วิธีหลีกเลี่ยงการคิดแบบติดกลุ่ม

การคิดแบบติดกลุ่มอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดมหันต์และเป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ได้ แล้วคุณจะสังเกตการคิดแบบติดกลุ่มในสถานที่ทำงานได้อย่างไร และจะทำอย่างไรเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคนี้ เรามาสำรวจประเด็นเหล่านี้ไปด้วยกัน

ขจัดปัญหาในที่ทำงานด้วย Workplace

ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้

ทีมของคุณเป็นทีมที่แน่นแฟ้น ทุกคนเชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะทำงานในที่ทำงานหรือจากทางไกล คุณประสบความสำเร็จในการทำงานร่วมกันเป็นทีม และสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว แต่ลองคิดย้อนกลับสักครู่ คุณแน่ใจหรือไม่ว่าทีมของคุณกำลังดำเนินไปตามที่คุณต้องการ หรือบางทีคุณอาจกำลังประสบปัญหาการคิดแบบติดกลุ่มอยู่

การคิดแบบติดกลุ่มคืออะไร และเหตุใดจึงเป็นปัญหา

การคิดแบบติดกลุ่มคืออะไร และเหตุใดจึงเป็นปัญหา

การคิดแบบติดกลุ่ม อาจฟังดูเหมือนคำที่หลุดมาจากวรรณกรรมเรื่อง 1984 ของ George Orwell แต่จริงๆ แล้ว คำนี้เป็นศัพท์ที่คิดค้นโดยนักจิตวิทยา Irving L. Janis ในยุค 70 เขาให้คำนิยามว่าเป็น 'แรงผลักดันทางจิตวิทยาเพื่อให้ได้มาซึ่งฉันทามติในทุกวิถีทาง' และพิจารณาว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการแตกสลายทางการเมืองในยุคนั้นๆ นับตั้งแต่เหตุการณ์รุกรานอ่าวหมูไปจนถึงการทวีความรุนแรงของสงครามเวียดนาม

ตามคำอธิบายของ Janis ซึ่งนักจิตวิทยาคนอื่นๆ ได้ต่อยอดทฤษฎีและให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า การคิดแบบติดกลุ่มจะเกิดขึ้นเมื่อผู้คนพยายามหาข้อตกลงในทุกวิถีทาง และผลักผลกระทบไปไว้ฝั่งเดียว เพราะกลัวว่าจะส่งผลเสียต่อเอกฉันท์ในทีม กระบวนการนี้อาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่เลวร้ายหรือก่อให้เกิดหายนะเลยก็ว่าได้ ซึ่งการคิดแบบติดกลุ่มเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์โจมตีเพิร์ลฮาเบอร์ไปจนถึงโศกนาฎกรรมกระสวยอวกาศชาเลนเจอร์

การคิดแบบติดกลุ่มยังมีตัวอย่างให้เห็นมากมายในระดับที่เล็กลงมา โดยส่งผลต่อตัวบุคคลในที่ทำงาน ลองนึกถึงแคมเปญโฆษณายอดแย่ที่ได้รับการเซ็นอนุมัติโดยไม่ทราบสาเหตุและปรากฏให้เห็นในทุกที่ หรือผู้สมัครงานที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมแต่กลับได้รับการว่าจ้าง ผู้คนมักจะสงสัยว่าการตัดสินใจเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หากผู้คนทำการตัดสินใจภายในกลุ่มโดยขาดการโต้แย้งที่มีประสิทธิภาพ พวกเขาจะมองข้ามสัญญาณเตือน และองค์กรอาจประสบความล้มเหลวในการพิจารณาที่ให้ผลลัพธ์อย่างเพียงพอ

ไม่ใช่ทุกกลุ่มที่จะประสบปัญหาจากการคิดแบบติดกลุ่ม แล้วปัญหานี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด ตามข้อมูลของ Janis การคิดแบบติดกลุ่มสามารถเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มมีความผูกพันเหนียวแน่นและมี 'บรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง' เขาอธิบายไว้ว่า "ยิ่งสมาชิกในกลุ่มผู้กำหนดนโยบายมีความเป็นมิตรและความภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของหมู่คณะมากเท่าใด การคิดเชิงวิพากษ์อย่างอิสระก็ยิ่งเสี่ยงที่จะถูกกลืนโดยการคิดแบบติดกลุ่มมากเท่านั้น"

นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่แนวคิดแบบติดกลุ่มสามารถสร้างความยากลำบากให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานเป็นทีมและการทำงานร่วมกัน แต่ทีมควรมีความแน่นแฟ้นไม่ใช่หรือ ควรบรรลุข้อตกลงรวมกันไม่ใช่หรือ แล้วทีมที่อบอุ่นและมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสมาชิกในทีมผิดอะไร เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่า ความสามัคคีในทีมที่คุณพยายามสร้างขึ้นด้วยความยากลำบากอาจส่งผลเสียต่อการทำงานร่วมกันให้ประสบความสำเร็จ แต่การหลีกเลี่ยงการคิดแบบติดกลุ่มก็เป็นพื้นฐานที่สำคัญมากพอๆ กับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในทีม

ปัญหาของการคิดแบบติดกลุ่มไม่ได้เกี่ยวข้องกับความผูกพันในทีม ปัญหานี้จะเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มให้ความสำคัญกับการรักษาความแน่นแฟ้นและมุ่งบรรลุมติเอกฉันท์โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น เช่น การสื่อสารทางธุรกิจที่เปิดเผยและตรงไปตรงมา และการทำงานร่วมกันที่ส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และนำไปสู่การตัดสินใจที่ดี ขั้นตอนแรกในการหลีกเลี่ยงการคิดแบบติดกลุ่มคือ การสังเกตว่าการคิดแบบนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นแล้วหรือไม่ แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าทีมของคุณกำลังมีปัญหา การคิดแบบติดกลุ่มมีลักษณะบางอย่างที่คุณควรสังเกต

คุณจะสังเกตการคิดแบบติดกลุ่มในที่ทำงานได้อย่างไร

คุณจะสังเกตการคิดแบบติดกลุ่มในที่ทำงานได้อย่างไร

ลองนึกถึงการประชุมทีมครั้งล่าสุดของคุณ มีใครถามคำถามหรือไม่ มีการวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดของสมาชิกในทีมหรือไม่ ทุกคนเห็นด้วยอย่างรวดเร็วหรือไม่ คุณได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือไม่ หรือคุณพูดถึงสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้วเป็นหลัก คำตอบของคำถามเหล่านี้อาจเป็นตัวจุดประกายให้คุณเริ่มเห็นภาพว่าทีมของคุณมีความเสี่ยงที่จะคิดแบบติดกลุ่มหรือไม่

ในการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง คุณจะต้องตั้งคำถาม แสดงข้อคิดเห็นขัดแย้งแนวคิด และก้าวข้ามความแตกต่างให้ได้ แม้จะสร้างความอึดอัดให้กับสมาชิกในทีมก็ตาม กระบวนการทั้งหมดนี้ต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้นคุณจึงอาจยังไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว คุณอาจต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญภายนอกทีม หรือทำการหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจได้ว่า คุณกำลังตัดสินใจโดยมีข้อมูลที่ถูกต้อง แต่เมื่อใดก็ตามที่เกิดการคิดแบบติดกลุ่ม กระบวนการเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น

ในตอนแรก คุณจะยังไม่รู้ว่าทีมของคุณมีความคิดเห็นอย่างไร ลักษณะอย่างหนึ่งของการคิดแบบติดกลุ่มคือ สมาชิกในทีมจะไม่พูดเรื่องบางอย่างหรือไม่พูดอะไรเลย และจะลงมือทำเองโดยที่ไม่รอฟังคำวิจารณ์ พฤติกรรมนี้อาจเกิดจากสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมเรียกว่า 'ความกดดันด้านชื่อเสียง' เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานปฏิเสธ หรือถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษในทางใดทางหนึ่ง

หากมีใครบางคนเสนอความคิดเห็นหรือหลักฐานที่ขัดแย้ง สมาชิกในกลุ่มจะกดดันให้บุคคลนั้นเปลี่ยนความคิดและยอมรับไปในทิศทางเดียวกัน

สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่ Janis เรียกว่า 'ภาพลวงของการเห็นพ้องต้องกัน' หรือเรียกได้ว่า ทุกคนดูเหมือนจะเห็นด้วยแต่ไม่ได้เห็นด้วยจริง ผู้คนไม่อยากขัดขวางระบบการทำงานหรือทำให้สมาชิกในทีมรู้สึกไม่พอใจ

ความเห็นพ้องต้องกันของปลอมนี้อาจได้รับการส่งเสริมจาก 'ผู้ปิดหูปิดตา' (mindguard) ซึ่งเป็นสมาชิกในทีมที่มองว่าตนมีหน้าที่ปกป้องหัวหน้าทีมจากข้อมูลหรือความเห็นใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาหรือขัดแย้งต่อความเห็นของคนส่วนใหญ่

ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นเพียงปัญหาเดียว การคิดแบบติดกลุ่มทำให้ทีมคิดว่าตนมีความพิเศษ ซึ่งปฏิบัติถูกต้องตามหลักที่ควรจะเป็นและสามารถรับความเสี่ยงที่สำคัญได้ สิ่งที่เรียกว่า 'การหลงคิดว่าจะไม่ผิดพลาด' นี้ส่งเสริมให้ผู้คนปฏิเสธความคิดเห็นจากภายนอก และเกิดการเหมารวมเชิงลบต่อผู้คนและแนวคิดจากภายนอกกลุ่มที่อาจส่งผลเสียต่อความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ นอกจากนี้ พวกเขายังมีวิธีในการหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองเพื่อให้สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งที่อาจทำให้ตนต้องพิจารณาความเห็นหรือสมมติฐานใหม่ หรือต้องดำเนินการด้วยวิธีอื่น

กล่าวโดยสรุปแล้ว เมื่อการคิดแบบติดกลุ่มเกิดขึ้น กลุ่มที่ดูเหมือนมีความปรองดองกันก็อาจกลายเป็นเครื่องจักรที่เอาแต่พยักหน้า โดยขาดการพิจารณาที่ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ

ปัจจัยใดทำให้เกิดการคิดแบบติดกลุ่ม

ปัจจัยใดทำให้เกิดการคิดแบบติดกลุ่ม

ทีมที่แน่นแฟ้นกลมเกลียวไม่ตกเป็นเหยื่อของการคิดแบบติดกลุ่มไปเสียทุกทีม การคิดแบบติดกลุ่มจะเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ท่ามกลางสถานการณ์บางอย่าง

ความเครียด

การคิดแบบติดกลุ่มสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อผู้คนอยู่ภายใต้แรงกดดันหรือต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การให้ได้มาซึ่งเอกฉันท์จึงเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ตาม หรือบางครั้ง กลุ่มอาจกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่ทำให้ผู้คนต้องยอมรับการตัดสินใจที่ปกติตนมักจะไม่เห็นด้วย ในสถานการณ์เหล่านี้ กลุ่มจะต้องการลดความเครียดในการตัดสินใจ และจะพยายามหาข้อตกลงอย่างรวดเร็วโดยมีข้อโต้แย้งน้อยที่สุดเพื่อให้ได้มาเพื่อสิ่งนั้น

ความเป็นผู้นำ

รูปแบบความเป็นผู้นำแบบตัวคนเดียวมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการคิดแบบติดกลุ่มมากขึ้น Janis ได้อธิบายถึงลักษณะที่เขาเรียกว่า ผู้นำแบบบงการ ว่าเป็นผู้นำที่ยึดติดกับความคิดเห็นของตนและกีดกันความคิดเห็นของผู้อื่น รูปแบบความเป็นผู้นำที่ปิดกั้นซึ่งผู้นำแถลงความเห็นของตนมาตั้งแต่แรก และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตนไม่ต้องการพิจารณามุมมองหรือแนวทางปฏิบัติอื่น คือปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการคิดแบบติดกลุ่ม

การตัดขาด

การคิดแบบติดกลุ่มสามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากทีมถูกตัดขาดจากข้อมูลจากภายนอกที่อาจมีอิทธิพลหรือสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้

