การจัดการความขัดแย้งในที่ทำงาน

วิธีที่องค์กรใช้รับมือกับข้อขัดแย้งในที่ทำงานสามารถบ่งบอกถึงวัฒนธรรมของบริษัทได้เป็นอย่างดี ต่อไปนี้คือเคล็ดลับ 4 ข้อที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการจัดการความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 3 นาที
managing conflict in organizations - Workplace from Meta

ที่ใดที่มีความทะเยอทะยาน นิสัยชอบการแข่งขัน และสถานการณ์ที่ตึงเครียด ที่นั่นก็อาจเกิดอารมณ์ที่ยากจะควบคุมได้ แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงานตามปกติ แต่วิธีที่องค์กรรับมือกับช่วงเวลาเหล่านี้ก็สามารถบ่งบอกถึงวัฒนธรรมของบริษัทนั้นได้เป็นอย่างดี

และแม้ว่าความขัดแย้งบางอย่างจะเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นๆ แต่ความขัดแย้งอื่นๆ ก็อาจฝังรากลึกและจบลงด้วยการสร้างผลกระทบต่อผลิตภาพและขวัญกำลังใจของคนทั้งทีมได้

ไม่ว่าจะเป็นแบบใด เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสก็มักจะต้องทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่เพื่อจัดการความขัดแย้งในที่ทำงาน ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ผู้จัดการใช้เวลากับเรื่องดังกล่าวสูงถึง 40% ของเวลาทั้งหมดเลยทีเดียว ทั้งที่เวลาดังกล่าวควรถูกใช้กับสิ่งอื่นที่สำคัญและมีประโยชน์มากกว่า

แก้งานยุ่งได้ไม่ยากด้วย Workplace

ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้

ไม่ว่าจะเป็นแบบใด เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสก็มักจะต้องทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่เพื่อจัดการความขัดแย้งในที่ทำงาน ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ผู้จัดการใช้เวลากับเรื่องดังกล่าวสูงถึง 40% ของเวลาทั้งหมดเลยทีเดียว ทั้งที่เวลาดังกล่าวควรถูกใช้กับสิ่งอื่นที่สำคัญและมีประโยชน์มากกว่า

ไม่เพียงแค่นั้น ความสับสนเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบในตัวงานยังนำมาซึ่งความเครียด ความโดดเดี่ยวในที่ทำงาน และแม้แต่พฤติกรรมการแสดงอารมณ์ด้านลบโดยไม่พูดออกมาตรงๆ อีกด้วย

สาเหตุของความขัดแย้งในที่ทำงานที่พบได้บ่อย

สาเหตุของความขัดแย้งในที่ทำงานที่พบได้บ่อย

ความไม่ลงรอยกันในที่ทำงานเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดมีด้วยกัน 4 ประการ ดังนี้

  1. การสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ

    การที่แผนกหรือพนักงานต่างๆ สื่อสารกันอย่างไม่มีประสิทธิภาพอาจสร้างความเข้าใจผิดและนำมาซึ่งการเป็นศัตรูกันได้ ทั้งนี้ ความขัดแย้งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากสิ่งที่ถูกเก็บไว้ข้างในมากกว่าสิ่งที่แสดงออกมา เช่น การที่ผู้จัดการมอบหมายงานให้คนอื่นโดยไม่แจ้งสาเหตุให้พนักงานคนที่เป็นเจ้าของงานได้รู้ เป็นต้น

  2. การเลือกปฏิบัติ

    ความเท่าเทียมทางรายได้เป็นประเด็นใหญ่ในที่ทำงานที่องค์กรจำนวนมากต่างประสบปัญหาในการรับมือ ซึ่งความล้มเหลวในเรื่องนี้อาจทำให้เกิดการแตกแยกกันได้

    นอกจากความไม่เท่าเทียมทางเพศแล้ว การเลือกปฏิบัติในรูปแบบอื่นๆ ทั้งอายุ ศาสนา และความทุพพลภาพ ยังสามารถก่อให้เกิดการแบ่งแยกและทำให้องค์กรเสี่ยงต่อการไม่ลงรอยกัน หรือแม้แต่เกิดปัญหาทางกฎหมายได้อีกด้วย

  3. ลักษณะนิสัยที่ไม่ลงรอยกัน

    ความหลากหลายเป็นปัจจัยส่งผลดีต่อธุรกิจ องค์กรที่ประกอบด้วยผู้คนจากภูมิหลัง คุณลักษณะ และประสบการณ์ที่หลากหลายมักทำผลงานได้ดีกว่าองค์กรในแวดวงเดียวกัน1 อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาในแง่ของรูปแบบการสื่อสารทางธุรกิจที่แตกต่างกัน รวมถึงขัดขวางการทำงานร่วมกันแบบเป็นขั้นเป็นตอนระหว่างตัวบุคคลกับทีมได้

  4. การแข่งขัน

    แม้ว่าการแข่งขันในเชิงบวกจะเป็นผลดีต่อการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงาน แต่การแข่งขันที่มากเกินไปและความทะเยอทะยานจนไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นก็อาจทำให้การทำงานเป็นทีมพังทลายลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กรหรือแผนกที่มีเรื่องค่าจ้างและโบนัสที่อิงตามผลงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

มาตรการจัดการความขัดแย้งในที่ทำงานที่มีประสิทธิภาพ

มาตรการจัดการความขัดแย้งในที่ทำงานที่มีประสิทธิภาพ

ในการช่วยให้ทีมของคุณทำงานร่วมกันอย่างกลมเกลียว คุณสามารถทำตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและจัดการกับความขัดแย้งอย่างมีประสิทธิภาพได้ โดยกลยุทธ์ 6 ข้อที่จะช่วยคุณเริ่มต้นมีดังต่อไปนี้

