รูปแบบการนำเสนอ: เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อการนำเสนอที่ดีขึ้น

การนำเสนอของคุณควรสร้างผลลัพธ์ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอไอเดียสำหรับธุรกิจ ข้อความที่ส่งไปทั่วทั้งบริษัท หรือหลักสูตรการฝึกอบรมก็ตาม เรามีเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คุณนำเสนองานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที
presentation styles - Workplace from Meta

การนำเสนอของคุณควรสร้างผลลัพธ์ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอไอเดียสำหรับธุรกิจ ข้อความที่ส่งไปทั่วทั้งบริษัท หรือหลักสูตรการฝึกอบรมก็ตาม เรามีเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้คุณนำเสนองานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขจัดปัญหาในที่ทำงานด้วย Workplace

ตั้งแต่การแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน ไปจนถึงการปรับใช้วิธีการทำงานแบบผสมผสาน Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิมได้

วิธีการนำเสนอ

มีทฤษฎีเกี่ยวกับรูปแบบการนำเสนออยู่มากมาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การนำเสนอยังคงเป็นส่วนสำคัญของการสื่อสารทางธุรกิจ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะใช้สไลด์หลายๆ แผ่นเพื่อนำเสนอข้อมูลที่เต็มไปด้วยข้อเท็จจริงและตัวเลขต่อเนื่องกันอย่างรวดเร็ว หรือใช้วิธีการเล่าเรื่องด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเพื่อตรึงความสนใจของผู้ฟังเอาไว้ก็ตาม คุณก็สามารถใช้เทคนิคการนำเสนอได้ทุกประเภท

การรู้จักวิธีนำเสนอที่หลากหลายนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่พวกเราส่วนใหญ่มักจะมีคำถามเดียวกันว่าจะทำยังไงให้การนำเสนอเหมาะกับเรา เราจะใช้การนำเสนอเพื่อบรรลุเป้าหมายที่เราต้องการได้อย่างไร เราจะเชื่อมโยงกับผู้คนได้อย่างไร และเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าการนำเสนอของเราน่าสนใจ และไม่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเบื่อ ซึ่งต่อไปนี้คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญคิด

รู้เหตุผลของการนำเสนอ

รู้เหตุผลของการนำเสนอ

ก่อนที่คุณจะบรรจงสร้างสไลด์อย่างสวยงามและซ้อมพูดต่อหน้ากระจก ให้ลองย้อนกลับไปนึกว่าคุณต้องการให้เกิดผลลัพธ์อะไรจากการนำเสนอของคุณ

บุคคลที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้คือ Jesse Evans ผู้ที่เรียกตนเองว่าผู้หลงใหลด้านการศึกษาและการฝึกอบรมสำหรับลูกค้าที่ Workplace เขากล่าวว่า "ไม่ว่าคุณกำลังนำเสนองานหรือกำลังสอนก็ตาม คุณก็อยู่ในจุดที่ต้องการโน้มน้าวใจของผู้คนเสมอ คุณกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม นั่นแหละคือเป้าหมายของการนำเสนอ คุณต้องการให้ผู้คนทำหรือคิดในสิ่งที่แตกต่างออกไปหลังจากจบการนำเสนอนั้น"

David Bliss ผู้ก่อตั้งบริษัทการอบรมและฝึกสอนอย่าง Brunel Harper เห็นด้วย "คุณต้องรู้วิธีเล่าเรื่องราวของคุณ" เขากล่าว "อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการทำให้สำเร็จ คุณต้องการให้ผู้ฟังของคุณรู้สึกอย่างไร คุณต้องการให้คนเหล่านั้นทำอะไรหลังจากจบการนำเสนอ และคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาจะทำตามที่คุณต้องการ"

เมื่อคุณหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ได้ คุณก็สามารถเริ่มต้นสร้างการนำเสนอของคุณ

หัวใจของการนำเสนอไม่ได้อยู่ที่คุณ

หัวใจของการนำเสนอไม่ได้อยู่ที่คุณ

ผู้นำเสนอทุกคนมักจะกังวลเกี่ยวกับตัวเอง เช่น จะแนะนำตัวอย่างไรดี ทำอย่างไรให้ผู้ฟังยอมรับและเข้าใจ ควรใช้เทคนิคการนำเสนอแบบใด แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับให้ความเห็นว่า การยึดติดกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไปเป็นสิ่งที่ผิด