ความเป็นหนึ่งเดียว

กลุ่มที่เหมือนชมรม ซึ่งสมาชิกรู้จักกันเป็นอย่างดี หรือเป็นกลุ่มที่ทุกคนมาจากพื้นเพและมีแนวคิดที่คล้ายคลึงกัน สามารถทำให้เกิดการคิดแบบติดกลุ่มได้ ทีมที่ขาดความหลากหลายอาจคาดเดาเรื่องราวต่างๆ ไปเอง และขาดมุมมองที่แตกต่างเพื่อช่วยฉุดความคิดที่เอนเอียง บทบาทที่คาบเกี่ยวกันอาจทำให้ผู้คนรู้สึกไม่มั่นใจในการมีส่วนร่วมที่ตนมีต่อทีม นอกเหนือจากข้อตกลงเพียงอย่างเดียว

ความแน่นแฟ้นที่มากเกินไป

ความผูกพันแน่นแฟ้นเป็นสิ่งที่ควรมี แต่ก็ต้องคำนึงถึงความพอดีด้วยเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่สมาชิกในกลุ่มมีความเป็นกันเองมากเกินไป อาจทำให้ผู้คนแสดงความเห็นต่างได้ยาก เพราะกลัวว่าจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกขุ่นเคืองและทำลายความสามัคคีของกลุ่ม

คุณจะขจัดการคิดแบบติดกลุ่มได้อย่างไร

คุณจะขจัดการคิดแบบติดกลุ่มได้อย่างไร

หนึ่งในแนวทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับการคิดแบบติดกลุ่มคือการดับไฟตั้งแต่ต้นลม ดังนั้น องค์กรจึงควรพิจารณาประเด็นนี้เมื่อก่อตั้งทีม หากความเป็นหนึ่งเดียวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมการคิดแบบติดกลุ่ม ความหลากหลายในทีมก็สามารถลดระดับแนวคิดนี้ได้เช่นกัน ผู้คนที่มาจากพื้นเพที่แตกต่างกันจะนำเสนอมุมมองที่ต่างกัน พวกเขาจึงมีโอกาสน้อยที่จะคล้อยตามข้อตกลงที่ทำให้สบายใจ ผสมผสานผู้คนที่มีบุคลิกลักษณะแตกต่างกันที่สามารถแสดงความเห็นให้กันและกันได้

บทบาทและหน้าที่

การกำหนดบทบาทที่ชัดเจนแก่สมาชิกแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนควรตระหนักว่า สมาชิกมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านบทบาทเพื่อสนับสนุนกันและกัน เพื่อให้กลุ่มรู้ว่าตนไม่ต้องดูแลในเรื่องที่เคยหารือกันไปแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างรู้สึกสบายใจ

นอกจากนี้ อย่าลืมคำนึงถึงขนาดของกลุ่มด้วย นักจิตวิทยาพบว่ากลุ่มที่มีขนาดใหญ่นั้นสัมพันธ์กับการคิดแบบติดกลุ่ม ดังนั้น แม้กลุ่มจะไม่ได้มีขนาดตามที่ต้องการ คุณก็ไม่ควรเพิ่มสมาชิกโดยไม่จำเป็น

ความเป็นผู้นำที่เปิดกว้าง

ความเป็นผู้นำเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลุ่มการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง การคิดแบบติดกลุ่มจะเกิดขึ้นได้ยากหากผู้นำที่เปิดกว้างมีการเรียกร้อง เปิดรับ และให้คุณค่าแก่มุมมองที่แตกต่าง สำหรับผู้นำแล้ว นั่นหมายถึงการพิสูจน์ด้วยการกระทำโดยไม่กีดกันผู้ที่พูดในสิ่งที่คุณไม่อยากได้ยิน

Cass R. Sustain และ Reid Hastie ได้กล่าวถึง 'อิทธิพลแบบขั้นน้ำตก' (cascade effects) ไว้ใน Harvard Business Review ว่าเป็นสถานการณ์ที่สมาชิกในกลุ่มเห็นพ้องกับคำพูดของบุคคลที่กล่าวเป็นคนแรก ดังนั้น เคล็ดลับอย่างหนึ่งสำหรับผู้นำที่ต้องการขจัดการคิดแบบติดกลุ่มคือ การหลีกเลี่ยงการพูดเป็นคนแรกในที่ประชุม วิธีนี้จะช่วยให้ผู้คนไม่รู้สึกว่าตนถูกกดดันให้เห็นด้วยกับความคิดเห็นของผู้นำ นอกจากนี้ ผู้นำก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมในทุกกลุ่มเสมอไป ทำให้กลุ่มรู้สึกเป็นอิสระที่จะพูดคุยกันอย่างเปิดกว้างยิ่งขึ้น

