คำว่าความสนุกและสถานที่ทำงานไม่ใช่คำที่มักจะเข้ากัน แต่ทำไมจะไม่ได้กันล่ะ เพราะยังไงคนเราก็ใช้เวลาไปกับการทำงานกันมากพออยู่แล้ว หรือถ้าพูดให้ชัดก็คือ 81,396 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย นั่นคือเวลานานกว่า 9 ปีเลยทีเดียว ลองนึกภาพว่าทำงานนานขนาดนั้นโดยไม่หัวเราะเลยสักครั้งดูสิ การปลดปล่อยตัวเองและเฮฮากับเพื่อนร่วมงานเป็นบางครั้งไม่ใช่เรื่องเสียหายอยู่แล้วจริงไหม บางคนอาจบอกว่าการทำตัวให้สนุกกับงานเป็นเรื่องสำคัญด้วยซ้ำไป

ดังที่ Dale Carnegie นักเขียนและกูรูด้านการช่วยเหลือตนเองสัญชาติสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้ว่า "ผู้คนมักจะไม่ประสบความสำเร็จเว้นแต่จะสนุกกับสิ่งที่ตัวเองทำ"

เจ้านายบางคนมองว่าความสนุกสนานในที่ทำงานนั้นดูไม่เป็นมืออาชีพ เป็นสิ่งรบกวนที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งส่งผลต่อสมาธิและดึงเวลาอันมีค่าไปจากงานสำคัญ แต่มุมมองนั้นอาจแคบไป

การคาดหวังให้ทุกคนกระตือรือร้นตลอดเวลานั้นไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย และสภาพแวดล้อมที่มีคนคุมทุกรายละเอียดก็มักไม่ช่วยให้ใครแสดงศักยภาพได้สูงสุด

โชคดีที่การเพิ่มความสนุกในวันทำงานสามารถนำไปสู่สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น ลดการลาออกของพนักงาน และช่วยให้พนักงานประสบความสำเร็จได้ ประโยชน์บางประการมีดังนี้

• พนักงานมีความสุขขึ้นและสุขภาพดีขึ้น

  ไม่ว่าจะอยู่ในออฟฟิศหรือทำงานทางไกล พนักงานที่สนุกกับงานมีแนวโน้มสูงกว่ามากที่จะไม่ได้รับผลเชิงลบจากความเครียดและความวิตกกังวล การผ่อนคลายเล็กน้อยช่วยเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนได้อย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและส่งเสริมการคิดบวกได้

  สภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าเบื่อ ซ้ำซาก และขาดความสนุกสนานอาจก่อให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย การไม่มีส่วนร่วมกับงาน และแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้าได้

• ผลิตภาพสูงขึ้น

  หากพนักงานของคุณเศร้าหมองและหมดกำลังใจ ก็แน่นอนว่าพนักงานจะรู้สึกมีแรงจูงใจน้อยลงในการทำงานและจะไม่พยายามอย่างเต็มที่ ในทางกลับกัน พนักงานที่มีความสุขกว่าจะมีผลิตภาพ แรงผลักดัน และความยืดหยุ่นมากกว่า

  หมายความว่าสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายในออฟฟิศจะส่งผลดีต่อผลกำไรของคุณ จากการวิจัยโดย Gallup บริษัทที่พนักงานมีส่วนร่วมสูงจะทำกำไรได้มากกว่าถีง 23%

• การสื่อสารและการทำงานร่วมกันดียิ่งขึ้น

  การทำงานร่วมกันเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลิตภาพ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และประสิทธิภาพการทำงาน หากพนักงานของคุณรู้สึกสนุก พนักงานก็จะมีความสุขกับการพูดคุยและร่วมงานกันอย่างใกล้ชิดสนิทสนมยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในทุกด้าน

  นอกจากนี้ ความสนุกยังสามารถทลายกำแพงการสื่อสารระหว่างทีมต่างๆ ที่ทำงานในองค์กรเดียวกันแต่อยู่คนละแผนกได้