เช่น คุณไม่ควรเกริ่นนำยืดเยื้อ เพราะผู้คนไม่ได้สนใจสิ่งนั้น Jesse กล่าวว่า "แสดงให้ผู้คนเห็นว่าคุณดูน่าเชื่อถือและควรค่าแก่การฟัง แล้วจึงโน้มน้าวด้วยสิ่งที่คุณพูดและวิธีการพูดให้พวกเขาเห็นว่าคุณเป็นคนที่น่าเชื่อถือให้เรื่องนี้จริงๆ"

"สิ่งสำคัญของการนำเสนอคือผู้ฟัง" David เห็นด้วย "การนำเสนอมักจะกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้นำเสนอ หรือความชำนาญและความรู้ของบริษัทอยู่บ่อยครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อคุณนำเสนองานต่อผู้คนกลุ่มหนึ่ง พวกเขาจะสนใจเฉพาะสิ่งที่ตนต้องทำความเข้าใจเท่านั้น สิ่งนี้ต่างหากที่บ่งบอกถึงทักษะและความเชี่ยวชาญของคุณ"

เทคนิคการนำเสนอ: การตั้งคำถาม รับฟัง ตอบกลับ

เทคนิคการนำเสนอ: การตั้งคำถาม รับฟัง ตอบกลับ

"กฎสำคัญที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้คือ 'อย่าบอกคนอื่นถึงสิ่งที่พวกเขาก็สามารถบอกคุณได้'" Jesse กล่าว คุณต้องถามคำถามหากต้องการให้ผู้คนพูดถึงเรื่องใดก็ตาม แต่สิ่งที่คุณต้องทำเป็นอันดับแรกคือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม คุณควรส่งเสริมให้ผู้คนพูดและอย่ากลัวการรอคำตอบ Jesse แนะนำว่า "ให้ทำตามกฎ 7 วินาที ถามคำถาม ทวนคำถามบ่อยๆ แต่เว้นจังหวะไว้อย่างน้อย 7 วินาทีเพื่อรอคำตอบ และอย่าเผลอตอบสนองต่อคำตอบแรกที่ได้ยินเพื่อความสบายใจ"

หากคุณไม่ได้รับความร่วมมือในขณะที่กำลังนำเสนอทางออนไลน์ แชทส่วนตัวก็สามารถช่วยคุณได้ เพราะการพูดคุยเกี่ยวกับคำถามที่คุณสังเกตเห็น (หรือแม้ว่าจะยังไม่มีคำถามก็ตาม) สามารถกระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมได้

เมื่อผู้คนเริ่มพูดออกมา จงให้ความสำคัญกับสิ่งที่พวกเขาพูด Jesse บอกเราว่า "คอยตอบคำถามและขานชื่อเสมอ ค่อยๆ สร้างบรรยากาศแบบนี้ขึ้นมาให้ผู้คนรู้สึกสบายใจจนกล้าที่จะลองถามคำถาม"

นอกจากนี้ อย่าลืมนึกถึงวิธีการตอบคำถามของคุณ David แนะนำว่า "ใช้ทักษะการฟังให้มากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการสื่อความหมายให้เป็นภาษาเดียวกันกับผู้ฟัง และอย่าตีความคำถามใหม่ เมื่อคุณใช้ภาษาเดียวกันกับผู้ฟัง ผู้ถามจะรู้สึกได้ว่าคุณรับฟังพวกเขาอย่างเต็มที่"

มีความยืดหยุ่นในการนำเสนอ

มีความยืดหยุ่นในการนำเสนอ

วันนำเสนองานใหญ่มาถึงแล้ว ทุกคนในทีมทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นและซ้อมนำเสนอมานานหลายชั่วโมง แต่เมื่อคุณคิดว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดี จู่ๆ ลูกค้าก็โยนคำถามที่คุณไม่คาดคิดเข้ามากลางวง David บอกว่านั่นอาจไม่ใช่ปัญหาเสมอไป เพราะการรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงก็เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จได้

"ผมมักจะพูดอยู่เสมอว่าให้โต้ตอบกับผู้ฟังตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วผู้ฟังจะบอกคุณเองว่าพวกเขาอยากรู้เรื่องใด ซึ่งนั่นอาจเป็นสิ่งที่คุณไม่ได้เตรียมตัว" เขากล่าว

