วัฒนธรรมและภาวะผู้นำในองค์กร: เหตุใดผู้นำจึงไม่สามารถปล่อยให้เรื่องวัฒนธรรมเป็นหน้าที่ของฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้

ผู้นำสร้างวัฒนธรรมองค์กร หรือวัฒนธรรมองค์กรสร้างผู้นำ ความจริงคือต้องผสานทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน แต่ผู้นำคือกุญแจสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมและประสบการณ์ที่ดีของพนักงานในองค์กรของตน และนี่คือเหตุผล

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 7 นาที
organizational culture and leadership - Workplace from Meta

เมื่อเราพูดถึงวัฒนธรรมองค์กร จริงๆ แล้วเราพูดถึงความรู้สึกในการที่ได้ทำงาน ณ ที่ใดที่หนึ่ง ที่ทำงานเป็นสถานที่ที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้หรือไม่ เรารู้สึกถึงการเชื่อมต่อกันและความเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรหรือไม่

การจะทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้นได้ต้องใช้หลายสิ่งหลายอย่างประกอบกัน Michael Z Hackman และ Craig E Johnson ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้นำอธิบายว่า วัฒนธรรมองค์กรเปรียบเสมือนชนเผ่าที่มีภาษา ลำดับชั้น ขนบธรรมเนียม พิธีกรรม และความเชื่อเป็นของตนเอง ใครก็ตามที่มีประสบการณ์ในการเข้าสู่วัฒนธรรมขององค์กรใหม่ๆ เมื่อเริ่มงานใหม่จะรับรู้ถึงความจริงในเรื่องนี้

วัฒนธรรมจึงไม่ได้มาจากทีมผู้นำเท่านั้น แต่มาจากพลังของทุกคนรวมกัน โดยที่ผู้นำมีบทบาทพิเศษในการสร้าง แบ่งปัน และดำเนินชีวิตตามวัฒนธรรมที่ตนต้องการจะเห็น แม้ว่าผู้นำมักกล่าวว่าวัฒนธรรมเป็นสิ่งจำเป็น แต่วัฒนธรรมกลับไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่อยู่อันดับต้นๆ เสมอไป มีผู้นำเพียง 21% เท่านั้นที่ระบุว่าวัฒนธรรมมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ รองลงมาจากประสิทธิภาพทางการเงิน การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และความสามารถ

อย่างที่เราจะได้เห็นกันว่า ความสำเร็จในทุกเรื่องที่สำคัญนั้นมาจากวัฒนธรรมองค์กรที่ดี

เรียนรู้ว่าผู้นำด้านทรัพยากรบุคคลทั่วโลกสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างไร

ดาวน์โหลดเคล็ดลับมืออาชีพทั้ง 6 ข้อเพื่อค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการมีส่วนร่วมของพนักงานและวัฒนธรรมองค์กร

ผู้นำสร้างอิทธิพลและเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมได้อย่างไร

ผู้นำสร้างอิทธิพลและเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมได้อย่างไร

ผู้นำบางคนเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมองค์กร เสมือนว่าผู้นำเหล่านั้นสร้างวัฒนธรรมขึ้นมา ประพฤติเป็นแบบอย่าง และแสดงวัฒนธรรมออกไปสู่โลกที่กว้างไกลขึ้น จนถึงขนาดที่ว่าถ้าขาดพวกเขาไป บริษัทจะต้องลำบากในการรักษาเอกลักษณ์ของตนเอาไว้

ลองนึกถึงการที่บุคลิกของ Richard Branson กลายเป็นรากฐานและแทรกซึมเข้าไปในอาณาจักร Virgin ของเขาดู เรามองเขาแล้วรู้เลยว่าการทำงานในบริษัทของเขาจะเป็นอย่างไร หรือวิธีที่ Anita Roddick ผู้ก่อตั้ง Body Shop ได้พัฒนาวัฒนธรรมของศูนย์การค้าด้านความงามที่มีจริยธรรมผ่านความมุ่งมั่นของเธอที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน หรือจะเป็น Henry Ford ผู้ปฏิวัติงานผลิตบนระบบสายการประกอบจนกลายเป็นชื่อให้กับปรัชญาการทำงานแบบใหม่ที่มีนามว่า 'Fordism'

แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้นำทุกคนจะมีความทันสมัยหรือมีโปรไฟล์ที่ดีเลิศ อันที่จริงแล้ว ผู้นำบางคนไม่ได้เปิดเผยตัวเองต่อโลกภายนอกจนแทบจะเป็นใครก็ได้เลยทีเดียว แต่แม้กระทั่งผู้นำที่มีเสน่ห์น้อยที่สุดก็จะยังถูกมองว่าเป็นผู้รับผิดชอบของวัฒนธรรมในองค์กรของตนอยู่ดี

เพราะไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ผู้คนจะมองว่าวัฒนธรรมเริ่มมาจากผู้นำ ผู้นำจะได้รับคำชมเมื่อองค์กรได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ทำงานที่ดี และจะถูกตำหนิเมื่อมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น การศึกษาหนึ่งกล่าวว่า ภาวะผู้นำที่ไม่น่าพิสมัยเป็นเหตุให้พนักงานมีความพยายามในการทำงานลดลง 48% และคุณภาพงานลดลง 38%

ไม่พลาดทุกการสื่อสาร

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย คุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

ผู้นำส่งผลกระทบเชิงบวกต่อวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างไร

ผู้นำส่งผลกระทบเชิงบวกต่อวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างไร

ผู้นำมีบทบาทสำคัญในการสร้างและปรับปรุงวัฒนธรรมให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกหลังการระบาดใหญ่ทั่วโลกในปัจจุบันที่มีการทำงานแบบผสมผสาน ความสำเร็จขององค์กรในการรับมือกับแนวทางการทำงานแบบใหม่อาจขึ้นอยู่กับตัววัฒนธรรมเอง และนี่คือกลยุทธ์ 6 ข้อที่ผู้นำสามารถนำไปใช้ได้

1. ปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงาน
1. ปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงาน

ประสบการณ์ของพนักงาน (EX) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ผู้นำสามารถใช้และควรใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกการทำงานแบบผสมผสานที่พนักงานกระจายตัวกันอยู่ทุกหนแห่ง ไม่ใช่แค่ซีอีโอเพียงคนเดียวที่ต้องสนใจเกี่ยวกับประสบการณ์ของพนักงาน แต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับผู้บริหารทุกคนควรก็สนใจในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

ประสบการณ์ของพนักงานเป็นเรื่องของการสร้างประสบการณ์การทำงานที่มีความหมายยิ่งกว่าเดิมสำหรับพนักงาน โดยการทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ซึ่งแตกต่างจากการมีส่วนร่วมของพนักงานที่เป็นเรื่องของการทำให้บุคลากรบรรลุเป้าหมายขององค์กรเสียมากกว่า ประสบการณ์ของพนักงานเป็นสิ่งที่ผู้นำต้องคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เนื่องจากมุมมองของพนักงานอาจแตกต่างไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงมาก โดย 68% ของผู้นำรู้สึกว่าตนได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อพนักงาน แต่กลับมีพนักงานเพียง 36% เท่านั้นที่เห็นด้วย

2. กำหนดค่านิยม นำค่านิยมนั้นไปใช้ และแสดงออกถึงค่านิยมที่ดี
2. กำหนดค่านิยม นำค่านิยมนั้นไปใช้ และแสดงออกถึงค่านิยมที่ดี

ค่านิยมขององค์กรคือองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร ค่านิยมขององค์กรอาจเป็นประโยชน์ในหลายๆ เรื่อง ตั้งแต่การดึงดูดผู้มีความสามารถใหม่ๆ ไปจนถึงการยกระดับประสบการณ์และการมีส่วนร่วมของพนักงาน ทว่าค่านิยมไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ องค์กรที่ตระหนักถึงวัฒนธรรมรู้ดีว่าตนไม่อาจมองข้ามค่านิยมไปได้ องค์กรต้องมีการกำหนดค่านิยมให้ชัดเจน จากนั้นจึงนำไปปฏิบัติ

ผู้นำคือส่วนสำคัญของกระบวนการนี้ โดยจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจว่าค่านิยมขององค์กรควรจะเป็นอย่างไร กำหนดกลยุทธ์ในการนำค่านิยมไปปฏิบัติ และนำค่านิยมนั้นไปใช้งานจริงโดยการประพฤติตัวเป็นแบบอย่าง

3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
3. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรูปแบบในการเป็นผู้นำบางรูปแบบ สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการทำงานได้ ผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดสามารถเป็นแรงบันดาลใจและช่วยให้พนักงานก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงไปได้ ผู้นำด้านการทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับโครงสร้างและผลลัพธ์สามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานและทำให้พนักงานรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับบริษัท

4. กระตุ้นให้เกิดความรับผิดชอบและความโปร่งใส
4. กระตุ้นให้เกิดความรับผิดชอบและความโปร่งใส

ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญในวัฒนธรรมองค์กรและประสบการณ์ของพนักงานที่ดี การส่งเสริมบรรยากาศของการเปิดกว้าง ซึ่งผู้คนมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนโดยไม่มีการตำหนิติเตียนจะช่วยให้ผู้นำสามารถสร้างวัฒนธรรมที่พนักงานรู้สึกว่าตนสามารถแสดงความคิดเห็นออกมาและจะมีคนรับฟังได้

