เวลาใดที่เหมาะจะลาออกจากงานในกรณีที่คุณเป็นผู้นำ
หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดในฐานะผู้นำคือการตัดสินใจว่าเมื่อใดที่ควรจะลาออกจากงาน เมื่อ Jacinda Ardern อดีตนายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ ตัดสินใจที่จะลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อต้นปีนี้ ประชาชนต่างก็ปรบมือให้กับการสละตำแหน่งอย่างมีเกียรติของเธอ แล้วคุณสงสัยบ้างหรือไม่ว่าอะไรที่ทำให้การลาออกของเธอถูกที่ถูกเวลาขนาดนี้
การลาออกจากงานอาจเป็นกระบวนการที่ลำบากทั้งกายและใจ แต่การเข้าใจว่าเมื่อใดที่ถึงเวลาต้องก้าวต่อไปและไขว่คว้าโอกาสใหม่ๆ ก็เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาตนเองและการเติบโตในสายอาชีพเช่นกัน บางครั้ง การลาออกจากงานก็เป็นการก้าวไปข้างหน้าพอๆ กับที่เป็นการก้าวถอยหลัง ภาวะหมดไฟจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ Jacinda Ardern ก้าวออกจากตำแหน่ง แต่การตัดสินใจครั้งนี้ก็นับเป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อพรรคการเมืองและประเทศของเธอเช่นเดียวกัน
การทำความเข้าใจว่าเมื่อใดควรลาออกจากงานนั้นต้องอาศัยการทบทวนตนเองและการมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับลำดับความสำคัญและค่านิยมของคุณ ผู้นำที่มีความฉลาดทางอารมณ์ในระดับสูงจะรับรู้ได้ถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาที่ต้องลาออก และสามารถตัดสินใจได้โดยมีข้อมูลสนับสนุนที่เพียงพอ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจปัจจัยที่นำไปสู่การตัดสินใจลาออกจากบทบาทผู้นำและความสำคัญของจังหวะเวลาในการตัดสินใจ
เรียนรู้วิธีเป็นผู้นำบริษัทที่เชื่อมต่อถึงกัน
ดาวน์โหลดอีบุ๊กของเราเพื่อเรียนรู้เหตุผลที่ซีอีโอรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเป้าหมาย ความไว้วางใจ ความถูกต้อง และความซื่อสัตย์เหนือสิ่งอื่นใด
เมื่อใดที่เหมาะสมจะลาออกจากงาน
หากคุณไม่แน่ใจว่าถึงเวลาที่จะลาออกจากงานแล้วหรือยัง สิ่งสำคัญคือคุณต้องใช้เวลาพิจารณาว่าปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลาออกของคุณ เมื่อเข้าใจสัญญาณที่บ่งบอกว่าถึงเวลาที่ต้องก้าวต่อไปแล้ว คุณก็จะมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจและสามารถควบคุมเส้นทางอาชีพของตัวเองได้
ต่อไปนี้เป็นสัญญาณทั่วไปที่อาจบ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องลงจากตำแหน่งผู้นำ
คุณประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้ว
ในการเป็นผู้นำนั้น คุณต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับตัวคุณเองและประเมินความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอ หากคุณประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ในบทบาทปัจจุบันแล้ว นั่นก็คือสิ่งที่บ่งบอกว่าอาจถึงเวลาที่ต้องก้าวต่อไปเพื่อเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ได้แล้ว การตระหนักรู้เมื่อคุณได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้วนับเป็นสัญญาณว่าอาจถึงเวลาที่ต้องลาออกจากงาน โดยวัตถุประสงค์นั้นอาจจะเป็นการเปิดตัวโปรเจ็กต์ที่ประสบความสำเร็จ การบรรลุเป้าหมายส่วนบุคคลในสายอาชีพ หรือแค่รู้สึกว่าคุณได้ทำหน้าที่ในบทบาทปัจจุบันได้เต็มศักยภาพแล้ว
