อนาคตของสำนักงาน

ออฟฟิศกำลังประสบความผันผวน แม้ว่ากลยุทธ์การกลับไปทำงานในสำนักงานทั่วโลกจะประสบทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวตลอดเวลาที่ผ่านมา ทว่าปัจจัยทางวัฒนธรรมและการเมืองยังส่งผลอยู่ และต่อไปนี้คือความหมายที่คำกล่าวข้างต้นมีต่อคุณ

อนาคตของการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 6 นาที
ใครจะกลับสู่สำนักงานบ้าง

ใครจะกลับสู่สำนักงานบ้าง

คนทั่วโลกต่างมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการกลับไปทำงานในสำนักงานที่แตกต่างกัน จากการรายงานของ Digiday เผยให้เห็นว่า บริษัทผู้ว่าจ้างรายใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรจำนวน 43 รายจาก 50 รายไม่มีแผนกำหนดให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานอย่างเต็มเวลา ในขณะที่นักการเมืองในสเปนกำลังทดลองรูปแบบการทำงานแบบ 4 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ผู้คนกลับมาทำงานในสำนักงานโดยที่ไม่ส่งผลเสียต่อชีวิตครอบครัวที่ดีขึ้น

ชาวอเมริกาจำนวน 40% เลือกที่จะทำงานจากที่บ้านเต็มเวลา แต่ 74% คิดว่าซีอีโอของตนอาจต้องการให้พวกเขาอยู่ในสำนักงานมากกว่า ส่วนเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเข้าสำนักงานสูงที่สุดในโลก โดยข้อมูลการสำรวจสถานที่ทำงานในประเทศจีนของ Freespace และ Gensler พบว่า 99% ของพนักงานบริษัททำงานในสำนักงานเต็มเวลาหรือทำงานในรูปแบบไฮบริด

จากการสำรวจผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง CBRE ระบุได้ถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลกหลายประการที่มีผลต่ออนาคตของสำนักงาน ซึ่งได้แก่ การทำงานแบบไฮบริด วัฒนธรรมบริษัท การปฏิรูปสถานที่ทำงาน และพื้นที่ที่ยืดหยุ่น ไม่ว่าคุณจะพิจารณาในแง่มุมใด สำนักงานในยุคหลังโควิดก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมากแน่นอน แล้วเราจะคงระดับผลิตภาพ การสร้างความสัมพันธ์ และการแบ่งปันความรู้โดยไม่ต้องอยู่ในสถานที่เดียวกันได้อย่างไร

เรามาเริ่มต้นด้วยการพิจารณาถึงอนาคตของสำนักงานในอนาคตของการทำงานแบบใหม่กัน

เส้นทางสู่ออฟฟิศไร้พรมแดน

ค้นพบวิธีการและสาเหตุที่ทำให้เราสามารถทำงานอย่างเต็มความสามารถได้จากทุกที่ภายในโลกของเมตาเวิร์ส

อนาคตของการทำงานจะคืนสู่สำนักงานหรือไม่

อนาคตของการทำงานจะคืนสู่สำนักงานหรือไม่

เราได้เห็นแล้วว่า ความคิดเห็นเกี่ยวกับการกลับไปทำงานในสำนักงานนั้นแตกต่างกันไปตามพลวัตของพนักงาน/นายจ้าง และตามประเทศ เราสามารถมองอนาคตของสำนักงานโดยแบ่งออกเป็นสเปกตรัม เริ่มตั้งแต่การทำงานจากทางไกลเต็มรูปแบบไปถึงการทำงานในสำนักงานเต็มรูปแบบ ด้านหนึ่งของสเปกตรัมคือบริษัทอย่าง Meta, Quora และ Spotify ที่เปิดรับรูปแบบการทำงานจากทางไกลในระยะยาว บริษัทอื่นๆ อย่าง Apple และ Microsoft อยู่กึ่งกลางด้วยการใช้รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ในขณะที่บริษัทแบบดั้งเดิมอย่าง JP Morgan Chase และ Goldman Sachs อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสเปกตรัม โดยคาดหวังให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานโดยสมบูรณ์