5. ส่งเสริมให้ทำสิ่งใหม่ๆ
5. ส่งเสริมให้ทำสิ่งใหม่ๆ

ผู้นำควรบ่มเพาะสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยในการทดลองทำอะไรใหม่ๆ และแบ่งปันไอเดีย การไม่กลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ และการมีอิสระในการทำผิดพลาดจะช่วยส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ นี่เป็นวิธีสำคัญวิธีหนึ่งที่วัฒนธรรมองค์กรที่ดีจะช่วยให้องค์กรล้ำหน้าคู่แข่งไปได้

6. สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างมากขึ้น
6. สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างมากขึ้น

ผู้นำสามารถสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มีชีวิตชีวาและมีความหลากหลาย ซึ่งผู้คนรู้สึกมีอิสระที่จะแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้ ซึ่งผู้นำสามารถทำได้โดยการพูดถึงประเด็นความเท่าเทียมและรับผิดชอบในเรื่องการทำให้เกิดความเปิดกว้างมากขึ้น การทำเช่นนี้นอกจากจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงานแล้ว ยังอาจส่งผลอย่างมากต่อผลกำไรที่ได้อีกด้วย มีผู้ประมาณการไว้ว่า สมมติว่าอัตราการทำงานต่อของผู้หญิงเพิ่มขึ้น 5% ในบริษัทที่มีพนักงาน 50,000 คน โดยที่พนักงานครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิง บริษัทจะสามารถประหยัดเงินได้หลักล้านต่อปีเลยทีเดียว

วัฒนธรรมส่งผลต่อภาวะผู้นำอย่างไร

วัฒนธรรมส่งผลต่อภาวะผู้นำอย่างไร

ประวัติศาสตร์ของธุรกิจมักเต็มไปด้วยเรื่องราวของซีอีโอที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาและออกไปจากบริษัทที่มีวัฒนธรรมไม่เข้ากับตน นั่นเป็นเพราะวัฒนธรรมและภาวะผู้นำต้องอยู่ควบคู่กัน รูปแบบการเป็นผู้นำที่ได้ผลในวัฒนธรรมหนึ่งอาจไม่ได้ผลในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง

อันที่จริงแล้ว ผู้นำอาจพบว่าวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นนั้นกลายเป็นอุปสรรคเมื่อต้องย้ายไปทำงานที่องค์กรใหม่เสียด้วยซ้ำ การนำแนวคิดใหม่ๆ ไปใช้ในที่ที่ยึดถือวิธีการทำสิ่งต่างๆ อยู่แล้วอาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นบ้าง การพยายามกำหนดรูปแบบการเป็นผู้นำในองค์กรที่ไม่เหมาะสมกับรูปแบบดังกล่าวจะไม่เกิดผลดี

ในทำนองเดียวกัน ผู้นำที่ทำงานในองค์กรระดับโลกก็จะต้องปรับตัวและสร้างทักษะความเป็นผู้นำข้ามวัฒนธรรมเพื่อให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมทางธุรกิจในประเทศอื่นๆ ด้วย

ผู้นำที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมจะต้องสังเกตและเข้าใจวัฒนธรรมที่มีอยู่แล้วเสียก่อน โดยประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่

• การทำงานประจำวัน: การมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำงานขององค์กรและพลวัตขององค์กรอย่างลึกซึ้งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำที่ต้องการสร้างผลกระทบต่อวัฒนธรรม แต่ประเด็นนี้ก็เป็นประเด็นที่ยังสามารถปรับปรุงเพิ่มได้เช่นกัน การวิจัยของ OC Tanner กล่าวว่า มีพนักงานเพียง 54% เท่านั้นที่บอกว่าผู้นำของตนรู้เกี่ยวกับงานที่พนักงานทำจริงๆ1

การรู้ถึงรายละเอียดของวันทำงานของทีมไม่ใช่เรื่องสำหลักสำคัญสำหรับผู้นำ ทว่าก็สามารถช่วยให้เข้าใจและเริ่มเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมได้อย่างมาก


• การสร้างความสัมพันธ์: ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นคือกุญแจสู่วัฒนธรรมองค์กรที่ดี การสื่อสารแบบเปิดกว้างอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้นำที่ต้องการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองและพนักงาน การทำเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าผู้นำต้องกล่าวสุนทรพจน์และนำเสนอสิ่งต่างๆ อย่างเป็นทางการเสมอไป แต่อาจเป็นการทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการตอบกลับโพสต์ของพนักงานในกลุ่มแชท ทุกการโต้ตอบเป็นโอกาสที่จะทำให้ผู้นำได้แสดงพฤติกรรมที่ตนต้องการปลูกฝังในวัฒนธรรมออกมา