ค่านิยมและวัฒนธรรมของบริษัทเกิดการเปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งที่ควรนำมาพิจารณาเมื่อต้องตัดสินใจว่าจะออกจากงานหรือไม่ คือการดูว่าค่านิยมของบริษัทสอดคล้องกับค่านิยมที่คุณยึดถือหรือเปล่า หากวัฒนธรรม นโยบาย หรือแนวทางปฏิบัติของบริษัทไม่ตรงกับความเชื่อส่วนตัวของคุณอีกต่อไป คุณก็คงยากที่จะรู้สึกพึงพอใจและมีแรงจูงใจในการทำงานได้ เมื่อเกิดกรณีเหล่านี้ คุณต้องประเมินว่าการอยู่ในบทบาทปัจจุบันนั้นคุ้มค่าหรือไม่ หรือถึงเวลาที่จะต้องเดินหน้าต่อไปและหาบริษัทที่เหมาะสมกับค่านิยมส่วนตัวและค่านิยมในด้านอาชีพของคุณมากกว่า
คุณตัดสินใจที่จะเปลี่ยนงานเพื่อการพัฒนาตนเองหรือต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ
การพัฒนาตนเองและความก้าวหน้าด้านอาชีพเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจลาออกจากงานของผู้นำ หากคุณรู้สึกว่าบทบาทปัจจุบันไม่ได้เปิดโอกาสให้คุณก้าวหน้าไปมากกว่านี้หรือรู้สึกว่าจำเป็นต้องค้นหาโอกาสใหม่ๆ การลาออกจากงานก็อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
สิ่งสำคัญคือต้องไตร่ตรองถึงเป้าหมายด้านอาชีพของคุณและประเมินว่าบทบาทปัจจุบันของคุณช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายนั้นหรือไม่ หรือถึงเวลาที่จะต้องถอยกลับไปค้นหาโอกาสใหม่ๆ แล้วหรือเปล่า โดยโอกาสเหล่านั้นอาจหมายถึงการเปลี่ยนไปทำงานในอุตสาหกรรมอื่น การเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ หรือการมองหาบริษัทที่จะมอบโอกาสในการเติบโตและการพัฒนาที่มากขึ้น
บริษัทกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหรือมีการลดจำนวนพนักงาน
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญภายในบริษัทอาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องลงจากตำแหน่งผู้นำแล้ว หากบริษัทที่คุณทำงานกำลังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้าง การทำหน้าที่ในบทบาทเดิมก็อาจไม่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านอาชีพของคุณอีกต่อไป ในกรณีนี้ คุณอาจจำเป็นต้องออกจากงานเพื่อรักษาความพึงพอใจและจุดประสงค์ที่คุณตั้งเป้าเอาไว้ นอกจากนี้ คุณควรประเมินผลกระทบระยะยาวของทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างบริษัท และทำการตัดสินใจในแง่ที่จะช่วยให้คุณเติบโตและประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของคุณต่อไปได้
คุณได้รับโอกาสที่ดีกว่า
การได้รับโอกาสที่ดีกว่าเป็นเหตุผลที่จะก้าวลงจากบทบาทผู้นำโดยไม่มีข้อกังขา บทบาทใหม่อาจจะมอบโอกาสที่ดีกว่าในการบรรลุเป้าหมายด้านอาชีพ เปิดโอกาสให้คุณได้เติบโตและพัฒนามากขึ้น ทำให้คุณมีความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานที่ดีขึ้น หรือเสนอเงินเดือนที่มากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องรู้สึกมั่นใจในการเลือกเส้นทางสายอาชีพของตัวเองและคำนึงสุขภาพไว้เป็นสำคัญ
เมื่อใดที่ไม่ควรลาออกจากงาน
แม้ว่าการลาออกจากงานอาจเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในหลายๆ กรณี แต่ก็มีหลายครั้งที่การลาออกจากงานอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังเผชิญกับความท้าทายที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว คุณก็ควรขอรับการสนับสนุนมากกว่าที่จะออกจากบทบาทที่ทำอยู่
