วิธีสร้างความร่วมมือในทีม

แนวทางการทำงานร่วมกันสามารถช่วยให้พนักงานของคุณทำงานอย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น สร้างสรรค์กว่าเดิม และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ นี่คือวิธีทำให้กลยุทธ์ความร่วมมือในทีมของคุณประสบความสำเร็จ

ความร่วมมือในทีม | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที
team collaboration - Workplace from Meta

ความร่วมมือในทีมมีความสำคัญ เพราะถ้าทำได้สำเร็จ คุณก็จะสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลแก่องค์กรของคุณ ทีมงานที่ทำงานร่วมกันจะเป็นผู้แก้ปัญหาที่กระตือรือร้น มีประสิทธิภาพ และมีความสร้างสรรค์ ข้อดีของการทำงานร่วมกันอื่นๆ ได้แก่ พนักงานที่มีส่วนร่วมและมีความมุ่งมั่นมากกว่า ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น และผลลัพธ์ทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าองค์กรต่างๆ จะพูดถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีมและทักษะในการทำงานร่วมกัน แต่การจะทำให้ได้เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป แม้แต่ก่อนการระบาดใหญ่ทั่วโลก ก็มีบริษัทเพียง 14% เท่านั้นที่มั่นใจว่ากระบวนการภายในสำหรับการทำงานร่วมกันและการตัดสินใจของตนนั้นมีประสิทธิภาพ นี่คือจุดที่กลยุทธ์การทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพจะเข้ามามีบทบาทมากกว่าที่เคย

วิธีช่วยให้บุคลากรหน้างานทำงานร่วมกันได้

บุคลากรหน้างานสามารถมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าได้ แต่คุณจำเป็นจะต้องเชื่อมต่อและให้การสนับสนุนพวกเขา ดาวน์โหลดรายการตรวจสอบนี้และศึกษาวิธีการ

ความร่วมมือในทีมคืออะไร

ความร่วมมือในทีมคืออะไร

การเข้าใจว่าอะไรคือความร่วมมือในทีมและอะไรที่ไม่ใช่ความร่วมมือในทีมนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ความร่วมมือในทีมเกิดขึ้นเมื่อผู้คนที่มีทักษะที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกันมาทำงานด้วยกันในโปรเจ็กต์หรืองาน และทำงานในลักษณะที่ร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง ความรับผิดชอบและความพยายามที่มีร่วมกันนี่เองที่เป็นความแตกต่างระหว่างการทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีม

โดยในทั้งสองกรณี กลุ่มคนหนึ่งๆ จะทำงานโดยมีเป้าหมายร่วมกัน แต่ในการทำงานเป็นทีม ผู้คนจะทำหน้าที่ของตนในฐานะบุคคล ส่วนในการทำงานร่วมกัน ผู้คนจะหารือเกี่ยวกับงานค้นพบวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน กระบวนการของความร่วมมือในทีมประกอบด้วยการตั้งเป้าหมาย การตัดสินใจว่าใครจะรับผิดชอบอะไร การเสริมสร้างความสัมพันธ์ และการสื่อสารแบบพูดคุยกันโดยไม่ตัดสินผู้อื่น

สิ่งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมพอๆ กับองค์กร โดยมีความยืดหยุ่นและความเปิดกว้างที่มากขึ้น อีโก้ที่น้อยลง และกรอบความคิดที่กระตือรือร้นในการให้ความร่วมมือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของทีมที่ทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง

อีกทั้งความร่วมมือในทีมยังเหมาะกับโครงสร้างที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นของที่ทำงานสมัยใหม่ ซึ่งคำถามแบบเดิมๆ ที่ว่า "คุณทำงานให้ใคร" ถูกแทนที่ด้วยคำถามที่ว่า "คุณทำงานกับใคร"

team collaboration

ความร่วมมือในทีมที่ดีขึ้นจะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ

ความร่วมมือในทีมมีข้อดีอย่างไร

ความร่วมมือในทีมมีข้อดีอย่างไร

องค์กรต่างๆ ตระหนักดีว่าการที่ผู้คนทำงานร่วมกันมีความสำคัญต่อความสำเร็จ โดยธุรกิจ 94% กล่าวว่า 'ความคล่องตัวและการทำงานร่วมกันเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโต' แล้วความร่วมมือในทีมจะทำให้งานดีขึ้นได้อย่างไรกันแน่ นี่คือ 5 วิธีที่ช่วยให้เป็นเช่นนั้น