• รักษาพนักงานไว้ได้

  คนที่สนุกกับงานมีแนวโน้มมากกว่าที่จะอยากอยู่กับองค์กรต่อไป สถานที่ทำงานอันน่าเบื่ออาจทำให้จำนวนการลาออกสูง เพราะพนักงานที่รู้สึกไม่มีส่วนร่วมจะไปมองหาโอกาสจากที่อื่น

  ธุรกิจต่างๆ อาจต้องเสียเงินจำนวนมากหากมีอัตราการรักษาพนักงานต่ำ เนื่องจากการหาพนักงานมาทดแทนนั้นต้องใช้เงินเดือนประมาณ 6 ถึง 9 เดือนเลยทีเดียว นอกจากนี้ อัตราการลาออกที่สูงยังอาจนำไปสู่การสูญเสียทักษะสำคัญและความรู้ในองค์กร ทำให้บริษัทเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันได้ยากขึ้น

• ความขัดแย้งน้อยลง

  โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนที่ทำงานร่วมกันจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาก บางทีอาจมากกว่าเวลาที่ใช้กับครอบครัวของตนเองด้วยซ้ำ ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ภาวะเช่นนี้อาจทำให้เกิดความกดดันและความบาดหมางได้ ซึ่งส่งผลเสียต่อการบริหารองค์กรให้ราบรื่นได้อย่างมาก

  การทำจิตใจให้แจ่มใสช่วยป้องกันความขัดแย้งและความไม่ลงรอยร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ เมื่อสมาชิกทีมรู้ว่าตนสามารถผ่อนคลายและสนุกกับการทำงาน ก็จะเกิดความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความไว้วางใจ

• การขาดงานลดลง

  ในสหราชอาณาจักร จำนวนวันทำงานที่หายไปเนื่องจากความเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บแตะสูงถึง 185.6 ล้านวันในปี 2022 เมื่อบริษัทต่างๆ ให้ความสำคัญกับความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ผลที่จะตามมาก็คือสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับงานที่ลดลง และระดับการขาดงานของพนักงานที่ต่ำลง

• ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมมากขึ้น

  ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเป็นส่วนสำคัญของพัฒนาการที่มีคุณภาพมาตั้งแต่คนเราอายุยังน้อย การทำตัวเหมือนเด็กให้มากขึ้นดีต่อการคิดนอกกรอบ เพราะทีมที่เปี่ยมด้วยฮอร์โมนความสุขมักจะมีความคิดสร้างสรรค์และเปิดกว้างมากกว่า

  หากขาดสิ่งกระตุ้นในที่ทำงาน นวัตกรรมก็จะไม่เกิดขึ้น และไม่มีใครมีความคิดสร้างสรรค์เต็มที่ได้เมื่อตนเหนื่อยและเครียดมากเกินไป

• ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น

  พนักงานทำงานร่วมกับคนที่ตนสนิทกันได้ง่ายและมีความสุขกว่ากับคนที่ตนมองว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน หรือที่แย่กว่านั้นคือคนที่เข้ากันไม่ได้ การทำตัวสนุกรื่นเริงไปด้วยกันช่วยให้ทีมของคุณเรียนรู้เกี่ยวกับกันและกันมากขึ้นได้เป็นอย่างดี และช่วยให้เข้าใจแรงผลักดันของสมาชิกแต่ละคนได้

  'วัฒนธรรมเพื่อนพ้อง‘ เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจในงานและความสนิทสนมกลมเกลียวในระดับสูง การวิจัยของ Gallup แสดงให้เห็นว่าพนักงานหญิงที่มีเพื่อนสนิทในที่ทำงานมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมมากกว่าพนักงานที่ไม่มีเพื่อนสนิทถึงสองเท่า

ประโยชน์ของความรู้สึกสนุกกับงานได้รับการรับรองแล้วโดยผลสำรวจ 'Great Place to Work' ของสหราชอาณาจักร

ซึ่งการสำรวจดังกล่าวเผยว่า ความสนุกเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งที่มีผลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน พนักงานที่สนุกกับการทำงานมีแนวโน้มที่จะมีระดับสุขภาวะดีขึ้น 190% ถึง 220% และที่น่าสนใจคือ แนวโน้มนี้เกิดกับคนทุกช่วงอายุ