"ทีมที่ตั้งใจฟังเพื่อหาตัวชี้นำทางวาจาจากผู้คนและคิดว่า 'จริงๆ แล้วผู้ฟังก็ถามถึงเรื่องนี้ด้วย เราจะปรับตัวให้ทันสถานการณ์ได้อย่างไร' มักจะเป็นทีมที่ได้รับงานเพราะถือว่ามีความยืดหยุ่น นั่นก็เพราะพวกเขารับฟัง พวกเขาให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตนได้ยินมากกว่าสิ่งที่อยู่ในกำหนดการ"

PowerPoint ไม่ใช่โพเดียมการนำเสนอของคุณ

PowerPoint ไม่ใช่โพเดียมการนำเสนอของคุณ

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผู้นำเสนอทุกคนจะคิดหนักเรื่องสไลด์ แล้วคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสไลด์เหล่านั้นจะช่วยให้การนำเสนอของคุณราบรื่นขึ้นมากกว่าจะทำให้การนำเสนอติดขัด

"PowerPoint มีไว้เพื่อให้คุณเห็นภาพและช่วยให้ผู้คนจดจำแนวคิดหลักได้ ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นสคริปต์ของคุณ" Jesse กำชับ "PowerPoints ก็เหมือนโพเดียม หากคุณมีไว้และใช้เป็นก็ถือว่าเป็นประโยชน์ แต่หลายคนมักจะยึดติดอยู่กับสไลด์และทำให้พวกเขาหยุดอยู่กับที่ ทำให้คุณไม่ได้ใช้พื้นที่ของคุณและไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัว PowerPoint มันอยู่ที่วิธีที่ผู้คนใช้งานต่างหาก"

สิ่งสำคัญคืออย่านำเสนอสไลด์ที่ซับซ้อนจนทำให้ผู้คนเข้าใจยาก

"ใช้สไลด์เพื่อเน้นประเด็นสำคัญบ้างและเตรียมตั้งคำถาม" Jesse อธิบาย "สิ่งรบกวนสายตาเป็นปัญหาที่เห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นควรใช้ภาพประกอบเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะหากมีตัวหนังสือ ให้ใส่ตัวหนังสือเพียงเล็กน้อยในสไลด์ และเว้นพื้นที่ว่างไว้เพื่อให้สมองได้จดจ่อกับสิ่งสำคัญเท่านั้น"

คิดถึงเทคนิคการนำเสนอ

คิดถึงเทคนิคการนำเสนอ

ไม่ว่าแนวทางโดยรวมของคุณจะเป็นแบบใด คุณก็สามารถใช้เทคนิคการทดลองและสร้างความไว้วางใจเพื่อสื่อสารข้อความของคุณ

สำหรับการสาธิตแนวทางการตัดสินใจ เราขอยกตัวอย่างวิธีของ Jesse ที่เรียกว่ารูปแบบ 'ฉันทำ คุณทำ เราทำ' โดยเริ่มจากการสาธิตกระบวนการและขั้นตอนการคิด จากนั้นคิดตามร่วมกันในสถานการณ์ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการตัดสินใจ สุดท้าย ให้โอกาสผู้ฟังคิดสถานการณ์ที่สองด้วยตัวเอง จากนั้นจึงใช้คำถามเพื่อทำให้แน่ใจว่าพวกเขาได้ข้อสรุปที่ถูกต้องอย่างสมเหตุสมผล

หรือลองใช้วิธีแก้ไขปัญหาดังนี้

  • นึกถึงสิ่งที่คุณต้องการให้ผู้คนทำแตกต่างออกไป
  • ส่งเสริมให้ผู้ฟังเล่าปัญหาที่ต้องการแก้ไขให้คุณฟัง
  • เสนอสิ่งที่คุณต้องการให้พวกเขาทำเป็นวิธีแก้ปัญหา

Jesse อธิบายว่า "ยกตัวอย่างเช่น ในชั้นเรียนทักษะการนำเสนอของผม ผมจะตั้งคำถามว่า 'อะไรทำให้การนำเสนอน่าเบื่อ' ลองนึกถึงการนำเสนอออนไลน์ที่คุณเคยเข้าร่วมมาก่อน และพิจารณาถึงสิ่งที่ผู้พูดทำซึ่งส่งผลให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ดี"