  1. ความร่วมมือในทีมและผลิตภาพ

    รายงานของ Deloitte กล่าวว่า พนักงานทำงานได้เร็วขึ้น 15% โดยเฉลี่ยเมื่อพวกเขาทำงานร่วมกัน และเมื่อมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้จัดทำชุดการศึกษาเรื่องการทำงานร่วมกัน มหาวิทยาลัยก็พบว่าคนที่ได้รับการปฏิบัติราวกับว่าพวกเขากำลังทำงานร่วมกันสามารถทำงานที่ท้าทายได้นานขึ้นถึง 64% ประสิทธิภาพการทำงานและการมีส่วนร่วมก็ดีขึ้นเช่นกัน กล่าวคือ ผู้คนให้ความสนใจและจดจ่อกับสิ่งที่พวกเขาทำมากขึ้นและรู้สึกเหนื่อยล้าน้อยลง

    และสิ่งที่น่าสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่หลายๆ ทีมยังคงทำงานจากทางไกลเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ก็คือ ผู้คนในการศึกษานี้อยู่กันคนละที่ แต่การศึกษาได้ปฏิบัติเหมือนว่าพวกเขาอยู่ที่เดียวกัน ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ในเชิงบวกว่าการทำงานร่วมกันไม่จำเป็นต้องอาศัยความใกล้ชิดกันจริงๆ

  2. การมีส่วนร่วมของพนักงาน

    พนักงานที่มีส่วนร่วมมีผลิตภาพดีกว่า มีผลงานที่ดีขึ้น และมีแนวโน้มที่จะอยู่กับองค์กรนานขึ้น อีกทั้งการทำงานร่วมกันก็ยังมีบทบาทสำคัญในการมีส่วนร่วมด้วย กล่าวคือ ผู้คนมักต้องการใช้ทักษะที่เกื้อหนุนผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการทำงาน การวิจัยแสดงให้เห็นว่าพนักงานจำนวนสูงสุด 20% มีความพึงพอใจมากขึ้นเมื่อตนมีเครื่องมือที่ช่วยให้ทำงานร่วมกันได้

    แต่แม้ว่าการทำงานร่วมกันจะเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงานได้ การทำงานแบบตัวใครตัวมันก็ส่งผลเสียเช่นกัน โดยร้อยละ 86 ของพนักงานและผู้บริหารกล่าวว่า การขาดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเป็นหนึ่งในสาเหตุของความล้มเหลวในที่ทำงาน เหตุผลนี้ทำให้ทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน ไม่ใช่แค่สิ่งที่มีไว้ก็ดีเท่านั้น

  3. ความคิดสร้างสรรค์

    วิธีคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกัน โดยพนักงานจะมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น 60% เมื่อทำงานร่วมกัน และนั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย

    ทีมที่ทำงานร่วมกันจะประกอบด้วยคนที่มีภูมิหลังต่างกันซึ่งมีแนวคิด ประสบการณ์ และทักษะที่หลากหลายเพื่อสำรวจมุมมองใหม่ๆ เนื่องจากผู้คนทำงานด้วยกัน พวกเขาจึงรู้สึกไม่ค่อยกลัวที่จะทดลองและทำอะไรเสี่ยงๆ ลองคิดดูว่าถ้าคุณสามารถทำให้ผู้คนทำงานร่วมกันทั่วทั้งองค์กรได้ดูสิ ถ้าทำได้ คุณจะช่วยทำลายการขาดการสื่อสารที่คอยขัดขวางการสร้างสรรค์ ช่วยแบ่งปันความรู้ และคิดหาวิธีแก้ไขที่ได้ผลสำหรับทั้งธุรกิจ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและเงินให้กับคุณ