• คน Gen Z (เกิดระหว่างปี 1997-2012) มีแนวโน้มที่จะมีระดับสุขภาวะดีขึ้นถึง 2.9 เท่า หากระบุว่าตนทำงานในสภาพแวดล้อมที่สนุกสนาน

• คนยุคมิลเลนเนียล (เกิดระหว่างปี 1981-1996) มีแนวโน้มที่จะมีระดับสุขภาวะดีขึ้นถึง 3.1 เท่า

• คน Gen X (เกิดระหว่างปี 1965-1980) มีแนวโน้มที่จะมีระดับสุขภาวะดีขึ้นถึง 3.2 เท่า

• คนยุคเบบี้บูมเมอร์ (เกิดระหว่างปี 1946-1964) มีแนวโน้มที่จะมีระดับสุขภาวะดีขึ้นถึง 3.2 เท่า

บทความจาก Harvard Business Review ก็ค้นพบประเด็นที่น่าสนใจเช่นกัน ข้อมูลเหล่านี้อิงจากงานวิจัยเกี่ยวกับบริษัทที่สมัครเข้าร่วมรายชื่อ "100 สถานที่ทำงานที่ดีที่สุด (100 Best Places to Work For)" ซึ่งดำเนินโดย Bob Nelson ผู้เชี่ยวชาญด้านการชื่นชมพนักงาน

งานวิจัยนี้พบว่า 81% ของพนักงานในองค์กรที่ได้รับการจัดอันดับว่า 'ยอดเยี่ยม' อธิบายว่าสภาพแวดล้อมการทำงานของตนมีความสนุก สำหรับบริษัทที่สมัครเข้าร่วมแต่ไม่ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ มีพนักงานเพียง 62% เท่านั้นที่อธิบายว่าสภาพแวดล้อมการทำงานของตนมีความสนุก ส่วนต่าง 19% นั้นบอกชัดถึงความสำคัญของความรื่นเริงและอารมณ์ขันในชีวิตประจำวัน

สถานที่ทำงาน 100 อันดับแรกมีประสิทธิภาพสูงกว่าบริษัททั่วไปในแง่ของตัวชี้วัดด้านผลการดําเนินธุรกิจที่สำคัญหลายประการ เช่น ผลิตภาพ การรักษาพนักงาน และการสรรหาบุคลากร

ก่อนอื่น คุณต้องเข้าใจว่าพนักงานแต่ละคนมีแนวคิดเกี่ยวกับความสนุกในการทำงานต่างกันอย่างมาก สมาชิกทีมของคุณล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีบุคลิกและความสนใจต่างกันไป คุณจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้เมื่อวางแผนจัดกิจกรรมทีม

ที่สำคัญกว่านั้น ความสนุกคือสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ คุณจึงไม่ควรสร้างความกดดันให้ใครเข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างไอเดียในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่สนุก

เกมและการแข่งขันเป็นวิธีที่ดีในการช่วยลดความกดดันและผ่อนคลายจิตใจจากความเครียดในแต่ละวัน เช่น การเล่นบิงโกในออฟฟิศ เกมล่าสมบัติ และการแข่งขันทำขนม

หากคุณมีทีมที่ทำงานทางไกล คุณก็อาจจัดเกมแบบออนไลน์ เช่น ควิซ ลีกกีฬาแฟนตาซี และเกมหาทางออกจากห้องแบบออนไลน์ได้

หากทีมของคุณมีโปรเจ็กต์ใหญ่ที่ต้องทำ ลองแบ่งโปรเจ็กต์ออกเป็นงานย่อยๆ โดยมีรางวัลเมื่อทำแต่ละงานสำเร็จ แม้รางวัลจะเป็นแค่ขนมหรือการเลิกงานก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ก็ช่วยให้ผู้คนรู้สึกได้รับการชื่นชมและอารมณ์เบิกบานขึ้นได้แล้ว