• การรับฟังและลงมือทำตามความเห็นที่ได้รับ: ผู้นำต้องเข้าใจว่าพนักงานรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการทำงานในองค์กร และรู้ว่าต้องเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในจุดใดบ้าง หนึ่งในวิธีทำเช่นนั้นคือการขอความเห็นผ่านแบบสำรวจและโพลล์ แต่การได้รับความเห็นเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ เนื่องจากผู้นำจะต้องปฏิบัติตามความเห็นที่ได้รับมาด้วยจึงจะสามารถสร้างความไว้วางใจได


วัฒนธรรมความเป็นผู้นำคืออะไร

วัฒนธรรมความเป็นผู้นำคืออะไร

การพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นผู้นำและวัฒนธรรมมักจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและพนักงาน แต่แง่มุมที่สำคัญอีกประการหนึ่งของวัฒนธรรมคือการที่ผู้นำมีปฏิสัมพันธ์กันเอง รวมถึงมีทัศนคติและค่านิยมที่สนับสนุนงานของตน วัฒนธรรมความเป็นผู้นำจะค่อยๆ เลื่อนลงมาที่ระดับล่างขององค์กรและมีอิทธิพลมหาศาลต่อวัฒนธรรมในส่วนที่เหลือขององค์กร

ผู้คนมีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับวิธีการทำงานของวัฒนธรรมความเป็นผู้นำ แบบจำลองภาวะผู้นำทางวัฒนธรรมแบบไดนามิก (DLC) ซึ่งมักใช้ในองค์กรด้านการดูแลสุขภาพจะมุ่งเน้นไปที่วิธีที่ระดับบริหารจัดการทุกระดับในองค์กรสามารถทำงานควบคู่กันไปได้อย่างราบรื่น The Centre for Creative Leadership พูดถึงวัฒนธรรมการเป็นผู้นำไว้ 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทขึ้นตรงกับองค์กร ซึ่งผู้มีอำนาจถูกมองว่าเป็นผู้รับผิดชอบด้านภาวะผู้นำ ประเภทอิสระ ซึ่งภาวะผู้นำมาจากความเชี่ยวชาญเฉพาะบุคคล และประเภทพึ่งพาอาศัยกันและกัน ซึ่งมองว่าภาวะผู้นำมีลักษณะเป็นส่วนรวมมากกว่า

ไม่ว่าวัฒนธรรมการเป็นผู้นำจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ก็อาจเกิดผลในเชิงบวกหรือเชิงลบได้เสมอ วัฒนธรรมเชิงลบจะขัดขวางการเชื่อมต่อ แต่วัฒนธรรมความเป็นผู้นำในเชิงบวกนั้นจะให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อพนักงานกับองค์กรเข้าด้วยกัน ทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและช่วยพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำของพวกเขา วิธีนี้จะทำให้พนักงานเผยแพร่วัฒนธรรมของการเป็นผู้นำและประสบการณ์ที่ดีของพนักงานไปทั่วทั้งองค์กร ซึ่งจะช่วยให้วัฒนธรรมก้าวหน้าและเติบโต

อ่านต่อ

อ่านต่อ

ไม่พลาดทุกการสื่อสาร

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย คุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ค้นพบข่าวสารล่าสุดของ Workplace ในห้องข่าว

เรียนรู้เพิ่มเติม
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ค้นพบข่าวสารล่าสุดของ Workplace ในห้องข่าว

เรียนรู้เพิ่มเติม

โพสต์ล่าสุด

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

วัฒนธรรมในที่ทำงาน: วิธีสร้างวัฒนธรรมเชิงบวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

วัฒนธรรมในที่ทำงานมีความสำคัญยิ่งขึ้นในโลกของการทำงานแบบผสมผสานและการทำงานทางไกล ร่วมหาคำตอบว่าวัฒนธรรมในที่ทำงานคืออะไรและคุณจะสามารถปรับปรุงวัฒนธรรมนี้ได้อย่างไร

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

ค่านิยมขององค์กรคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญ

ค่านิยมขององค์กรสามารถชี้นำทิศทางแก่พนักงานและให้เหตุผลที่จะเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ดูวิธีพัฒนาและสื่อสารค่านิยมขององค์กร

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

วัฒนธรรมองค์กร 4 ประเภท: แบบใดดีที่สุดสำหรับธุรกิจ

ตัวตนของธุรกิจเป็นการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครของวัฒนธรรมต่างๆ ขององค์กร ดูว่าคุณจะค้นหาตัวตนของธุรกิจและใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของตัวตนนั้นได้อย่างไร