    ทว่าการทำงานร่วมกันไม่ใช่แค่เรื่องของคนในที่ทำงานเดียวกันเท่านั้น อย่างที่บริษัทที่ชอบสรรค์สร้างอะไรใหม่ๆ มักจะร่วมสร้างผลิตภัณฑ์และบริการกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์จากภายนอก

  4. ความเป็นอยู่ที่ดี

    ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานมีความสำคัญต่อทั้งการมีส่วนร่วมและผลิตภาพ และความร่วมมือในทีมสามารถช่วยส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีได้โดยการกระตุ้นให้ผู้คนสร้างความสัมพันธ์ เรียนรู้จากกันและกัน และให้การสนับสนุนและคำแนะนำแก่กัน

    การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เกิดสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย MIND องค์กรการกุศลด้านสุขภาพจิตแห่งสหราชอาณาจักรแนะนำบริษัทที่ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกันให้ส่งเสริมและสนับสนุนวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน การทำงานเป็นทีม และการแบ่งปันข้อมูล

    โดยที่ความเอาใจใส่ในการให้ความสนับสนุนเป็นกุญแจสำคัญที่สุด แม้ว่าการทำงานแบบตัวใครตัวมันจะทำให้รู้สึกแปลกแยก แต่การทำงานเป็นทีมก็อาจกดดันพนักงานจนทำให้รู้สึกกังวลได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้จัดการจะต้องทราบถึงเรื่องนี้และตรวจสอบว่าปริมาณงานจะไม่มากเกินไปจนจัดการไม่ได้

  5. การสรรหาและรักษาบุคลากร

    ภายในปี 2025 คนยุคมิลเลนเนียลจะมีสัดส่วนเป็น 75% ของแรงงานทั่วโลก และคน Gen Z ก็ตามหลังมาติดๆ บริษัทที่มองการณ์ไกลต้องการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีคุณค่าเหล่านี้ไว้ และการทำงานร่วมกันคือสิ่งที่พนักงานเหล่านี้ต้องการ 38% ของคน Gen Y และ Gen Z กล่าวว่าพวกเขาจะทำงานได้ดีที่สุดในสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้พวกเขามีสมาธิจดจ่อและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย คุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

ความร่วมมือในทีมแบบออนไลน์

หลายๆ ความคิดเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันมักจะเน้นไปที่การให้ผู้คนอยู่ใกล้กัน เช่น การสร้างแผนผังสำนักงานที่สร้างสมดุลระหว่างพื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกันและการทำงานแบบส่วนตัว

แม้ว่าปัญหาเหล่านี้จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้คนทยอยกลับมาที่ที่ทำงานอีกครั้ง แต่ผู้จัดการก็ยังคงต้องต่อสู้กับการรักษาและทำให้ทีมที่ทำงานร่วมกันเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเหนือความคาดหมายจากวิกฤตไวรัสโคโรน่า ความร่วมมือในทีมจะเกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อสมาชิกในทีมหลายคนยังคงทำงานจากที่บ้านห่างกันเป็นกิโล ผู้คนจะทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรเมื่อพวกเขาจัดสรรเวลาทำงานแบบผสมผสานและแบบยืดหยุ่นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจนอาจไม่ได้อยู่ที่โต๊ะทำงานในเวลาที่ตรงกัน ทักษะการทำงานร่วมกันแบบเดิมๆ จำเป็นต้องพัฒนาได้แล้ว

คนที่เคยจัดการทีมทั่วโลกอาจเคยประสบปัญหาเหล่านี้มาก่อนและค้นพบวิธีที่จะเอาชนะความท้าทายดังกล่าวไปแล้ว ตัวอย่างเช่น นักวิจัยนาม Pernille Bjørn และ Ojelanki Ngwenyama พูดคุยเกี่ยวกับการสร้างความหมายที่มีร่วมกัน โดยการสร้างจุดร่วมในทีมที่ทำงานทางออนไลน์ระดับนานาชาติเพื่อหลีกเลี่ยงการสื่อสารที่ล้มเหลวซึ่งเกิดจากสมมติฐานที่ผิดและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีการทำงาน

ความหมายที่มีร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน และจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเมื่อผู้คนโต้ตอบกันแบบเห็นหน้ากัน แต่สำหรับทีมออนไลน์แล้วความหมายนี้จะต้องได้รับการผลักดันจึงจะเกิดขึ้นมาได้ เพื่อให้ผู้คนมีความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับวิธีการทำงาน และเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้ เครื่องมือสื่อสารที่ช่วยให้สมาชิกในทีมเห็นว่าผู้อื่นกำลังทำอะไรอยู่และทำให้ทีมสามารถโต้ตอบกันได้เป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของการทำให้ผู้คนมีความเข้าใจตรงกันตลอดเวลา

ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางส่วนที่จะทำให้การทำงานร่วมกันทางออนไลน์ประสบความสำเร็จ

อย่าพึ่งพาอีเมล ในการทำงานร่วมกับคนทั้งทีม และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดระหว่างสมาชิกในทีม เราขอแนะนำให้ใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นสำหรับการสื่อสารแบบกลุ่มมากกว่าการส่งอีเมลถึงแต่ละคน การทำเช่นนี้ยังเป็นวิธีหนึ่งในการแยกการสื่อสารเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ที่ทำงานร่วมกันแต่ละโปรเจ็กต์ออกจากกันเพื่อไม่ให้มีอะไรถูกกลืนหายไปในกองอีเมลจำนวนมากอีกด้วย

จัดเตรียมพื้นที่ทำงานที่ใช้ร่วมกัน พื้นที่ออนไลน์ที่ทีมสามารถทำงานร่วมกันและแชร์เอกสารกันได้เป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานร่วมกันทางออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ระบบแชร์ไฟล์แบบใด ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าระบบนั้นทำงานร่วมกับเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ ของคุณได้ เพื่อที่ผู้คนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาและรู้สึกหงุดหงิดกับการเข้าสู่ระบบหลายๆ บัญชี

พบปะ (ทางออนไลน์) แบบเห็นหน้ากัน การประชุมทางวิดีโอจะช่วยให้ทีมสามารถแสดงกิริยาท่าทางที่ต้องใช้เพื่อสื่อความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า ทั้งยังเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการระดมความคิด การประชุมทางวิดีโอยังทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้นด้วย เพราะแค่การได้เห็นเพื่อนร่วมงานก็ช่วยให้รู้สึกว่าตนไม่ได้ขาดการติดต่อได้แล้ว

หาเวลาพูดคุยกัน การสนทนาเรื่อยเปื่อยเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียดีๆ ดังนั้นเครื่องมือของคุณจึงจำเป็นต้องให้พื้นที่ออนไลน์แก่ทีมในเรื่องนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างช่องทางแชทขึ้นมาโดยเฉพาะ หรือเพียงแค่หาเวลาพูดคุยเรื่อยเปื่อยก่อนเริ่มและหลังจบการประชุม ก็อย่ารู้สึกว่าคุณจำเป็นต้องจัดระเบียบการโต้ตอบไปเสียทุกอย่าง แค่เปิดช่องให้การสนทนาเกิดขึ้นเองก็พอ

อย่าตั้งสมมติฐาน ความเข้าใจผิดสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าเมื่อผู้คนทำงานทางออนไลน์ ดังนั้นให้ตรวจสอบว่าผู้คนเข้าใจเป้าหมายและบทบาทของการทำงานร่วมกัน คุณต้องรู้ว่าใครจะทำอะไรหลังจบจากการประชุมทุกๆ ครั้ง และเปิดช่องทางการสื่อสารไว้เพื่อให้ผู้คนรู้ว่าพวกเขาสามารถถามคำถามได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

อุปสรรคในการทำงานร่วมกัน

พนักงานเกือบ 40% เชื่อว่าคนในองค์กรของตนทำงานร่วมกันไม่มากเพียงพอ แล้วอะไรกันที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นไม่ให้ทำเช่นนั้น มาดูกันว่าอุปสรรคที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง

  • การขาดความเห็นพ้องต้องกัน ผู้คนต้องเข้าใจว่าทำไมการทำงานร่วมกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมาย หากพวกเขาไม่เห็นคุณค่าในการทำงานร่วมกัน พวกเขาก็อาจคิดว่ามันเป็นแค่ภาระงานที่เพิ่มขึ้นมาและรู้สึกว่าแบ่งเวลามาทำไม่ได้
  • การสื่อสารที่ขาดประสิทธิภาพ ผู้คนต้องการทักษะการทำงานร่วมกันและเครื่องมือที่เหมาะสมในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกแห่งการทำงานจากทางไกล หากคุณไม่มีเครื่องมือแชร์เอกสารที่ใช้งานได้ง่ายๆ หรือเครื่องมือที่คุณมีไม่เอื้อให้ทุกคนในทีมแสดงความคิดเห็น การทำงานร่วมกันก็จะไร้ประสิทธิภาพ
  • วัฒนธรรมที่ไม่เหมาะสม ความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกัน ผู้คนจำเป็นต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ตนรู้สึกว่าสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกล้าที่จะเสี่ยงได้โดยไม่ถูกตำหนิติเตียน นอกจากนี้ วัฒนธรรมยังต้องเปิดให้ผู้คนได้แบ่งปันไอเดียและแสดงความคิดเห็นออกมาด้วย การทำงานร่วมกันจะไม่ก้าวหน้าในวัฒนธรรมที่ปิดกั้นหรือเป็นแบบตัวใครตัวมัน
  • ขาดการสนับสนุนจากฝ่ายบริหาร ผู้จัดการจำเป็นต้องวางโครงสร้างที่เหมาะสมสำหรับวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน โดยการให้เวลา พื้นที่ และเครื่องมือแก่ผู้คน แต่ผู้คนก็จำเป็นต้องมีอิสระพอๆ กันจึงจะทำงานร่วมกันได้ เพราะแม้ว่าทีมที่ทำงานร่วมกันจำเป็นต้องมีโครงสร้าง แต่สมาชิกก็จะทำงานได้ไม่ดีหากรู้สึกว่าผู้จัดการคอยเฝ้ามองอยู่ตลอด
  • ไม่มีวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน วัฒนธรรมการทำงานร่วมกันไม่ใช่แค่วลีในโฆษณาหางานหรือในการฝึกอบรม แต่เป็นสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งหมายความว่าคุณไม่เพียงแต่ต้องสนับสนุนและทำให้ทีมสามารถทำงานร่วมกันได้เท่านั้น แต่ยังต้องปลูกฝังวัฒนธรรมของการทำงานร่วมกันในทุกระดับทั่วทั้งองค์กรอีกด้วย โดยจะต้องไม่มีการทำงานแบบตัวใครตัวมันเด็ดขาด คนที่ทำงานจากทางไกลและทำงานแบบผสมผสานต้องรู้สึกมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่ง และผู้คนทุกภาคส่วนของธุรกิจต้องสนุกกับการทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง
team collaboration

แต่คุณจะส่งเสริมความร่วมมือในทีมได้อย่างไร

การทำงานร่วมกันเป็นทักษะหรือไม่ (และคุณสามารถเรียนรู้ได้ไหม)

การทำงานร่วมกันเป็นทักษะหรือไม่ (และคุณสามารถเรียนรู้ได้ไหม)

การทำงานร่วมกันไม่ได้เป็นเพียงแค่กิจกรรมหรือกระบวนการเท่านั้น แต่เป็นลักษณะของพนักงานและวิถีของการทำงาน ทักษะในการทำงานร่วมกันประกอบด้วยการสื่อสาร การฟัง การเจรจาต่อรอง และสร้างความสัมพันธ์ส่วนบุคคล การใช้ทักษะเหล่านี้จะช่วยให้ทีมมีความเห็นพ้องต้องกัน ทราบถึงการมีส่วนร่วมของกันและกัน และช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น