การระบาดใหญ่ทั่วโลกทำให้ทัศนคติที่ผู้คนมีต่อสถานที่ทำงานพลิกผันไปในชั่วพริบตา หลังจากถูกบังคับให้ทำงานจากที่บ้านในช่วงล็อกดาวน์ ผู้คนก็เริ่มลังเลที่จะกลับไปใช้สมดุลการทำงานและการใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ ที่มีกำหนดเวลาแบบตายตัวและต้องเสียเงินจำนวนมากไปกับค่าเดินทาง จากแบบสำรวจเกี่ยวกับการทำงานจากทางไกลของ PWC พบว่า พนักงาน 55% ต้องการทำงานจากทางไกลอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และผู้บริหารส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้คนอาจต้องทำงานจากทางไกลไปอีกนาน

Morgan Lovell บริษัทออกแบบสำนักงานได้สร้างคำศัพท์ใหม่อย่าง 'Workplace 3.0' ขึ้นเพื่อเป็นนิยามสำหรับ "สำนักงานแห่งอนาคต" รูปแบบสำนักงานเริ่มต้นมาจาก 'Workplace 1.0' ที่เป็นการทำงานที่โต๊ะทำงานหรือห้องประชุม และ 'Workplace 2.0' ที่เป็นสำนักงานแบบเปิดโล่งและมีการสลับสับเปลี่ยนที่นั่ง แล้วพัฒนาไปสู่การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานจากที่บ้านและสำนักงาน ปัจจัยในการสร้างความสมดุลนี้ให้สำเร็จคือความยืดหยุ่นด้านเวลา รวมถึงการจัดสถานที่ทำงานด้วย

นิยามใหม่ของสำนักงาน

นิยามใหม่ของสำนักงาน

Business Design Centre กล่าวว่า ถึงแม้การทำงานแบบไฮบริดจะได้รับความนิยมเมื่อเราผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดไปแล้ว เราก็ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปากว่า "หมดยุคของการทำงานในสำนักงานแบบดั้งเดิม" พื้นที่การทำงานภายในสำนักงานเป็นศูนย์กลางอันมั่นคงที่จะทำให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานเป็นแหล่งสนับสนุนการพัฒนาส่วนบุคคลและทางอาชีพการงาน อีกทั้งยังเป็นหนทางในการสร้างและส่งเสริมวัฒนธรรมบริษัทให้กับทั้งพนักงานและลูกค้าในปัจจุบัน ตลอดจนผู้มีศักยภาพและผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าในอนาคต1

ค่านิยมสังคม คือประโยชน์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของสถานที่ทำงาน การรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและการแบ่งปันความรู้ให้กันและกันเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานจากทั่วโลกผ่านการประชุมทางวิดีโอได้ แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการทำงานร่วมกันภายในสถานที่เดียวกันได้อย่างสิ้นเชิง การพูดคุยแบบเห็นหน้ากันช่วยให้เราสามารถสื่อสารกันได้มากกว่าคำพูดผ่านภาษากายและการแสดงอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ ขณะพักดื่มกาแฟ การระดมความคิดในทีม ไปจนถึงการพูดคุยเรื่องละเอียดอ่อนกับผู้จัดการของคุณ Morgan Lovell ให้เหตุผลว่าสิ่งนี้ "มีส่วนทำให้เกิดมาตรฐานสูงสุดในการทำงานร่วมกัน" ซึ่งจะสร้างทุนทางปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมสำหรับธุรกิจ2

หากอนาคตของสำนักงานให้ความสำคัญกับการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ แล้วสิ่งนี้มีผลต่อการออกแบบสำนักงานอย่างไร Diane Hoskins ซีอีโอร่วมของ Gensler บริษัทการออกแบบและสถาปัตยกรรมระดับโลกได้ให้ข้อมูลเชิงลึกกับ McKinsey เกี่ยวกับความก้าวหน้าของแนวทางที่เน้นผู้คนเป็นศูนย์กลางในการออกแบบพื้นที่ทำงานว่า การออกแบบสำนักงานในช่วงการแพร่ระบาดต้องคำนึงถึงพื้นที่ ความปลอดภัย และสุขอนามัย ส่วนการออกแบบภายหลังการแพร่ระบาดจะต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและนวัตกรรมผ่านความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกัน

พื้นที่ภายในสำนักงานจะมีหน้าตาอย่างไรในอนาคต

พื้นที่ภายในสำนักงานจะมีหน้าตาอย่างไรในอนาคต

เรามาสำรวจเทรนด์บางส่วนที่จะพลิกโฉมสำนักงานในโลกหลังการแพร่ระบาดกัน

ศูนย์กลางในท้องถิ่น

เวลาในการเดินทางและค่าสถานที่เป็นข้อกังวลระยะยาวในการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานของพนักงาน ในขณะที่ต้องแน่ใจว่าค่าเช่าหรือค่าใช้จ่ายในการจัดหาพื้นที่สำนักงานนั้นยั่งยืน บริษัทต่างๆ อาจตัดสินใจที่จะกระจายสำนักงานใหญ่ในเมืองเดียวออกเป็นสาขาย่อยระดับภูมิภาค หรือที่เรียกกันว่ารูปแบบ Hub-and-Spoke

การกระจายสำนักงานไปอยู่ทั้งในตัวเมืองและชานเมืองล้วนได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะวิธีการนี้ช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันและรักษาความรู้สึกของการเป็นชุมชนภายในบริษัทให้คงอยู่ อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการขยายกลุ่มผู้มีทักษะความสามารถ นอกจากนี้ การกระจายสำนักงานยังช่วยให้พนักงานมีทางเลือกในการเดินทางไปยังสำนักงานได้มากขึ้น เนื่องจากย่านธุรกิจในเขตชานเมืองมักให้บริการพื้นที่จอดรถฟรี และต้นทุนการเช่าสำนักงานอาจถูกกว่าพื้นที่ย่านใจกลางเมืองที่มีราคาสูงลิบ

Augmented Reality (เมตาเวิร์ส)

เทคโนโลยีรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วในระหว่างช่วงการแพร่ระบาดเพื่อรับมือกับการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เทคโนโลยีจะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคตของสำนักงาน สถานที่ทำงานแบบความเป็นจริงผสม (Mixed Reality) คือการหลอมรวมระหว่างโลกดิจิทัลและโลกความเป็นจริง Andrew Bosworth หัวหน้าฝ่าย Virtual Reality และ Augmented Reality ที่ Meta Reality Labs กล่าวว่า Meta กำลังสร้างแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถ "สลับไปมาระหว่างโลกความจริงและโลกเสมือนจริง" โดยผสมผสานการทำงานของ Augmented Reality และ Virtual Reality เข้าด้วยกันมาโดยตลอด3

แนวคิดของเมตาเวิร์สคือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นแบบไร้ขอบเขต ซึ่ง Meta เรียกสิ่งนี้ว่า "อินเทอร์เน็ตที่มีตัวตน" หรือ "อินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถก้าวเข้าไปสัมผัสได้" ลองนึกภาพการสร้างอวาตาร์ 3 มิติแบบเหมือนจริงที่จะเลียนแบบภาษากายของเราในขณะที่เราพูด การสร้างพื้นที่ทำงานในอุดมคติที่มีแป้นพิมพ์ดิจิทัลและหน้าจอเสมือนหลายหน้าจอจัดเรียงในสภาพแวดล้อมทางกายภาพของเรา การปรับพื้นที่ VR และ AR ให้เหมาะสมกับงานตามเงื่อนไขที่เราต้องการ เมตาเวิร์สจะมอบโอกาสในการทำงานร่วมกันและความสามารถในการสร้างสรรค์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

