ความเป็นผู้นำและความฉลาดทางอารมณ์: ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงสำคัญ

แต่ก่อน การเป็นผู้นำหมายถึงการเป็นผู้มีอำนาจ ความคิดเห็นของผู้นำนั้นถือเป็นสิทธิ์ขาด มีข้อโต้เถียงที่ยากจะลบล้างได้ และเป็นแผนที่ตายตัว โดยคำสั่งจะส่งมาจากหัวหน้าลงมาสู่พนักงาน ทว่าในปัจจุบัน ทักษะความเป็นมนุษย์ เช่น ความฉลาดทางอารมณ์ ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญมาก

ความเป็นผู้นำ | ใช้เวลาอ่าน 7 นาที
Leadership and emotional intelligence
ความฉลาดทางอารมณ์คืออะไร

ความฉลาดทางอารมณ์คืออะไร

ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence หรือ EI) อาจเป็นสิ่งที่อธิบายว่าบุคคลหนึ่งๆ สามารถรู้เท่าทัน ประเมิน ควบคุม และแสดงอารมณ์ของตนเองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด รวมถึงยังเป็นวิธีที่ใช้ดูว่าคนเหล่านั้นสามารถใช้อารมณ์เพื่อทำความเข้าใจ แสดงความเห็นอกเห็นใจ รวมถึงเชื่อมต่อกับพนักงานและทีมอย่างไร แม้ว่าความฉลาดทางอารมณ์จะเป็นทักษะของการเป็นผู้นำที่เน้นในแง่ของ 'ลักษณะอุปนิสัย' แต่ความฉลาดทางอารมณ์ก็เป็นหนึ่งในกุญแจสู่ความสำเร็จในที่ทำงาน อันจะเห็นได้จากที่หน่วยงานประเมินความฉลาดทางอารมณ์อย่าง TalentSmart ได้ทำการทดสอบความฉลาดทางอารมณ์เทียบกับทักษะในที่ทำงานที่สำคัญอื่นๆ อีกกว่า 30 ทักษะ และพบว่าปัจจุบัน ทักษะความฉลาดทางอารมณ์เป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุด โดยคิดเป็น 58% ของความสำเร็จในหลากหลายตำแหน่งงานเลยทีเดียว

นอกจากนั้นแล้ว ในบางครั้งก็มีการวัดความฉลาดทางอารมณ์ในการทดสอบด้วย โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับผลคะแนนออกมาเป็น EQ ในขณะที่ IQ บ่งบอกถึงความสามารถในเชิงความคิดและชุดทักษะของบุคคล การวัด EQ ก็มีความแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการระบุผู้นำที่ดี จำแนกผู้ที่จะเป็นผู้ตาม และค้นหาคนที่ทำงานออกมาได้ดีที่สุดเมื่อทำงานด้วยตัวคนเดียว

องค์ประกอบสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์สำหรับผู้นำ

องค์ประกอบสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์สำหรับผู้นำ

แล้วความฉลาดทางอารมณ์มีองค์ประกอบอะไรบ้างล่ะ Daniel Goleman นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้ระบุองค์ประกอบสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์สำหรับผู้นำไว้ใน The Harvard Business Review ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานสำหรับงานวิจัยในภายหลังไว้ดังนี้

1. การรู้จักตนเอง

การเสริมสร้างการรู้จักตนเองให้ชัดเจนไม่เพียงแต่ทำให้ผู้นำสามารถมองเห็นภาพรวมของจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองได้เด่นชัดขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้นำเข้าใจว่าพฤติกรรมและการกระทำของตนนั้นส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไรอีกด้วย