ความฉลาดทางอารมณ์และการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมีความเชื่อมโยงกันอยู่ ความฉลาดทางอารมณ์แสดงให้เห็นแล้วว่ามีส่วนช่วยในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่การจัดการความขัดแย้งไปจนถึงการสร้างความไว้วางใจและทำให้ผู้คนมีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ

จริงอยู่ที่บางคนเก่งเรื่องเหล่านี้โดยธรรมชาติและบางคนมีความฉลาดทางอารมณ์มากกว่าคนอื่นๆ แต่เราสามารถปรับปรุงทักษะการทำงานร่วมกันให้ดีขึ้นได้ด้วยการฝึกฝน โดยวิธีการมีดังนี้

ฝึกการทำงานร่วมกันในงานงานหนึ่ง ผู้ผลิตคอนเทนต์จำนวนมากใช้การเขียนคู่กับผู้อื่นเพื่อลดระยะเวลาที่ใช้ในการแก้ไขแบบร่าง และยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการกระตุ้นให้คนในทีมทำงานร่วมกันอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญและนักเขียน (หรือคนที่รู้สึกว่าอยากจะเขียนอะไรสักอย่าง) จะช่วยกันเขียนเนื้อหาแบบเรียลไทม์ หากคุณกำลังทำเช่นนี้เพื่อฝึกทักษะการทำงานร่วมกัน คุณอาจลองสลับหน้าที่กันไปมาได้ การทำเช่นนี้เป็นบทเรียนที่ดีเกี่ยวกับวิธีการแลกเปลี่ยนไอเดีย การชี้แจงความหมายให้ชัดเจน และการสร้างความไว้วางใจ

ฝึกฝนทักษะการฟัง การรับฟังซึ่งกันและกันเป็นทักษะการทำงานร่วมกันที่สำคัญ ลองทำแบบฝึกหัดการฟังอย่างต่อเนื่องเพื่อฝึกฝนการฟังที่ดี คุณสามารถฝึกฝนเป็นคู่ได้ ด้วยการให้คนหนึ่งพูดในขณะที่อีกคนหนึ่งฟังโดยไม่มีการขัดจังหวะและอดทนไม่ให้พูดแทรกอีกคนหนึ่ง (ซึ่งพูดง่ายแต่ทำยากกว่าที่คิด!) ผู้ฟังควรถามคำถาม ขอให้ผู้พูดชี้แจงประเด็นให้ชัดเจน จากนั้นให้สรุปสิ่งที่คู่สนทนาพูดเมื่อสิ้นสุดการสนทนา ใช้เทคนิคเหล่านี้ทั้งในการฝึกฝนและในการสนทนาร่วมกันในชีวิตประจำวัน

เรียนรู้ที่จะเจรจาต่อรอง การทำงานร่วมกันไม่ได้ยึดแค่ความคิดเห็นของคุณคนเดียว การประนีประนอมมักเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในทีมที่มีการทำงานร่วมกัน ดังนั้นการรู้วิธีเจรจาต่อรองจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณสามารถฝึกทักษะการทำงานร่วมกันนี้ได้โดยแบ่งทีมของคุณออกเป็นกลุ่มย่อยๆ และมอบหมายงานสร้างสรรค์บางอย่างให้แต่ละกลุ่ม เช่น การทำแบบจำลองจากกระดาษ เป็นต้น โดยจะมีอุปสรรคก็คือ แต่ละทีมจะไม่มีอุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับทำงานของตนให้สำเร็จ และพวกเขาจะต้องเจรจากับทีมอื่นเพื่อให้ได้อุปกรณ์นั้นมา คุณสามารถเพิ่มอัตราการแข่งขันโดยการให้รางวัลกับทีมที่ทำงานมอบหมายได้เสร็จก่อน

