วิธีให้รางวัลและสร้างแรงจูงใจให้กับบุคลากรหน้างาน
บุคลากรหน้างานอาจเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร ถ้าเช่นนั้น คุณจะให้รางวัลและสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานที่ไม่มีโต๊ะทำงานพร้อมช่วยให้พวกเขาพ้นจากความอึดอัดใจและภาวะหมดไฟได้อย่างไร เราจะมาค้นหาคำตอบกัน


มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เราเรียกบุคลากรหน้างานว่า 'แรงงานที่สำคัญ' ทว่าพนักงานคนสำคัญเหล่านี้ก็มักจะทำงานหนักเกินไป ได้รับค่าจ้างไม่คุ้มแรง และไม่ค่อยมีใครมองเห็นคุณค่า ปีที่แล้ว มีบุคลากรหน้างาน 57% วางแผนที่จะออกจากงานเพื่อไปทำงานที่ได้รับค่าตอบแทนดีกว่า และบุคลากรหน้างาน 45%1 กำลังพิจารณาที่จะเลิกเป็นบุคลากรหน้างานโดยสิ้นเชิง โดยสาเหตุหลักมาจากความอึดอัดใจที่เกิดจากการขาดการสนับสนุนด้านสุขภาวะ การขาดการมีส่วนร่วม และการไม่ได้รับการชื่นชม
องค์กร 88% ต้องพึ่งพาบุคลากรหน้างาน2 ซึ่งนั่นก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผู้บริหารระดับสูงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในด้านการสร้างแรงจูงใจและให้การสนับสนุนพนักงานคนสำคัญเหล่านี้เพื่อรักษาพนักงานไว้กับองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ
Rachel Carlson ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Guild Education กล่าวกับ Forbes ว่า "ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้พิสูจน์แล้วว่าเมื่อบริษัทต่างๆ ลงทุนกับบุคลากรหน้างาน บริษัทเหล่านั้นจะดึงดูดผู้คนให้มาทำงานและอยู่ต่อกับบริษัทมากขึ้น พร้อมช่วยให้อัตราการทำงานต่อ อัตราการจ้างงาน ตลอดจนอัตราการเติบโตสูงขึ้น และยังทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นด้วย"
การระบาดใหญ่ทั่วโลกได้ทำให้บุคลากรหน้างานตระหนักในคุณค่าของตนเองมากขึ้น และต่อแต่นี้ไป บุคลากรหน้างานก็จะมีทางเลือกมากมายเพราะหลายๆ ที่มีความต้องการบุคลากรหน้างานสูง หากปัจจุบันพนักงานเหล่านี้สามารถเลือกสถานที่ทำงานได้ และความสำเร็จของธุรกิจคุณขึ้นอยู่กับคุณภาพชีวิต การเติบโต และการพัฒนาของพวกเขา ฉะนั้นการให้รางวัลและการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคลากรหน้างานก็เป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่ง
เรียนรู้วิธีพลิกโฉมประสบการณ์ของพนักงาน
ดาวน์โหลดคู่มือของเราแล้วเริ่มต้นให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของพนักงานในขณะที่ธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินกิจการต่อกันได้เลย









ทำไมบุคลากรหน้างานจึงเป็นพนักงานกลุ่มที่สำคัญมาก
บุคลากรหน้างานคิดเป็น 52% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา และคิดเป็น 33% ในสหราชอาณาจักร พนักงานเหล่านี้มีตั้งแต่พยาบาล คนขับรถบัส และพนักงานในโรงงาน การระบาดใหญ่ทั่วโลกนี่เองที่เน้นย้ำว่าบุคลากรหน้างานมีความสำคัญมากเพียงใด เนื่องจากพวกเขาไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการทำให้สิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันดำเนินไปได้เท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้สังคมและเศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้ด้วย
แม้ว่ากลยุทธ์ทางการตลาดและการขายอาจต้องนำไปหารือกันในห้องกรรมการบริหาร แต่บุคลากรหน้างานเป็นหน้าเป็นตาให้กับองค์กรของคุณ ซึ่งเป็นตัวแทนของพันธกิจและค่านิยมของบริษัท พนักงานกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรกที่ลูกค้าโต้ตอบด้วยเมื่อมีส่วนร่วมกับแบรนด์ และความประทับใจแรก รวมถึงปฏิสัมพันธ์ที่ตามมานี่เองที่จะแสดงให้ลูกค้าเห็นภาพลักษณ์ของธุรกิจและช่วยกระตุ้นยอดขาย