2. การควบคุมตนเอง

การควบคุมตนเองเป็นสิ่งที่ตามมาหลังจากการรู้จักตนเอง โดยองค์ประกอบนี้จะช่วยให้ผู้นำสามารถสร้างวิธีระบุสิ่งที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีหรือการตอบสนองที่ไม่เกิดประโยชน์ รวมถึงยังช่วยให้คุณสามารถถอยหลังออกมามองสถานการณ์และตัดสินใจอย่างรอบคอบมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่ดำเนินการอย่างหุนหันพลันแล่นและแสดงพฤติกรรมที่อาจทำลายความไว้วางใจ เช่น การขึ้นเสียงหรือการย้ำว่าตัวเองมีอำนาจโดยวิธีที่ไม่เกิดประโยชน์ในทางใดทางหนึ่ง ทั้งยังช่วยให้ผู้นำเลี่ยงการพบเจอกับผลด้านลบจากการกระทำที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองหรือความหงุดหงิดใจอีกด้วย

3. แรงจูงใจ

แรงจูงใจเป็นสิ่งสำคัญในการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ดังที่ TeamStage กล่าวไว้ว่า พนักงานที่มีแรงจูงใจจะทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 20% รวมถึงพนักงานเหล่านี้ยังมองหาวิธีปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและช่วยให้ผู้อื่นก้าวหน้าอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว การมีส่วนร่วมและแรงจูงใจยังช่วยลดการขาดงานลงถึง 41%

ผู้นำที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องพัฒนาและรักษาแรงจูงใจของตัวเองไว้ เพื่อที่จะสามารถนำพาพนักงานให้ก้าวหน้าไปพร้อมกันได้ การมองโลกในแง่ดีนั้นมีความเกี่ยวโยงกับแรงจูงและสามารถส่งต่อถึงผู้อื่นได้ ทีมที่มีแรงจูงใจคือทีมที่ดำเนินการอย่างกระตือรือร้น ซึ่งผลที่ได้ก็คือการส่งเสริมสุขภาวะที่ดีและการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลิตภาพนั่นเอง

4. ความเห็นอกเห็นใจ

ความเห็นอกเห็นใจไม่ได้เป็นเพียงทักษะทางสังคมที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นเสาหลักของการเป็นผู้นำที่มีความฉลาดทางอารมณ์ด้วย

ผู้นำที่แสดงความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นจะรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีความเข้าใจพฤติกรรมและปฏิกิริยาของพนักงาน และจะพัฒนากลยุทธ์การจัดการตามสิ่งที่ได้เรียนรู้มา ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้ผู้นำสามารถคาดการณ์ว่าจะเกิดความท้าทายหรือความขัดแย้งขึ้นที่ใด ประเมินว่าสมาชิกในทีมรู้สึกอย่างไร จัดการกับพฤติกรรมที่ไม่ดี และให้คำติชมอย่างสร้างสรรค์ได้

นอกจากนั้นแล้ว ความเห็นอกเห็นใจยังเป็นสิ่งที่ทีมชื่นชอบอีกด้วย โดยนักวิจัยในการศึกษาจาก Center for Creative Leadership พบว่าผู้จัดการที่แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อทีมของตนมากกว่าจะถูกมองว่าเป็นผู้ที่ทำงานได้ดีกว่า

5. ทักษะทางสังคม

วิถีการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้คือความไม่ชัดเจนของขอบเขตระหว่างที่ทำงานและที่บ้าน รวมถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของแต่ละคนนั้นก็ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน และเนื่องจากสมาชิกในทีมคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติในที่ทำงานในลักษณะเดียวกับที่บ้าน ผู้นำจึงจำเป็นต้องปรับตัวและพิจารณาพนักงานแต่ละคนเป็นรายๆ ไป ซึ่งหมายความว่าการสื่อสารต้องเป็นไปอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เพื่อแสดงความเข้าใจและความเคารพต่อประสบการณ์การทำงานของเพื่อนร่วมงานแต่ละคน

เรียนรู้วิธีเป็นผู้นำบริษัทที่เชื่อมต่อถึงกัน

ดาวน์โหลดอีบุ๊กของเราเพื่อเรียนรู้เหตุผลที่ซีอีโอรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเป้าหมาย ความไว้วางใจ ความถูกต้อง และความซื่อสัตย์เหนือสิ่งอื่นใด