  1. ตั้งความคาดหวังที่ชัดเจน

    การสื่อสารภายในองค์กรที่ชัดเจนและไตร่ตรองมาอย่างดีสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่างๆ ได้ เมื่อผู้จัดการขอให้บุคลากรทำงานบางอย่างให้เสร็จสิ้น ผู้จัดการควรอธิบายสิ่งที่ตนต้องการด้วย ทั้งในส่วนของวันครบกำหนดส่ง โครงสร้าง และองค์ประกอบอื่นๆ ที่สำคัญในงานชิ้นนั้น

  2. ปรับโฉมที่ทำงานใหม่

    สภาพแวดล้อมการทำงานที่มีแสงไฟสลัวๆ กล่องอีเมลที่ล้นทะลัก และเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเป็นประจำอาจทำให้เกิดความตึงเครียดได้ คุณจึงควรเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น เพราะยิ่งผู้คนรู้สึกสงบท่ามกลางสภาพแวดล้อมการทำงาน ความขัดแย้งต่างๆ ก็จะยิ่งมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยลงไปด้วย

    การทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมและเครื่องมือที่ทีมที่ทำงานแบบไฮบริดต้องการเพื่อเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพคือส่วนสำคัญของการจัดการผลิตภาพ เมื่อใดที่คุณดำเนินการอย่างเหมาะสม คุณก็จะได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้

  3. ใช้นโยบายที่เปิดกว้าง

    การรับมือกับปัญหาต่างๆ ล่วงหน้ามีความสำคัญ เพราะหากพนักงานรู้สึกว่าผู้จัดการเป็นคนที่เข้าหาได้ยาก หรือรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความสำคัญ คนเหล่านี้ก็อาจไม่รายงานปัญหาใดๆ ในที่ทำงานได้

    ลองสนับสนุนให้พนักงานได้ระบายเรื่องที่ตนหนักใจ ข้อมูลระบุว่า ผู้คน 81% อยากทำงานกับนายจ้างที่ให้ความสำคัญกับการสื่อสารแบบเปิดกว้างมากกว่านายจ้างที่เสนอสวัสดิการอย่างอาหารฟรีและการเป็นสมาชิกโรงยิม

  4. โฟกัสที่ปัญหา ไม่ใช่ตัวบุคคล

    บางครั้งผู้จัดการก็อาจเพิกเฉยต่อข้อกังวลของพนักงาน โดยมองว่าพนักงานคนนั้นกำลังสร้างปัญหาหรือทำให้ปัญหาเป็นเรื่องใหญ่โตเกินจริง ทว่าความแตกต่างที่แท้จริงนั้นมักซ่อนตัวอยู่ใต้ความขัดแย้ง ซึ่งหากคุณแยกปัญหาออกจากตัวบุคคล คุณก็จะสามารถหารือเกี่ยวกับปัญหาในที่ทำงานได้โดยไม่ทำลายความสัมพันธ์

  5. หาข้อไกล่เกลี่ยระหว่างพนักงานด้วยกัน

    ความขัดแย้งบางอย่างก็ฝังรากลึกจนคุณอาจต้องการความช่วยเหลือจากบุคคลภายนอกเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ การไกล่เกลี่ยจำเป็นต้องมีการสรรหาบุคคลที่สามที่เป็นกลางและได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย เช่น ผู้จัดการจากแผนกอื่น ตัวแทนฝ่ายบุคคล หรือเพื่อนร่วมงาน ซึ่งผู้ไกล่เกลี่ยจะทำหน้าที่ดูแลการพูดคุยหารือกัน โดยมีเป้าหมายในการเจรจาหาทางออกที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ

  6. ใช้เทคโนโลยีช่วยแก้ไขปัญหา

    บางครั้งธรรมชาติของงานก็ทำให้บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม การใช้แนวทางที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้เพื่อจัดการสถานการณ์ต่างๆ สามารถช่วยได้

    เทคโนโลยีก็สามารถช่วยได้ด้วยเช่นกัน คุณควรมองหาแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้คนในองค์กรได้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น รวมถึงมอบวิธีที่มีประโยชน์ในการพูดคุยและรับมือกับปัญหาอย่างเปิดเผยในรูปแบบฟอรั่มสาธารณะ

ท้ายที่สุดแล้ว โซลูชั่นที่ส่งเสริมให้ผู้คนได้พูดคุยกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมอบทักษะการทำงานเป็นทีมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อาจมีความสามารถกระทั่งช่วยป้องกันความขัดแย้งรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกเลยเสียด้วยซ้ำ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

อ่านต่อ

1Delivering Growth Through Diversity, McKinsey, 2018
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

โพสต์ล่าสุด

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

วัฒนธรรมในที่ทำงาน: วิธีสร้างวัฒนธรรมเชิงบวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

วัฒนธรรมในที่ทำงานมีความสำคัญยิ่งขึ้นในโลกของการทำงานแบบผสมผสานและการทำงานทางไกล ร่วมหาคำตอบว่าวัฒนธรรมในที่ทำงานคืออะไรและคุณจะปรับปรุงวัฒนธรรมนี้ได้อย่างไร

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

ค่านิยมขององค์กรคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญ

ค่านิยมขององค์กรสามารถชี้นำทิศทางแก่พนักงานและให้เหตุผลที่จะเชื่อมั่นแก่ลูกค้า เรามาดูวิธีพัฒนาและสื่อสารค่านิยมขององค์กรกัน

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

เหตุใดความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย

ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญในที่ทำงาน เราจะมาสำรวจสาเหตุที่บริษัทต่างๆ สนใจประเด็นปัญหาที่สำคัญเหล่านี้