พื้นที่ทำงานร่วมกัน

หากการทำงานแบบไฮบริดทำให้ผู้คนสามารถทำงานจากที่บ้านเมื่อต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเพื่อให้เกิดสมาธิและจดจ่อกับงาน สำนักงานก็เป็นสถานที่สำหรับสร้างปฏิสัมพันธ์ การจัดที่นั่งทำงานแบบสบายๆ แทนการกั้นคอกทำงานหรือแยกโต๊ะทำงานออกจากกันช่วยกระตุ้นให้เกิดการสนทนาระหว่างบุคคล ห้องประชุมย่อยช่วยให้ทีมงานกลุ่มเล็กๆ สามารถร่วมมือกัน และห้องประชุมขนาดใหญ่ช่วยให้สมาชิกในโปรเจ็กต์ทำงานร่วมกันได้ สมาชิกทีมที่อยู่ไกลสามารถโทรเข้าร่วมประชุมทางวิดีโอ ในขณะที่พนักงานในสำนักงานสามารถทำงานร่วมกันแบบตัวต่อตัวได้

พื้นที่มากขึ้น

การเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้ธุรกิจต้องใช้พื้นที่ในสำนักงานทุกตารางเมตรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อรักษาพนักงานให้ปลอดภัยโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตภาพ เมื่อการเว้นระยะห่างทางสังคมกำลังจะหมดไป และผู้คนให้ความสำคัญกับการทำงานแบบไฮบริดมากกว่า บริษัทต่างๆ จึงอาจต้องลดพื้นที่ของโต๊ะทำงานลง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องลดขนาดของสำนักงานเสมอไป จริงๆ แล้วการปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่มีอยู่คือการใช้ที่ว่างให้เป็นพื้นที่สำหรับการเข้าสังคมและทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่งสื่อให้เห็นภาพของวัฒนธรรมและค่านิยมของบริษัทได้อีกด้วย

อาคารอัจฉริยะ

เช่นเดียวกับการชำระเงินแบบไร้สัมผัส สำนักงานเองก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อลดจุดสัมผัสร่วมกันแม้จะผ่านพ้นช่วงการระบาดไปแล้วก็ตาม การใช้แอพบนสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตู้เก็บของและเครื่องพิมพ์ แทนการใช้ปุ่มสามารถช่วยรักษาสุขภาพและความปลอดภัยโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของพนักงาน สำนักงานใหญ่ของ Bee’ah บริษัทด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียที่ออกแบบโดย Zaha Hadid Architects ได้ใช้เทคโนโลยี 'ทางเดินไร้สัมผัส' เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวและการจดจำใบหน้าเพื่อเปิดประตูและเรียกลิฟต์ พนักงานจึงไม่ต้องสัมผัสกับตัวอาคารโดยตรง4

เทคโนโลยีการจัดการอาคารอัจฉริยะยังให้ประโยชน์ในด้านความสะดวกสบายและสภาพแวดล้อม เช่น ระบบทำความร้อนและระบบไฟส่องสว่างที่จะตอบสนองต่อสภาพอากาศและการใช้อาคาร บิ๊กดาต้าเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอาคาร และปรับปรุงต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดผ่านเทคโนโลยีอัจฉริยะ ตลอดจนสร้างสภาพการทำงานที่ดีที่สุด

พื้นที่ทางสังคมและความคิดสร้างสรรค์

จิตวิทยาเชิงพื้นที่คือความเชื่อมโยงระหว่างสภาพแวดล้อมและความรู้สึก การกระทำ และความคิดของเรา ดังนั้น เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หรือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การออกแบบพื้นที่การทำงานจึงต้องกระตุ้นอารมณ์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้เฟอร์นิเจอร์เนื้อนุ่มเพื่อให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลาย ตู้ทำงานส่วนตัวที่กระตุ้นให้เกิดช่วงเวลาแบ่งปันความเห็นโดยปราศจากสิ่งรบกวน และคุณสามารถนำการออกแบบที่น่าสนใจมาไว้ในพื้นที่เปิดโล่งกว้างเพื่อดึงดูดให้ผู้คนมารวมตัวกันพร้อมพลังด้านบวก

นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ยังหวังให้เกิดการจุดประกายนวัตกรรมผ่านสภาพแวดล้อมที่ปลูกฝังการคิดนอกกรอบ ตัวอย่างเช่น สำนักงานใหญ่ของ LEGO ในเดนมาร์กที่มีโมเดลเลโก้ขนาดยักษ์ ใช้สีสันสดใส และมี 'พื้นที่ทำกิจกรรม' ที่สร้างสรรค์5 ในขณะที่ Viacom ในนิวยอร์กจ้างศิลปินเพื่อวาดภาพบนผนังพาดผ่านไปตามโถงทางเดิน6

ให้ความสำคัญกับสุขภาวะ

แม้ว่าการทำงานจากที่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดทำให้ใครหลายคนมีเวลาออกกำลังกายและทำงานอดิเรกมากขึ้น แต่ความไม่ชัดเจนระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตในบ้านก็ทำให้คนบางส่วนเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟ เหรียญสองด้านของสุขภาวะได้ผลักดันประเด็นด้านการดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายของพนักงานให้เป็นเรื่องสำคัญของธุรกิจ สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดโปรแกรมการดูแลสุขภาพในองค์กรมากขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจได้รับผลประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการทำงาน อัตราการทำงานต่อกับบริษัท และการสรรหาบุคลากรที่เพิ่มขึ้น

โปรแกรมดูแลสุขภาพในที่ทำงาน อาจมีทั้งส่วนลดค่าสมาชิกฟิตเนส คลาสทำสมาธิในที่ทำงาน งานกิจกรรมเข้าสังคมที่จัดขึ้นเป็นประจำ โต๊ะยืนทำงาน และของว่างเพื่อสุขภาพ หรือแม้แต่ปัจจัยธรรมดาๆ อย่างแสงธรรมชาติ ก็สามารถทำให้พนักงานในสำนักงานรู้สึกสบายขึ้น อีกทั้งยังมีความสุข สุขภาพดี และมีผลิตภาพมากขึ้น

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้เกี่ยวกับออฟฟิศไร้พรมแดนไปพร้อมกัน

ก้าวเข้าสู่อนาคตแห่งการทำงาน

สมัครเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากเราเกี่ยวกับอนาคตแห่งการทำงานและอนาคตของเมตาเวิร์ส

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

1 "5 Reasons why your physical office space is as important as ever", Business Design Centre, 2020
2 "Workplace 3.0: The office of the future", Morgan Lovell
3 "COVID-19: Is this what the office of the future will look like?", World Economic Forum, 2020
4 "BEEAH HQ", Zaha Hadid Architects
5 "The LEGO Group Opens New Campus in Billund, Denmark", Lego, 2019
6 "These 7 Innovative Offices Were Designed to Spark Creativity", Artsy, 2019
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้เกี่ยวกับออฟฟิศไร้พรมแดนไปพร้อมกัน


โพสต์ล่าสุด

อนาคตของการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

อนาคตของการทำงาน

การทำงานในเมตาเวิร์สเป็นอย่างไร การทำงานแบบไฮบริดจะยังคงอยู่ต่อไปหรือไม่ แม้คุณจะไม่สามารถคาดเดาอนาคตที่รออยู่ข้างหน้าได้ 100% แต่อย่างน้อยคุณก็สามารถเตรียมองค์กรของคุณให้พร้อมสำหรับอนาคตได้

อนาคตของการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 12 นาที

การทำงานแบบไฮบริด: ยินดีต้อนรับสู่วิธีการทำงานรูปแบบใหม่

คุณต้องการให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศหรือทำงานจากที่บ้านต่อไป แล้วถ้าเอาทั้งสองรูปแบบมารวมกันล่ะ การทำงานแบบไฮบริดอาจเป็นวิธีที่เหมาะกับองค์กรของคุณที่สุดก็เป็นได้

อนาคตของการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 6 นาที

เราจะทำงานอย่างไรในเมตาเวิร์ส

ตั้งแต่การทำงานร่วมกันในทีมไปจนถึงวัฒนธรรมของบริษัท นี่คือ 5 วิธีที่เมตาเวิร์สและ Virtual Reality จะเปลี่ยนอนาคตในการทำงานและการทำธุรกิจ