ความสำคัญของการมีความฉลาดทางอารมณ์ในการเป็นผู้นำ

ความสำคัญของการมีความฉลาดทางอารมณ์ในการเป็นผู้นำ

เนื่องด้วยการให้ความสำคัญกับการเปิดกว้างและสุขภาวะทางจิตในที่ทำงานที่เพิ่มมากขึ้น ผู้นำจึงจำเป็นต้องแสดงออกถึงความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้นกว่าที่เคย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสิ่งสำคัญที่จะต้องสร้างวัฒนธรรมเชิงบวกและเปิดกว้างที่องค์กรต้องการเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งจะช่วยในการสรรหาและรักษาบุคลากรผู้มีความสามารถให้ทำงานต่อ และเพิ่มผลกำไรในท้ายที่สุด

งานวิจัยจาก Consortium for Research on Emotional Intelligence in Organizations พบว่าความฉลาดทางอารมณ์มีส่วนช่วยในเชิงบวกต่อการสรรหาบุคลากรที่ประสบความสำเร็จ เพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับผู้จัดการบัญชี และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในทุกระดับ รวมถึงยังช่วยเพิ่มยอดขายและลดระดับความเครียดอีกด้วย

การพัฒนาและการใช้ความฉลาดทางอารมณ์ทำให้ผู้นำสามารถทำสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ได้

เพิ่มการมีส่วนร่วม

คุณสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมได้โดยการพัฒนาวัฒนธรรมการทำงานที่มีผลิตภาพและเป็นไปในเชิงบวก ในทางกลับกัน พนักงานที่ไม่มีส่วนร่วมอาจกลายเป็นตัวการที่ทำให้ผลิตภาพลดลง เป็นบ่อนทำลายการทำงานร่วมกัน และนำไปสู่การลาออกของพนักงานในอัตราที่สูงได้ ดังที่ Gallup รายงานว่า การเลิกมีส่วนร่วมส่งผลให้ธุรกิจในสหรัฐฯ ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายประมาณ 450-550 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์

ความฉลาดทางอารมณ์ช่วยสร้างความไว้วางใจ เป็นสิ่งที่ช่วยดึงส่วนดีที่สุดในตัวบุคคลออกมา และช่วยให้ผู้นำดึงความสามารถและทักษะที่ทีมของตนมีได้อย่างสูงสุด

กระตุ้นให้เกิดการแชร์ไอเดีย

เมื่อผู้คนรู้สึกถึงความปลอดภัยทางจิตใจ พวกเขาเหล่านั้นก็จะมีแรงบันดาลใจในการสร้างผลงานและสิ่งใหม่ๆ ออกมา ซึ่งผู้นำที่มีความฉลาดทางอารมณ์สามารถส่งเสริมสิ่งนี้ได้โดยการให้คำติชมในทางที่ดี

แก้ไขข้อขัดแย้ง

ผู้นำที่มีความฉลาดทางอารมณ์จะเริ่มต้นจากการตระหนักรู้ถึงปัญหาต่างๆ เช่น ความเครียด ภาวะหมดไฟ1 หรือการมีความคิดแง่ลบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้นำเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ไม่ให้แย่ไปกว่าเดิมได้

รับมือกับการเปลี่ยนแปลง

เราอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความฉลาดทางอารมณ์สามารถช่วยสร้างความยืดหยุ่นและช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงและใช้ชีวิตอยู่กับความไม่แน่นอนได้

หลักการในเชิงจิตวิทยาของความฉลาดทางอารมณ์สามารถนำไปปรับใช้กับที่ทำงานได้มากพอๆ กับชีวิตนอกที่ทำงาน อารมณ์ในเชิงบวกจะก่อให้เกิดการคิดในแง่บวก สร้างแนวโน้มที่จะเกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และทำให้เกิดความกระตือรือร้นในการเชื่อมต่อกับคนอื่นๆ ในทางกลับกัน ความรู้สึกในเชิงลบจะนำไปสู่การคาดหวังว่าจะเกิดความล้มเหลวหรือสิ่งเลวร้ายที่มากขึ้น สร้างแนวโน้มของการไม่ไว้วางใจผู้อื่น ทำให้เกิดความคิดจำพวก 'ตัวใครตัวมัน' รวมถึงทำให้กลายเป็นคนมองโลกแคบ