พนักงานที่มีส่วนร่วมและกระตือรือร้นจะมีประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้นและจะช่วยสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ นอกจากนั้นแล้ว บุคลากรหน้างานยังมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าโดยตรงอีกด้วย ใครจะรู้จักลูกค้าของคุณดีไปกว่าคนที่โต้ตอบกับลูกค้าทุกวันล่ะ จริงไหม ความเห็นของบุคลากรหน้างานทำให้เกิดความสมดุลระหว่างความรู้เกี่ยวกับสินค้า/บริการและความประสงค์ที่จะซื้อ/การดำเนินการของลูกค้า
Carhartt แบรนด์เครื่องแต่งกายสำหรับใส่กลางแจ้งมีรากฐานมาจากแนวทางจากภายนอกสู่ภายในดังกล่าว บริษัทเริ่มก่อตั้งในปี 1889 เมื่อ Hamilton Carhartt เริ่มจำหน่ายชุดเอี๊ยมสำหรับพนักงานที่ทำงานบนรถไฟโดยอาศัยการพูดคุยแบบตรงไปตรงมากับลูกค้าของเขา และในปัจจุบัน บริษัทก็ยังคงรักษาความใกล้ชิดกับลูกค้าเอาไว้โดยการลงไปที่หน้างานอย่างต่อเนื่องเพื่อดูว่าพนักงานที่ทำงานหนักใช้ชุดใส่ทำงานที่ทนทานเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง Brian Bennett รองประธานฝ่ายครีเอทีฟกล่าวกับ Forbes ในปี 2020 ว่า "สิ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณมากสำหรับปีนี้คือการที่ทุกคนยกย่องชื่นชมแรงงานที่สำคัญ นั่นเป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด เราพร้อมเสมอที่จะรับใช้และปกป้องเหล่าพนักงานที่ทำงานหนักทุกคน เมื่อปี 1889 เราทำอย่างไร ปัจจุบันเราก็ยังทำแบบนั้นอยู่"
ทำไมการสร้างแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมกับบุคลากรหน้างานจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เปอร์เซ็นต์ของพนักงานที่รู้สึกได้รับแรงสนับสนุนและได้รับการเห็นคุณค่าเพิ่มขึ้นถึง 41% แต่ถึงกระนั้น พนักงานกว่า 1 ใน 2 ก็กำลังวางแผนที่จะลาออก โดยมีทั้งที่ย้ายไปรับตำแหน่งที่มีรายได้ดีกว่าหรือเลิกเป็นบุคลากรหน้างานเพื่อเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นแทน
การลาออกครั้งใหญ่ทำให้เกิดตำแหน่งว่างเกือบ 11 ล้านตำแหน่งในองค์กรธุรกิจในอเมริกา ส่วนในยุโรป อุตสาหกรรมการก่อสร้างและการขายปลีกก็เป็นอุตสาหกรรมที่กำลังมีอัตราตำแหน่งงานว่างหลังการระบาดใหญ่ทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ แบบสำรวจจาก Workplace by Meta พบว่า 68% ของผู้นำธุรกิจกำลังพบเจอหรือคาดว่าจะพบเจอกับอัตราการออกจากงานของบุคลากรหน้างานในระดับสูง
แม้ว่าบุคลากรหน้างานจะได้รับค่าจ้างต่ำ มีสภาพการทำงานที่ย่ำแย่ และไม่มีความก้าวหน้าในอาชีพมาตั้งแต่ก่อนการระบาดใหญ่ทั่วโลกของโควิด-19 แล้ว แต่ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้ทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากพนักงานต้องทำงานเป็นเวลานานขึ้นและความต้องการบุคลากรหน้างานเนื่องจากการระบาดใหญ่ทั่วโลกก็มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง 70% ของบุคลากรหน้างานกล่าวว่าพวกเขาต้องทนทุกข์กับการเกิดภาวะหมดไฟหรือรู้สึกว่าตนมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหมดไฟเนื่องจากภาระงานที่เพิ่มขึ้น เวลาทำงานที่ยาวนาน ไม่มีการเพิ่มค่าจ้าง พนักงานไม่เพียงพอ และความกลัวที่จะสูญเสียรายได้
พนักงานที่รู้สึกทรมานจากภาวะหมดไฟและการขาดแคลนพนักงานเป็นปัญหาที่น่ากังวลในแง่ของผลิตภาพและประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม Harvard Business Review ระบุว่า การทำให้อัตราการทำงานต่อเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยก็อาจให้ผลตอบแทนที่สูงได้ "การคำนวณคร่าวๆ" ของพวกเขาพบว่า การรักษาบุคลากรหน้างานให้ทำงานต่อเพิ่มขึ้นเพียง 1% จากบุคลากรหน้างาน 5,000 คนจะทำให้ธุรกิจประหยัดเงินได้ประมาณ 2.5 ล้านดอลลาร์ต่อปี
การให้รางวัลแก่บุคลากรหน้างาน
ภายหลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก บริษัทหลายแห่งและรัฐบาลหลายประเทศได้เสนอ 'โบนัสในช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลก' เพื่อเป็นรางวัลสำหรับการทำงานแก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐ Hostess ซึ่งเป็นบริษัทผลิตขนมหวานในอเมริกาเหนือ3ได้มอบรางวัลเป็นโบนัสสูงถึง 750 ดอลลาร์ให้แก่พนักงานในร้านเบเกอรี่และพนักงานในศูนย์กระจายสินค้าเกือบ 2,000 คน ทั้งนี้เพื่อเป็นการขอบคุณที่พนักงานทำงานหนักในช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลก
ในยุโรป EPSU (European Federation of Public Service Unions หรือ สหพันธ์บริการสาธารณะแห่งสหภาพยุโรป) ประมาณการในปี 2020 ว่ามีประเทศที่ให้รางวัลเป็นเงินแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประมาณ 15 ประเทศ ในปี 2021 สาธารณรัฐไอร์แลนด์ได้มอบเงินที่จ่ายให้ครั้งเดียวแบบปลอดภาษีจำนวน 1,000 ยูโรแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ทำงานอยู่ในแนวหน้า รวมถึงพนักงานทำความสะอาด นักศึกษาพยาบาล และบุคลากรทางการทหารที่ไปทำงานในศูนย์ฉีดวัคซีน
แต่คำถามก็คือ การให้รางวัลเป็นเงินแบบจ่ายครั้งเดียวนี้เพียงพอที่จะรักษาพนักงานไว้ในระยะยาวหรือไม่ Pablo Sánchez จาก EPSU เตือนเกี่ยวกับโบนัสในช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลกว่า "เป็นเรื่องดีที่บุคลากรหน้างานได้รับเงินมากขึ้น แต่ปัญหาคือเงินนั้นมักจะให้เพียงครั้งเดียว ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าคุณจ่ายเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จากนั้นพนักงานก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมๆ แต่มีภาระงานเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะสำหรับภาคส่วนด้านการให้การดูแลซึ่งมีคุณวุฒิต่ำกว่า เป็นผู้หญิงมากกว่า และมีค่าแรงต่ำ"
7 วิธีในการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคลากรหน้างาน
เมื่อการลาออกครั้งใหญ่ไม่สามารถหยุดได้แล้ว นายจ้างก็จำเป็นต้องพยายามจัดการกับข้อกังวลหลักของบุคลากรหน้างานให้มากขึ้น ปัญหาด้านความเสมอภาค ความรู้สึกได้รับการเห็นคุณค่า และการได้รับการดูแลเอาใจใส่ล้วนไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการแสดงความปรารถนาดีหรือการให้รางวัลเพียงครั้งเดียว กล่าวคือ องค์กรต้องเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาและลงทุนในอนาคตของบุคลากรหน้างาน
ช่วยให้พนักงานรู้สึกได้รับการสนับสนุน
หากพนักงานรู้สึกว่าตัวเองเหมือนฟันเฟืองเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญในเครื่องจักรธุรกิจขนาดใหญ่ พวกเขาก็จะไม่มีเป้าหมาย ไม่พยายามบรรลุเป้าหมายนั้น และไม่มีศักยภาพในงานนั้นๆ อย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นก็มีบุคลากรหน้างานเพียง 57% เท่านั้นที่บอกว่าพวกเขารู้สึกได้รับการสนับสนุนให้เสนอไอเดียและวิธีการทำงานใหม่ๆ
ความมีอิสระและการมีสิทธ์ออกความคิดเห็นเป็นตัวขับเคลื่อนแรงจูงใจที่สำคัญของพนักงาน ดังนั้นการมีส่วนร่วมกับบุคลากรหน้างานอย่างสม่ำเสมอควรเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด การพบปะพูดคุยแบบตัวต่อตัว แบบทดสอบความพึงพอใจ และการแชทออนไลน์ล้วนเป็นการเปิดบทสนทนาทั้งสิ้น ธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากความรู้โดยตรงเกี่ยวกับสินค้า/บริการและพฤติกรรมของลูกค้าจากบุคลากรหน้างาน และพนักงานก็จะเข้าใจบริษัทในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นและรู้สึกว่าตนมีคุณค่าจากการมีส่วนร่วม
ลงทุนกับการเรียนรู้และการเติบโต