ความขัดแย้งที่ควบคุมได้

ทีมมักจะมองว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องไม่ดี แต่ตราบใดที่ความขัดแย้งยังอยู่ภายใต้การควบคุม การปล่อยให้ความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์เกิดขึ้นก็อาจเป็นประโยชน์ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการคิดแบบติดกลุ่ม คุณต้องพยายามอดทนไม่เข้าไปขวางความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ให้ดูแลสถานการณ์ให้อยู่ภายใต้ความสงบ และรับฟังความคิดเห็นของผู้พูดหลักแทน

บางครั้งสมาชิกในทีมอาจเขินอายที่จะพูดในสิ่งที่ตนรู้สึก นี่จึงเป็นเวลาที่คุณต้องส่งเสริมให้เกิดการอภิปราย เพื่อให้กลุ่มสามารถเริ่มมองปัญหาจากมุมมองที่หลากหลายได้ โดยคุณอาจต้องแนะนำให้ใครคนหนึ่งลองเสนอประเด็นโต้แย้ง ซักถามเพื่อหาเหตุผล และนำเสนอมุมมองและแนวคิดใหม่ออกมา

Janis ยังมีแนวคิดในการแบ่งทีมออกเป็นกลุ่มย่อยและทำงานในหัวข้อเดียวกันไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ได้มาซึ่งมุมมองที่แตกต่างกัน และเพื่อเป็นการตรวจสอบการคิดแบบติดกลุ่มเพิ่มเติม หลังจากที่คุณทำการตัดสินใจเบื้องต้นไปแล้ว ให้จัดการประชุม 'รอบสอง' ขึ้นเพื่อให้ผู้คนได้ตั้งคำถามหรือข้อสงสัยก่อนการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

มุมมองจากภายนอก

สุดท้ายนี้ กลุ่มต้องไม่ลืมว่า การทำงานไม่ได้เริ่มต้นและจบลงเพียงแค่ภายในกลุ่ม กลุ่มไม่สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจที่ถูกต้องได้อย่างสมบูรณ์เสมอไป ลองมองจากมุมมองภายนอก โดยการเชิญให้คนจากทีมอื่นและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นเข้ามาในกลุ่มเพื่อนำเสนอมุมมองและปรึกษาหารือกัน พยายามเป็นกลุ่มที่เปิดรับอิทธิพลจากภายนอกและแนวคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ แล้วคุณจะมีทีมที่สมาชิกทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มจริงๆ ไม่ใช่แค่คิดร่วมกันเป็นกลุ่ม

หัวข้อที่คุณอาจสนใจ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

การทำงานร่วมกันของทีม: วิธีเป็นสุดยอดเพื่อนร่วมงานประจำทีม

เรียนรู้เพิ่มเติม
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

การทำงานร่วมกันของทีม: วิธีเป็นสุดยอดเพื่อนร่วมงานประจำทีม

เรียนรู้เพิ่มเติม

โพสต์ล่าสุด

การทำงานเป็นทีม | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

วิธีสร้างความร่วมมือในทีม

แนวทางการทำงานร่วมกันสามารถช่วยให้พนักงานของคุณทำงานอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น สร้างสรรค์กว่าเดิม และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ นี่คือวิธีทำให้ความร่วมมือในทีมประสบความสำเร็จ

การทำงานร่วมกัน | ใช้เวลาอ่าน 3 นาที

การทำงานร่วมกันแบบหลายฝ่าย

ค้นพบเคล็ดลับที่จำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานร่วมกันแบบหลายฝ่าย รวมถึงประโยชน์ของมุมมองที่หลากหลายและวิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานเป็นทีมในที่ทำงานของคุณ

ความร่วมมือในทีม | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

วิธีทำให้การทำงานร่วมกันแบบข้ามทีมมีประสิทธิภาพ

เรียนรู้วิธีกระตุ้นการทำงานร่วมกันแบบข้ามทีม รวมถึงทำความเข้าใจหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดและข้อผิดพลาดเพื่อยกระดับการทำงานร่วมกันในทีมของคุณให้ดีขึ้น