ภาวะหมดไฟเป็นปัญหาทั่วไปที่ผู้นำหลายคนต้องพบเจอ หากคุณทนรับความเครียดไม่ไหว รู้สึกเหนื่อยล้า หรือไม่สามารถทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ การลาออกจากงานก็อาจดูเหมือนเป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียว อย่างไรก็ตาม ภาวะหมดไฟมักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและสามารถแก้ไขได้ด้วยการรับการสนับสนุนที่เหมาะสม เช่น การลาพัก การขอคำปรึกษา หรือเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรการทำงานก็สามารถช่วยให้คุณเอาชนะภาวะหมดไฟและฟื้นฟูพลังและแรงจูงใจได้แล้ว หากคุณหาสาเหตุที่แท้จริงของภาวะหมดไฟไม่ได้ การลาออกจากงานก็มีแต่จะทำให้ปัญหาแย่ลงเนื่องจากคุณอาจต้องพบเจอกับความท้าทายที่คล้ายกันในการทำงานที่ใหม่
ในทำนองเดียวกัน หากคุณประสบปัญหาชั่วคราวในเรื่องอื่นๆ เช่น การเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ หรือเจอโปรเจ็กต์ที่ยาก การลาออกจากงานก็อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด สิ่งที่คุณควรทำคือหาสาเหตุของปัญหาและแก้ไขปัญหานั้น ทั้งนี้ คุณอาจจะต้องขอรับการสนับสนุนจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล การพูดคุยกับหัวหน้า หรือเปลี่ยนแนวทางในการจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าว เมื่อคุณก้าวผ่านความท้าทายเหล่านี้ไปได้ คุณก็จะสามารถเพิ่มพูนความยืดหยุ่นปรับตัวและทักษะในการแก้ปัญหา ซึ่งจะทำให้คุณกลายมาเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
วิธีลาออกจากงาน: ทีละขั้นตอน
เมื่อคุณได้ตัดสินใจแล้วว่าถึงเวลาที่จะก้าวหน้าต่อไป ส่วนนี้เราจะพูดถึงขั้นตอนที่ช่วยให้คุณลาออกอย่างมีศักดิ์ศรี พร้อมกับเตรียมตัวคุณให้พร้อมที่จะก้าวเข้าสู้ถนนสายอาชีพเส้นถัดไป
1. เป็นมืออาชีพเข้าไว้
เมื่อคุณลาออกจากงานในขณะที่เป็นผู้นำ ให้พึงระลึกไว้เสมอว่าคุณต้องทำตัวเป็นมืออาชีพ รวมถึงช่วยให้ทีมและองค์กรของคุณเกิดการหยุดชะงักน้อยที่สุดหากทำได้ ซึ่งหมายรวมถึงการแจ้งให้ทราบอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการมองในแง่ลบ และคิดแต่สิ่งดีๆ ไปตลอดกระบวนการลาออก
การเป็นมืออาชีพจะช่วยให้คุณสามารถรักษาชื่อเสียงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณเองในอนาคต
2. บอกทีมให้เตรียมพร้อมสำหรับการลาออกของคุณ
ในฐานะผู้นำ การลาออกของคุณอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อทีม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเตรียมคนในทีมให้พร้อมสำหรับการลาออกของคุณ คุณสามารถทำได้โดยแจ้งเกี่ยวกับแผนของคุณให้ทีมทราบ ตอบคำถามของพวกเขาด้วยความซื่อสัตย์ และช่วยให้พวกเขาเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณลาออกไป
นอกจากนี้ คุณยังอาจต้องให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่ทีมในช่วงรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนผ่าน เช่น ช่วยหาผู้นำหรือโค้ชมาทำหน้าที่แทนชั่วคราวขณะรอคนที่จะมารับตำแหน่งแทนอย่างถาวร
3. ตัดสินใจว่าคุณต้องทำอะไรให้สำเร็จก่อนที่จะลาออก
ก่อนที่คุณจะลาออกจากงาน อย่าลืมประเมินว่าคุณยังสามารถทำอะไรให้เสร็จก่อนลาออกได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรเจ็กต์ที่กำลังดำเนินการอยู่ให้เสร็จ การนำเสนอข้อมูล หรือการฝึกอบรมผู้รับช่วงต่อ