"ผู้ฟังจะบอกคุณได้ว่าสิ่งเหล่านี้คือปัญหา ดังนั้นทุกคนจึงนึกภาพตามไปได้พร้อมกัน เมื่อคุณให้พฤติกรรมที่เปลี่ยนใหม่แล้ว คุณก็เสนอให้ใช้พฤติกรรมนี้เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ทุกคนเห็นพ้องกันแล้วว่าเป็นปัญหาที่แท้จริง"

การนำเสนอก็ออนไลน์ได้

การนำเสนอก็ออนไลน์ได้

การระบาดใหญ่ทั่วโลกได้เปลี่ยนแปลงวิธีการนำเสนอของเรา เพราะอยู่มาวันหนึ่งเราก็ต้องนั่งอยู่หน้าจอแทนการนั่งในห้องอบรมหรือห้องประชุม ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปเท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นสิ่งที่ดีกว่าเดิมได้อีกด้วย

"ทุกคนสามารถพูดได้" Jesse กล่าว "คุณมีช่องแชท ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมและถามคำถามเพื่อรับความช่วยเหลือได้ ทำให้คุณสามารถมีส่วนร่วมกับผู้คนได้มากขึ้น เพียงแค่คุณต้องใช้วิธีที่แตกต่างออกไป

"ผมคิดว่าความผิดที่ใหญ่หลวงที่สุดที่คุณทำได้ในการนำเสนอออนไลน์ และแน่นอนว่าทุกคนก็ทำ คือการบอกว่าคุณจะเปิดโอกาสให้ถามและตอบในช่วงท้าย และขอให้ผู้ฟังเก็บคำถามไว้จนกว่าจะถึงตอนนั้น"

ในการแก้ไขปัญหานี้ คุณจะต้องมีผู้ช่วยคอยเลือกคำถามจากแชท Jesse แนะนำว่า "คุณต้องมีอาสาสมัคร 1 คนต่อคนดู 50 คน" "ผมนำเสนอต่อสายตาผู้คนหลายพันคน และมีกองทัพผู้เชี่ยวชาญกลุ่มเล็กๆ คอยรับคำถามจากผู้ฟังที่เข้ามา ทำให้คุณแน่ใจได้ว่าทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่น่าประทับใจ แม้ว่าจะมีคนเข้าร่วมเป็นพันๆ ก็ตาม"

เมื่อคุณนำเสนอออนไลน์ คุณก็เปรียบเหมือนผู้กำกับที่ต้องจัดการแสดงให้เข้าที่เข้าทาง David กล่าวว่า "ระดับสายตาและศีรษะของคุณควรตรงกับผู้ฟัง คุณควรอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองตรงไปที่กล้องได้ แสงจะต้องส่องมาที่ตัวคุณจากทั้งสองทางเพื่อไม่ให้เกิดเงา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก และควรใช้พื้นหลังเรียบๆ เพื่อไม่ให้ผู้คนสนใจว่าหนังสือที่อยู่ข้างหลังคุณคือหนังสืออะไร หรือครุ่นคิดว่าต้นไม้ของคุณกำลังขาดน้ำอยู่หรือเปล่า"

"ยกมือแสดงท่าทางประกอบให้สูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ใช้ท่าทางเหล่านั้นเพื่อเน้นย้ำและจำไว้เสมอว่าผู้ฟังจะต้องเห็นได้อย่างชัดเจน"

เป็นตัวของตัวเองขณะที่นำเสนอ

เป็นตัวของตัวเองขณะที่นำเสนอ

ไม่ว่าคุณจะใช้เทคนิคอะไรก็ตาม ความสำเร็จส่วนหนึ่งก็จะมาจากความน่าเชื่อถือและความเป็นตัวของตัวเองที่คุณแสดงให้เห็น แล้วคุณจะค้นหาสไตล์การนำเสนอในแบบฉบับของคุณเองเจอได้อย่างไร

"สิ่งสำคัญประการหนึ่งเกี่ยวกับการนำเสนอคือ เราต้องเชื่อมั่นในผู้ที่พูดกับเรา" David กล่าว "เราจะเชื่อมั่นคนที่เราได้เห็นข้อบกพร่องเล็กน้อยทั้งหลายมากกว่าคนที่เรารู้สึกว่ากำลังพยายามแสดงอะไรบางอย่าง