คุณอาจคิดว่าถ้าอัตราการลาออกของพนักงานอยู่ในระดับสูง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนในการฝึกอบรมและการพัฒนาพนักงาน ทว่าการลงทุนในเรื่องดังกล่าวมีความคุ้มค่ากว่าการเปลี่ยนพนักงานบ่อยๆ ทั้งยังเป็นโอกาสให้พนักงานได้เพิ่มพูนทักษะ ซึ่งนับว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาผู้มีความสามารถเอาไว้กับองค์กร บุคลากรหน้างาน 43% ไม่คิดว่าตนมีโอกาสในการเติบโตในบทบาทปัจจุบัน และ 54% บอกว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปรับตำแหน่งบุคลากรหน้างานอื่นๆ หากตำแหน่งนั้นมอบโอกาสในการเรียนรู้มากกว่า
ความก้าวหน้าในอาชีพการงานของบุคลากรหน้างานและพนักงานในสำนักงานนั้นมีความแตกต่างกันมาก ดังนั้นบริษัทต่างๆ จำเป็นต้องสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น การมอบโอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ๆ และการได้รับความรู้จะเป็นแรงจูงใจที่สำคัญสำหรับบุคลากรหน้างาน การลงทุนในการเรียนรู้และการพัฒนาเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในด้านอาชีพการงานไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับบุคลากรหน้างานมากเพียงใดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้บุคลากรหน้างานทำงานได้อย่างชาญฉลาดขึ้น รู้สึกได้รับการเติมเต็มมากขึ้น และมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น
ให้ความสำคัญกับสุขภาวะและความปลอดภัย
ตลอดช่วงการระบาดใหญ่ทั่วโลก เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบุคลากรหน้างานได้รับการปกป้องทางร่างกายและจิตใจน้อยที่สุด แม้จะอยู่ภายใต้ความกดดันในที่ทำงานมากที่สุด Fortune ระบุว่า ความเป็นอยู่ที่ดีของบุคลากรหน้างานคือเทรนด์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะหยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมของบริษัทเท่านั้น แต่ยังเป็นตัววัดความสำเร็จด้วย
ภาวะหมดไฟเป็นปัญหาที่บุคลากรหน้างานจำนวนมากต้องเผชิญกันอยู่ และสวัสดิภาพและความปลอดภัยก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้ พนักงานคาดหวังให้ผู้นำธุรกิจให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายโดยการจัดหาแหล่งข้อมูลและมอบกระบวนการพัฒนา แพลตฟอร์มประสบการณ์ของพนักงานเกิดขึ้นมาเพื่อทำเรื่องดังกล่าว โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างช่องทางการมีปฏิสัมพันธ์และระบุปัญหา เช่นเดียวกับที่คุณดำเนินการกับการขายสินค้า
ให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเท่าเทียมกัน
บุคลากรหน้างานเพียง 55% เท่านั้นที่บอกว่าตนรู้สึกเชื่อมโยงกับสำนักงานใหญ่ขององค์กร และ 51% คิดว่าองค์กรมองว่าพวกเขามีความสำคัญน้อยกว่าพนักงานในสำนักงานใหญ่ ผู้บริหารระดับสูงยอมรับในเรื่องนี้ โดย 59% ของผู้จัดการในสำนักงานใหญ่กล่าวว่า การระบาดใหญ่ทั่วโลกทำให้พวกเขาตระหนักว่าการสื่อสารของตนนั้น 'เอื้อต่อพนักงานในสำนักงานมากกว่า' มากเพียงใด
การสร้างการเชื่อมต่อที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างบุคลากรหน้างานและผู้นำเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มความโปร่งใสและกระตุ้นการสื่อสารไปทั่วทั้งภาคธุรกิจ การสื่อสารมีความสำคัญเช่นเดียวกับการได้รับความไว้วางใจจากบุคลากรหน้างานที่รู้สึกว่าตนไม่ได้มาจากสำนักงานใหญ่ขององค์กร เนื่องจากการสื่อสารที่ดีขึ้นจะช่วยให้การแพร่กระจายค่านิยมของบริษัทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น
ปรับปรุงการเชื่อมต่อให้ดีขึ้นและส่งเสริมให้ทำงานร่วมกัน
61% ของบุคลากรหน้างานอยากจะเชื่อมต่อกับภาคส่วนอื่นๆ ในองค์กรมากขึ้นผ่านเครื่องมือและเทคโนโลยีสำหรับการทำงานร่วมกัน การส่งข้อความ การโทร และการใช้แอพส่งข้อความเป็นวิธีการสื่อสารที่บุคลากรหน้างานใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่มีเพียง 46% เท่านั้นที่ใช้แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Workplace
