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ เทคนิคบริหารจัดการเวลาเหล่านี้สามารถช่วยคุณได้

ผลิตภาพ | ใช้เวลาอ่าน 7 นาที

วิธีเพิ่มผลิตภาพของตัวคุณเอง

ผลิตภาพในตัวเองคืออะไร และคุณจะพัฒนาผลิตภาพได้อย่างไร ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านผลิตภาพของคุณ