"การสื่อสารและการนำเสนอไม่ใช่เรื่องยากอย่างวิทยาการจรวด" เขากล่าวต่อ "คุณสามารถทำเรื่องทางเทคนิคเพื่อช่วยให้คุณสื่อสารได้ดีและลื่นไหลขึ้น แต่นั่นก็เป็นแค่วินัยที่ดีเท่านั้น ไม่ได้แตกต่างจากการขับรถเท่าใดนัก

"กุญแจสำคัญไม่ใช่ความสามารถเชิงเทคนิค แต่เป็นการเคลื่อนไหว การใช้ท่าทาง และน้ำเสียงที่หนักแน่น คุณต้องเอาชนะคำถามที่ว่า 'ฉันคิดว่าฉันควรเป็นคนนำเสนอใช่ไหม' เป็นอันดับแรก หากคุณเอาชนะมันไม่ได้ หรือคิดว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่มั่นใจ คุณจะต้องจัดการกับปัญหานั้นเสียก่อน"

"ผมคิดว่าเรามักจะรู้สึกถึงความตึงเครียดที่บอกไม่ถูกระหว่างสิ่งที่คุณรู้ว่ามีประสิทธิภาพกับสิ่งที่เป็นตัวตนของคุณ" Jesse กล่าว "หากคุณโชคดีจริงๆ สิ่งที่คุณคิดทั้งสองอย่างอาจออกมาคล้ายกัน คุณต้องลองผิดลองถูก ก่อนที่คุณจะสามารถพัฒนาสไตล์ของคุณได้ นั่นเป็นสิ่งสำคัญเพราะผู้ฟังจะสามารถสัมผัสได้ถึงความไม่น่าเชื่อถือ

"เรามักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่า 'ตัวเลือกทั้งหมดสามารถใช้ได้เหมือนกัน' แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย วิธีการบางอย่างก็ได้ผล บางอย่างก็ไม่ได้ผล บางอย่างอาจเหมาะกับคุณแต่ไม่เหมาะกับคนอื่น แต่คุณต้องเรียนรู้ไปอย่างเป็นกลไก

"ดังนั้น คุณต้องค้นหาวิธีการที่ได้ผลให้ได้ก่อน จากนั้นจึงค้นหาวิธีใส่ความเป็นตัวของคุณเข้าไป"

หัวข้อที่คุณอาจสนใจ

หัวข้อที่คุณอาจสนใจ

ไม่พลาดทุกการสื่อสาร

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย คุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลดคู่มือฟรีเพื่อค้นพบกลยุทธ์หลังโควิดจากผู้นำด้านการสื่อสารระดับโลก

ดาวน์โหลดเลย
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลดคู่มือฟรีเพื่อค้นพบกลยุทธ์หลังโควิดจากผู้นำด้านการสื่อสารระดับโลก

ดาวน์โหลดเลย

โพสต์ล่าสุด

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

เคล็ดลับสำหรับกลยุทธ์การประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ

คำแนะนำเพื่อทำให้การประชุมในยุคที่สามารถทำงานได้จากทุกที่เกิดประโยชน์สูงสุด

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

กลยุทธ์การสื่อสารทางธุรกิจ และเหตุผลที่องค์กรจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้

องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์การสื่อสารของตนเองใหม่เมื่อบุคลากรเริ่มทำงานทางไกลในช่วงล็อกดาวน์ แต่ในปัจจุบัน เมื่อบุคลากรบางส่วนเริ่มกลับไปสู่ที่ทำงานแล้ว ธุรกิจจึงต้องกลับมาคิดกลยุทธ์ใหม่อีกครั้ง เรียนรู้วิธีจัดทำกลยุทธ์นี้กัน

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 7 นาที

การสื่อสารภายในองค์กรคืออะไรและคุณจะจัดการได้อย่างไร

ในยุคใหม่ที่ผู้คนสามารถทำงานได้จากทุกที่ การสื่อสารภายในองค์กรที่ดีสามารถเชื่อมต่อพนักงานเข้าด้วยกันได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และนี่คือแนวทางที่ถูกต้อง