การเข้าสังคมเป็นทีมคือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์นอกเวลางาน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโบว์ลิ่งหรือทานอาหารกลางวันกับทีม การเพลิดเพลินกับสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายมากขึ้นก็ช่วยส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือที่ดียิ่งขึ้นในออฟฟิศได้

วิธีนี้ยังเป็นโอกาสให้พนักงานได้เห็นอีกด้านหนึ่งของผู้จัดการด้วย ซึ่งทำให้ผู้จัดการดูเป็นกันเองและเข้าถึงได้มากขึ้น

กิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ในทีมตั้งแต่การทำความรู้จักในห้องประชุมไปจนถึงวันทำกิจกรรมนอกบริษัท ก็ช่วยเสริมสร้างความใกล้ชิดสนิทสนมได้

โลกอินเทอร์เน็ตยังมีกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ในทีมแบบออนไลน์สนุกๆ ที่จะช่วยให้พนักงานทางไกลไม่รู้สึกถูกทอดทิ้งอีกด้วย กิจกรรมเหล่านี้อาจเป็นได้ทั้งการไขคดีอาชญากรรมแบบออนไลน์ไปจนถึงการแก้ไขสถานการณ์ปัญหาเกี่ยวกับงาน ข้อดีของเกมออนไลน์คือใช้เวลาเล่นเพียง 15 นาที จึงไม่กินเวลาในแต่ละวันของคุณมากนัก

เนื่องจากมีพนักงานเพียง 3 ใน 10 คนเท่านั้นที่มีเพื่อนสนิทในที่ทำงาน การสร้างมิตรภาพระหว่างสมาชิกทีมให้เติบโตจึงมีประโยชน์อย่างมาก

เพิ่มโอกาสในการติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นแบบเห็นหน้าหรือออนไลน์ เช่น คุณอาจใช้ VR เพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนได้อยู่ร่วมห้องเดียวกันจริงๆ แม้ว่าผู้คนจะอยู่ห่างไกลกันก็ตาม และลองสร้างระบบบัดดี้โดยเฉพาะสำหรับพนักงานใหม่ ความสัมพันธ์ในช่วงแรกเหล่านี้อาจนำไปสู่มิตรภาพทั้งชีวิตเลยก็ได้

อย่าลืมแสดงความชื่นชมต่อการมีส่วนร่วมของพนักงานในทุกๆ วัน ตลอดจนความสำเร็จครั้งสำคัญของพนักงานอยู่เสมอ เช่น เมื่อพนักงานแก้ไขปัญหาบางอย่างหรือเอาชนะความท้าทายส่วนตัวได้ เป็นต้น ให้กล่าวชมเชยโดยประกาศในแชทบริษัท หรือส่งข้อความขอบคุณเป็นการส่วนตัว

อีกหนึ่งไอเดียคือการขอให้ผู้คนตอบคำถามสักข้อสองข้อเกี่ยวกับงานอดิเรก อาหารและเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ ฯลฯ จากนั้น ใช้ข้อมูลนี้ทำเซอร์ไพรส์ด้วยรางวัลที่มีความหมายต่อบุคคลนั้นเมื่อยกย่องในความทุ่มเทหรือฉลองวันครบรอบการทำงาน

คนส่วนใหญ่มีความสนใจนอกเหนือจากงาน เมื่อคิดถึงวิธีสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่สนุกสนาน คุณอาจลองให้เวลาพนักงานในแต่ละเดือนเพื่อไปทำงานอดิเรกดูก็ได้

ค็อกเทลฟรีและพื้นที่พักผ่อนในออฟฟิศซึ่งเต็มไปด้วยเกมและของเล่นอาจเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว แต่พนักงานก็ควรได้ปล่อยตัวตามสบายบ้างเป็นครั้งคราว คุณแค่ต้องใส่ใจรับฟังในสิ่งที่พนักงานต้องการจริงๆ

อ่านต่อ

• พนักงานอาวุโส: เหตุใดการทำให้พนักงานกลุ่มนี้มีความสุขจึงเป็นสิ่งสำคัญ
• 7 วิธีในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี
• เหตุใดผู้นำจึงไม่สามารถปล่อยให้วัฒนธรรมเป็นหน้าที่ของฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้