การมุ่งเน้นสะสางความรับผิดชอบที่คั่งค้างอยู่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าตนเองยุติบทบาทลงอย่างมีเกียรติและช่วยให้ทีมของคุณรู้สึกว่าคุณไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา
4. เตรียมผู้รับช่วงต่อให้พร้อมประสบความสำเร็จ
หากมีการกำหนดผู้รับช่วงต่อของคุณไว้แล้ว คุณก็มีหน้าที่รับผิดชอบในการเตรียมความพร้อมให้บุคคลนั้นมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการประสบความสำเร็จ ซึ่งอาจรวมถึงการฝึกอบรม การให้การสนับสนุนและแหล่งข้อมูล ตลอดจนช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงความท้าทายที่อาจต้องพบเจอในบทบาทใหม่
การให้การสนับสนุนผู้รับช่วงต่อจะช่วยทำให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นและส่งผลดีต่อองค์กร
5. ทิ้งแต่สิ่งดีๆ เอาไว้ (และใช้สิ่งนั้นเพื่อหางานในตำแหน่งใหม่)
สิ่งที่คุณสร้างไว้ในฐานะผู้นำเป็นส่วนสำคัญของชื่อเสียงในด้านวิชาชีพของคุณ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณาว่าคุณได้สร้างประโยชน์ให้กับองค์กรไว้อย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะหมายรวมถึงการนำโครงการคิดริเริ่มใหม่ๆ ไปปรับใช้ การสร้างกระบวนการให้เข้าที่เข้าทาง หรือการพัฒนาผู้มีศักยภาพ
วิธีจะช่วยคุณสร้างชื่อเสียงในเชิงบวก รวมถึงคุณยังจะสามารถใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงที่มีเมื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ได้ เพราะคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าเมื่อใดที่คุณอาจต้องใช้บุคคลอ้างอิงในอนาคต
6. ลาออกอย่างมีความสุข
การออกจากงานอย่างมีเกียรติและทิ้งความประทับใจดีๆ เอาไว้เป็นเรื่องที่คุณควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งอาจหมายรวมถึงหลากหลายสิ่งขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมบริษัทของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบรายงานขั้นสุดท้ายหรือพาทีมของคุณไปฉลองเพื่อขอบคุณสำหรับการทุ่มเททำงานหนักตลอดมา พึงจำไว้ว่าความพยายามเพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยรักษาสายสัมพันธ์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อคุณในอนาคตได้อย่างมาก
อ่านต่อ:
โพสต์ล่าสุด
ความเป็นผู้นำ | ใช้เวลาอ่าน 7 นาที
การเป็นผู้นำที่ส่งเสริมความร่วมมือคืออะไรและจะช่วยให้ทีมของคุณใกล้ชิดกันได้อย่างไร
ผู้นำที่ส่งเสริมความร่วมมือเชื่อมั่นในการรวมทีมที่มีความหลากหลายเข้าด้วยกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร แก้ไขปัญหาต่างๆ รวมไปถึงแบ่งปันข้อมูลระว่างกัน แต่จริงๆ แล้ว การจะเป็นผู้นำที่ส่งเสริมความร่วมมือได้มากขึ้นนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง เรามาสำรวจสิ่งนี้ไปด้วยกัน
วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที
วัฒนธรรมในที่ทำงาน: นิยามและวิธีสร้างผลลัพธ์เชิงบวกในองค์กรของคุณ
เมื่อการระบาดใหญ่ทั่วโลกทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานไปอย่างสิ้นเชิง การสร้างวัฒนธรรมในที่ทำงานในเชิงบวกกลายจึงเป็นสิ่งสำคัญเร่งด่วนสำหรับธุรกิจไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม เรามาดูสิ่งที่คุณสามารถทำได้กัน