ผู้นำจะสามารถเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ได้อย่างไร

ผู้นำจะสามารถเสริมสร้างความฉลาดทางอารมณ์ได้อย่างไร

บางคนมีความฉลาดทางอารมณ์ติดตัวมามากกว่าคนอื่นๆ แต่ก็เป็นทักษะที่สามารถพัฒนากันได้ ต่อไปนี้คือขั้นตอนบางส่วนที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ได้

  • รู้ว่าสิ่งใดสำคัญสำหรับคุณ สิ่งนี้หมายถึงการกลับมาประเมินคุณค่าและหลักการที่สำคัญสำหรับคุณเป็นการส่วนตัว รวมถึงสิ่งที่ขับเคลื่อนธุรกิจของคุณใหม่อีกครั้ง

  • เปิดใจยอมรับความผิดพลาดและเผชิญหน้ากับผลที่ตามมา หลีกเลี่ยงการโทษผู้อื่น และเตรียมพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อผลกระทบจากการกระทำของคุณ

  • ฝึกสงบสติอารมณ์และเป็นคนที่มีเหตุผล เมื่อคุณรู้สึกว่าความโกรธ ความผิดหวัง หรือความคับข้องใจเข้ามาครอบงำคุณ การถอยออกมาตั้งหลัก การใช้เวลาในการคิดไตร่ตรอง และเทคนิคการฝึกหายใจล้วนสามารถช่วยคุณได้

  • ระวังเรื่องการใช้น้ำเสียงและภาษากายของคุณเมื่อต้องรับมือกับผู้อื่น

  • เตรียมพร้อมที่จะได้รับความเคารพและรอเวลาให้ทีมของคุณรู้จักตัวคุณและให้ความไว้วางใจแก่คุณ

  • เสริมสร้างแรงจูงใจของคุณเอง ทบทวนสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้กับคุณและตั้งเป้าหมายใหม่อยู่เสมอ

  • ฝึกมองโลกในแง่ดี พยายามคิดบวกในทุกสถานการณ์และให้ผู้อื่นเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการนั้นด้วย

วิธีเป็นผู้นำที่มีความฉลาดทางอารมณ์

วิธีเป็นผู้นำที่มีความฉลาดทางอารมณ์

ความฉลาดทางอารมณ์ไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณพัฒนาขึ้นมา แต่คุณจำเป็นต้องนำไปใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย ต่อไปนี้คือแนวทางที่ใช้ได้จริงของการใช้ความฉลาดทางอารมณ์สำหรับผู้นำ

เชื่อมต่อกับผู้คนเป็นการส่วนตัว

ใช้เวลาในการเรียนรู้เกี่ยวกับสมาชิกในทีมเป็นรายบุคคล และพยายามทำความเข้าใจประสบการณ์ที่แต่ละคนต้องพบเจอ วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถระบุสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญและนำมาปรับใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์ของคุณ พร้อมเปิดโอกาสให้สมาชิกตอบสนองต่อสถานการณ์และอารมณ์ในแบบของตัวเอง นอกจากนี้ การแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจสมาชิกแต่ละคนก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน การแสดงท่าทางเล็กๆ น้อยๆ การจดจำวันเกิดหรือวันครบรอบการทำงาน หรือการถามไถ่ถึงสถานการณ์ที่คุณทราบว่าพวกเขาต้องเผชิญตอนอยู่ที่บ้านก็ถือว่าเป็นประโยชน์มากทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อส่วนบุคคลต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย กล่าวคือ ฝ่ายคุณก็ต้องพร้อมที่จะเปิดใจเกี่ยวกับตัวเองและพร้อมที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาได้ด้วย ถ้าการทำเช่นนั้นช่วยให้คุณมีความเข้าใจกันมากขึ้น

