ออกแบบอนาคตแห่งการทำงาน ตอนที่ 1: ให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นหลัก
ในซีรีส์บล็อกโพสต์ใหม่นี้ เราจะมาร่วมกันรับมือกับอนาคตแห่งการทำงาน พร้อมแชร์หลักการ 6 ประการที่เราเชื่อว่าจะเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรที่ประสบความสำเร็จในอนาคต
ในซีรีส์บล็อกโพสต์ใหม่นี้ เราจะมาร่วมกันรับมือกับอนาคตแห่งการทำงาน พร้อมแชร์หลักการ 6 ประการที่เราเชื่อว่าจะเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรที่ประสบความสำเร็จในอนาคต
2017 เป็นปีที่น่าประทับใจจริงๆ…
ปีนี้ใกล้จะจบลงแล้วจริงๆ หรือ ความรู้สึกเหมือนเราเพิ่งเริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วในช่วงเวลา 12 เดือนของ Workplace ไปเมื่อห้านาทีที่แล้วนี่เอง แต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องมองย้อนกลับไปในปีที่น่าประทับใจปีหนึ่ง พร้อมกับต้องวางแผนก้าวหน้าไปยังปีใหม่ซะแล้ว
ปีนี้นับเป็นปีแห่งการเรียนรู้ สร้างสรรค์ และเติบโตของ Workplace อย่างแท้จริง เราได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากมาย เช่น วิดีโอแชทและกลุ่มที่มีหลายบริษัท ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 รวมถึงได้ต้อนรับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ใหม่กว่า 30,000 ราย โดยมีตั้งแต่องค์กรที่ใหญ่ระดับโลกบางแห่ง ( ยินดีต้อนรับ Walmart! ) ไปจนถึงองค์กรการกุศล สตาร์ทอัพ และธุรกิจขนาดเล็ก
…สิ่งที่เราได้เรียนรู้
เราได้ทุ่มเทเวลามากมายให้กับอุตสาหกรรมนี้ด้วยการรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า เพื่อนร่วมงาน และพาร์ทเนอร์ของเรา แต่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่จุดใด เรามักจะได้ยินคำถามหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นก็คือ อนาคตแห่งการทำงานจะมีลักษณะเป็นอย่างไร นี่เป็นคำถามที่ทุกคนล้วนสงสัยกันอยู่ และจะยังคงเป็นคำถามที่ทุกคนต้องการหาคำตอบไปตลอดปี 2018 เพราะแก่นหลักของคำถามนี้สะท้อนถึงความไม่สบายใจของคนทั่วโลกเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
"ไม่ว่าเราจะอยู่ที่จุดใด เรามักจะได้ยินคำถามหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นก็คือ อนาคตแห่งการทำงานจะมีลักษณะเป็นอย่างไร"
สิ่งที่ผู้นำธุรกิจต้องการทราบจริงๆ ก็คือ 'ฉันจะสร้างองค์กรที่มีความยืดหยุ่นปรับตัวได้อย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายระดับโลกที่ไม่คาดคิดมาก่อน' ซึ่งความท้าทายต่างๆ ก็มีตั้งแต่การสนับสนุนลูกค้าผู้ซึ่งเปลี่ยนความสนใจไปยังแบรนด์ใหม่ได้ในเสี้ยววินาที การแข่งขันจากสตาร์ทอัพหรือผู้สร้างเทรนด์การเปลี่ยนแปลง การทำให้สิ่งต่างๆ กลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในเวลาอันรวดเร็ว และความเร็วของการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ความท้าทายเหล่านี้สร้างความตึงเครียดอย่างมากให้กับผู้นำในทุกแง่มุมขององค์กร ตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การประเมินความเสี่ยง ไปจนถึงการเพิ่มอัตราการทำงานต่อกับบริษัท
เป็นที่เข้าใจกันดีว่าธุรกิจต่างๆ ต้องการล่วงรู้สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นและพยายามคิดภาพว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะอนาคตที่จะมาถึงนี้ค่อนข้างน่ากลัวและกำลังเกิดขึ้นจริงๆ ทำให้เราทุกคนต้องตื่นตัวในการเริ่มวางแผนกันตั้งแต่ตอนนี้
ที่ Workplace เราได้คิดหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้อย่างหนัก พันธกิจของเราคือการทำให้คนทั้งโลกมีพื้นที่ในการทำงานร่วมกัน ซึ่งหมายความว่าเราจำเป็นต้องจัดเตรียมเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับองค์กรต่างๆ กันเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่จะได้ช่วยให้องค์กรมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น ทำงานได้ชาญฉลาดขึ้น และรวดเร็วขึ้นในอนาคต
อนาคตของการทำงาน
งในซีรีส์บล็อกโพสต์ใหม่นี้ เราจะมาร่วมกันรับมือกับอนาคตแห่งการทำงาน โดยจะแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการ 6 ประการที่เราเชื่อว่าจะเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรที่ประสบความสำเร็จในอนาคต สิ่งเหล่านี้คือพฤติกรรมหลักที่เป็นตัวกำหนดทัศนคติของพนักงานรุ่นใหม่ รวมถึงเป็นแนวทางหลักที่เรานำไปใช้ในหลักการด้านผลิตภัณฑ์ของเรา
แต่ก่อนที่เราจะพาคุณไปรู้จักกับหลักการเหล่านี้ เราอยากจะแนะนำปัจจัยทั่วไปที่ช่วยรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำเข้าด้วยกัน ซึ่งปัจจัยนั้นก็คือผู้คนนั่นเอง
เทคโนโลยีเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ธุรกิจจำนวนมากคิดว่าอนาคตแห่งการทำงานจะก่อตัวอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยี ซึ่งก็เป็นความจริงที่เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์บนคลาวด์ไปจนถึง AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในแวดวงการทำงาน แต่ลำพังแค่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีที่เราใช้ในที่ทำงานจะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง แต่เทคโนโลยีส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่เราใช้กันมานานจนล้าสมัยไปแล้ว
ลองนึกถึงอีเมลเป็นตัวอย่าง อีเมลยังคงเป็นเครื่องมือที่สำนักงานส่วนใหญ่นิยมใช้กัน แต่ก็มีคุณสมบัติบางอย่างที่ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานสักเท่าไร อย่างเช่นบรรทัด 'Cc' คุณอาจจะสงสัยว่าบรรทัด 'Cc' คืออะไร 'Cc' ย่อมาจาก Carbon Copy ซึ่งหมายถึงกระดาษชนิดหนึ่งที่ใช้วางคั่นระหว่างกระดาษสำหรับเขียน 2 แผ่น โดยจะเป็นสิ่งที่ใช้คัดลอกตัวอักษรจากกระดาษแผ่นบน เพื่อที่คุณจะสามารถนำกระดาษแผ่นที่คัดลอกไว้ไปวางในกล่องเอกสาร จากนั้นให้เลขานำไปแจกเวียนไปจนทั่วสำนักงาน กระดาษคาร์บอนถูกคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 1806 ซึ่งจริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นเทคโนโลยีจากศตวรรษที่สิบเก้า
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในที่ทำงานสมัยใหม่ล่ะ คุณสมบัตินี้ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบันก็เพราะเครื่องมือที่เราใช้ในปัจจุบันมีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 ซึ่งตอนนั้นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์รุ่นบุกเบิกได้สร้างซอฟต์แวร์สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานรุ่นแรกสุดสำหรับยุคคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมา นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นนำสิ่งที่ตนรู้ ซึ่งกล่าวคือวิธีการทำงานที่มีพื้นฐานมาจากยุคแห่งการใช้น้ำหมึก การพิมพ์ และกระดาษ และนำลักษณะการทำงานรูปแบบดังกล่าวมานำเสนอในรูปแบบดิจิทัลที่เรายังใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้
ทว่าในขณะที่เราพิมพ์ความคิดของเราลงในกระดาษดิจิทัลนั้น เครื่องมือที่ผู้คนใช้ในการสื่อสารและเชื่อมต่อกันในชีวิตส่วนตัวก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปแล้ว
เปิดประตูต้อนรับพนักงานที่เป็นคนยุคมิลเลนเนียล
คนรุ่นใหม่เติบโตมาพร้อมกับ Facebook, WhatsApp, Instagram และ Messenger ซึ่งไม่ได้รู้จักแค่อีเมลเพียงอย่างเดียว
"ความพยายามที่จะเข้าใจว่าอนาคตแห่งการทำงานจะมีลักษณะเป็นอย่างไรจะต้องเริ่มต้นที่การศึกษาความจำเป็น ความคาดหวัง และความต้องการของคนรุ่นใหม่นี้"
คนกลุ่มนี้โตมากับมือถือ ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และพวกเขาเติบโตมาโดยรู้จักใช้วิดีโอ อีโมจิ การแสดงความรู้สึก และ GIF ไม่ได้ใช้แค่ข้อความเพียงอย่างเดียว คนเหล่านี้เติบโตขึ้นมาในโลกที่เปิดกว้างและเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้น รวมถึงทำสิ่งต่างๆ ได้เร็วกว่าคนยุคอื่นที่เราเคยรู้จัก เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน คนรุ่นใหม่ไม่เพียงแต่ต้องการเครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับที่ตนใช้ในชีวิตส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังมีความคาดหวังต่อตัวงานที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงด้วย
พวกเขาคาดหวังว่าจะสามารถเชื่อมต่อและสื่อสารกับทุกคนในองค์กรได้โดยไม่ต้องมานั่งขอสิทธิ์การอนุญาต พวกเขาคาดหวังว่าตนเองจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ และคาดหวังให้ผู้อื่นรับฟังด้วย
ประเด็นสำคัญก็คือ ภายในปี 2020 คนรุ่นใหม่นี้จะคิดเป็น 50% ของพนักงานทั้งหมดในตลาดแรงงาน พูดง่ายๆ ก็คือคนรุ่นใหม่จะเข้ามาเป็นพนักงานของคุณนั่นเอง ความพยายามที่จะเข้าใจว่าอนาคตแห่งการทำงานจะมีลักษณะเป็นอย่างไรจะต้องเริ่มต้นที่การศึกษาความจำเป็น ความคาดหวัง และความต้องการของคนรุ่นใหม่นี้
ผู้คนเปลี่ยนแปลงองค์กร
ที่ Facebook เมื่อเรานึกถึงอนาคตแห่งการทำงาน เราไม่ได้ดำเนินการจากมุมมองของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ดำเนินการผ่านมุมมองของผู้คนด้วย เราใช้ประสบการณ์กว่าทศวรรษในการสร้างเครื่องมือที่เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนหลายพันล้านคนเชื่อมต่อและสื่อสารกันในชีวิตส่วนตัว และเรากำลังนำสิ่งที่ได้เรียนรู้นั้นไปปรับใช้ในที่ทำงาน
เทคโนโลยีที่เราใช้นั้นแน่นอนว่ามีความสำคัญ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือความสามารถของเราในการปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์โดยทุ่มเททำทุกสิ่งโดยคำนึงถึงความต้องการและความคาดหวังของผู้คนเป็นหลัก ซึ่งคำถามที่จะตามมาแน่นอนนั่นก็คือ ความต้องการและความคาดหวังเหล่านั้นคืออะไรกันแน่...
อ่านซีรีส์ออกแบบอนาคตแห่งการทำงาน ตอนที่ 2