ความสามารถในการแชร์ข้อมูลและข่าวสารนั้นมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่บุคลากรหน้างานและพนักงานในสำนักงานใหญ่ไม่ได้ทำงานอยู่ในที่เดียวกัน องค์กรควรใช้เทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการของบุคลากรหน้างาน กล่าวคือ เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ เข้าถึงได้จากทุกที่ มีความยืดหยุ่นเพื่อให้เข้ากับตารางเวลาที่เปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ และใช้รูปแบบการนำเสนอที่หลากหลาย เช่น วิดีโอและโพลล์
ทำให้พนักงานไว้วางใจในฐานะผู้นำ
Eduardo Leite ประธานคณะกรรมการบริหารของ Baker & McKenzie กล่าวว่า "ความไว้วางใจเป็นองค์ประกอบที่บริษัทจำเป็นต้องเข้าใจ รวมถึงต้องได้รับการจัดการและบ่มเพาะเพื่อที่จะประสบความสำเร็จด้วย" แต่ผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรหน้างานมองความไว้วางใจแตกต่างกันอย่างมาก โดย 99% ของผู้บริหารระดับสูงเชื่อว่าพนักงานไว้วางใจตนเอง ในขณะที่มีบุคลากรหน้างานเพียง 25% เท่านั้นที่ไว้วางใจว่าองค์กรของตนเปิดเผยข่าวสารของบริษัทอย่างโปร่งใสจริงๆ
การได้รับความไว้วางใจไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่การเปิดบทสนทนา การมีความโปร่งใส และการให้อิสระมากขึ้นนั้นถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี และความไว้วางใจนี้เองที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น ทำให้พนักงานให้ทำงานต่อกับองค์กรมากขึ้น และทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานของบุคลากรหน้างานและประสบการณ์ของลูกค้าก็ดีขึ้นตามไปด้วย
ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
เราทุกคนทราบดีว่าเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยสนับสนุนพนักงานและสร้างการเชื่อมต่อไปทั่วทั้งธุรกิจได้มากขนาดไหน โควิด-19 เป็นตัวเร่งให้องค์กรต้องนำการสื่อสารทางดิจิทัลมาใช้ เนื่องจากการสื่อสารดังกล่าวกลายมาเป็นส่วนสำคัญในด้านสุขภาพและความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน และตอนนี้ทุกคนก็ตระหนักมากขึ้นว่าเทคโนโลยีสามารถพลิกโฉมประสบการณ์ของพนักงานได้อย่างมาก
80% ของบุคลากรหน้างานเชื่อว่าคุณภาพของเทคโนโลยีในที่ทำงานเป็นตัวกำหนดประสบการณ์ของพนักงาน และ 52% กล่าวว่าพวกเขาจะย้ายงานหากงานนั้นมีการเข้าถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพดีกว่า
สุขภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงานล้วนขึ้นอยู่กับการมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหตุผลในการทำให้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ดีเป็นมาตรฐานสำหรับบุคลากรหน้างานนั้นง่ายมาก นั่นก็คือ การทำให้ชีวิตของบุคลากรหน้างานง่ายขึ้นจะช่วยทำให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น ความกดดันในการทำงานลดลง ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหมดไฟน้อยลง และและช่วยให้คุณรักษาบุคลากรหน้างานผู้มีความสามารถเอาไว้ได้
สิ่งที่คุณอาจสนใจ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ
รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน
เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว
โพสต์ล่าสุด

การมีส่วนร่วมของพนักงาน | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที
การมีส่วนร่วมของพนักงานคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อองค์กรของคุณ
การมีส่วนร่วมของพนักงานส่งผลต่อทุกสิ่ง นับตั้งแต่ผลิตภาพไปจนถึงความสุขในการทำงาน เรียนรู้เกี่ยวกับปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน และวิธีสังเกตเมื่อพนักงานรู้สึกไม่มีส่วนร่วมกับการทำงาน