หมั่นให้คำชมเชยอยู่เสมอ

ผู้นำและผู้จัดการไม่ควรชื่นชมแต่ผลงานเพียงอย่างเดียว ในกรณีที่ทำได้ ให้คุณแสดงความชื่นชมต่อสาธารณะเมื่อมีคนแสดงให้เห็นว่าตัวเองบรรลุความคืบหน้าที่สำคัญ ได้ร่วมเป็นส่วนเล็กๆ ของความสำเร็จ และทุกเมื่อที่คุณสังเกตเห็นการพัฒนา

รับฟังอย่างตั้งใจ

คุณอาจต้องใช้เวลาก่อนที่จะเข้าใจถึงสิ่งที่พนักงานของคุณพยายามจะบอกคุณจริงๆ การฟังอย่างมีประสิทธิภาพยังหมายรวมถึงการไม่ตัดสิน ตลอดจนการสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการแบ่งปันความคิดและข้อกังวลต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทักษะการสื่อสาร คุณอาจขอคำติชมและเต็มใจที่จะดำเนินการตามนั้นเพื่อแสดงว่าคุณรับฟังก็ได้

เปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความเห็น

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกคนมีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมและรู้สึกว่าตนได้รับการรับฟัง บางคนอาจใช้เวลานานกว่าคนอื่นๆ กว่าที่จะรู้สึกมีความมั่นใจมากพอที่จะมีส่วนร่วม ดังนั้นจงอดทนเข้าไว้

สื่อสารด้วยความเข้าอกเข้าใจ

ความเข้าอกเข้าใจเป็นกุญแจสำคัญในการก่อให้เกิดความหลากหลายในองค์กร ดังนั้นให้คุณพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ที่ผู้อื่นต้องพบเจอทุกครั้งที่ทำได้ และก่อนที่คุณจะสื่อสาร ให้ลองคิดดูว่าผู้คนจะได้รับสารของคุณอย่างไร

จัดการความขัดแย้งอย่างรอบคอบ

แทนที่จะใช้การรับมือแบบที่ใครๆ ก็ใช้กัน ให้เรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขความขัดแย้งที่ปรับให้เข้ากับแต่ละสถานการณ์หรือบุคคล และเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่คุณใช้ในการรับมืออย่างยืดหยุ่น

อ่านต่อ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้ว่าผู้นำด้านทรัพยากรบุคคลทั่วโลกสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างไร

ดาวน์โหลดเลย

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ค้นพบข้อมูลอัพเดตล่าสุดเกี่ยวกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ในห้องข่าวบน Workplace

เรียนรู้เพิ่มเติม
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้ว่าผู้นำด้านทรัพยากรบุคคลทั่วโลกสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างไร

ดาวน์โหลดเลย

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ค้นพบข้อมูลอัพเดตล่าสุดเกี่ยวกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ในห้องข่าวบน Workplace

เรียนรู้เพิ่มเติม

โพสต์ล่าสุด

ความเป็นผู้นำ | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

ผู้นำคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญ

ผู้นำคืออะไร ผู้นำเหมือนกับผู้จัดการหรือไม่ คุณสามารถเรียนรู้ที่จะเป็นผู้นำได้หรือไม่ เราจะพาคุณไปสำรวจปัจจัยต่างๆ ที่ส่งเสริมให้เกิดผู้นำและเหตุผลที่การเป็นผู้นำที่ดีนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจ

ความเป็นผู้นำ | ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

10 บทเรียนที่ผู้นำได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง

ประสบการณ์ที่พวกเขาพบเจอในชีวิตจริงจะเป็นตัวกำหนดว่าคนคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างไรและสามารถกำหนดแนวทางของการเป็นผู้นำได้ มาดู 3 ตัวอย่างที่เราคัดมาแล้วว่าดีที่สุดกัน

Atish Banerjea - Workplace from Facebook

ความเป็นผู้นำ | ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

บทสนทนากับ Atish Banerjea ซีไอโอของ Facebook

บทบาทของซีไอโอกำลังเปลี่ยนไป เพื่อที่จะทราบรายละเอียดนั้น เราจึงได้พูดคุยกับ Atish Banerjea ผู้เป็นซีไอโอของ Facebook เพื่อเรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่อย่างไร