การเปิดกว้างเป็นกุญแจสำคัญในการทำงานร่วมกัน การเปิดกว้างไม่ใช่แค่คุณลักษณะหรือทักษะส่วนบุคคล แต่เป็นคุณลักษณะขององค์กรด้วย เพื่อทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวบุคคลรวมถึงองค์กรจำเป็นต้องยอมรับถึงความสำคัญของวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันและเปิดรับไอเดียใหม่ๆ การทำงานร่วมกันจะไม่มีประสิทธิภาพในวัฒนธรรมที่ปิดกั้นซึ่งผู้คนมักปกปิดความลับของตนอย่างเอาเป็นเอาตาย

5 วิธีในการปรับปรุงการทำงานร่วมกันในที่ทำงาน

5 วิธีในการปรับปรุงการทำงานร่วมกันในที่ทำงาน

  1. เห็นพ้องต้องกันในเรื่องกลยุทธ์การทำงานร่วมกัน

    การเห็นพ้องต้องกันในเรื่องกลยุทธ์การทำงานร่วมกันมีความสำคัญต่อการที่จะทำให้ทั้งองค์กรเห็นด้วย สิ่งนี้แสดงให้พนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นว่าบริษัทของคุณเข้าใจถึงคุณค่าของทักษะการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และคุณมุ่งมั่นที่จะลงทุนในการฝึกอบรมและเครื่องมือที่จำเป็น นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าคุณได้ประเมินความต้องการด้านทักษะและเครื่องมือในการทำงานร่วมกันที่มีอยู่ของทุกคนในองค์กรแล้วอีกด้วย คุณควรเตรียมกลยุทธ์การทำงานร่วมกันให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อนที่จะจ่ายเงินไปกับเครื่องมือเฉพาะทางต่างๆ กลยุทธ์ดังกล่าวควรสอดคล้องกับวิธีการทำงานแบบผสมผสานในปัจจุบัน และควรได้รับการตรวจสอบทุก 6-12 เดือน

  2. ระบุอุปสรรค

    ไม่ใช่ว่าทุกองค์กรจะเหมือนกัน ดังนั้นคุณควรค้นหาให้แน่ชัดว่าอะไรคือสิ่งที่ขัดขวางการทำงานร่วมกันในบริษัทของคุณ สาเหตุนั้นมาจากการที่ไม่มีเวลามากพอ การขาดความไว้วางใจ หรือวัฒนธรรมหรือเครื่องมือที่มีอยู่นั้นไม่เหมาะสมกันแน่ คุณสามารถทำแบบสำรวจสั้นๆ เพื่อประเมินทัศนคติต่อทีมและวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน สำรวจว่าอุปสรรคคืออะไร และรวบรวมข้อเสนอแนะเพื่อเอาชนะอุปสรรคนั้น ให้ความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่คุณค้นพบแก่ทีมและอธิบายสิ่งที่คุณจะทำเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกัน

  3. กำหนดเป้าหมายสำหรับความร่วมมือในทีมที่ชัดเจน

    เมื่อ Institute for Corporate Productivity (i4cp) พิจารณาถึงการทำงานร่วมกัน สถาบันพบว่าวัตถุประสงค์จะเป็นตัวกำหนดว่าการทำงานร่วมกันจะเกิดประสิทธิผลหรือไม่ หากไม่มีจุดมุ่งหมายและเป้าหมายที่ชัดเจน ทีมก็จะไม่รู้ว่าต้องจดจ่อกับอะไร และพนักงานอาจรู้สึกหนักใจกับการถูกขอให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ หากพวกเขาไม่เข้าใจอย่างชัดเจนว่าผู้จัดการคาดหวังให้พวกเขาทำอะไรกันแน่ เช่นเดียวกับการทำงานเป็นทีมทุกประเภท เป้าหมายและผลงานของโปรเจ็กต์ความร่วมมือใดๆ จะต้องมีความชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรก

  4. ชื่นชมและมอบรางวัลสำหรับการทำงานร่วมกัน

    องค์กรจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าตนเห็นคุณค่าในการทำงานร่วมกัน โดยอาจจะเป็นการมอบรางวัลให้กับความพยายามของทีมตลอดจนผลงานของแต่ละคน มอบรางวัลสำหรับงาน: องค์กรที่มีประสิทธิภาพสูงมีแนวโน้มที่จะสร้างแรงจูงใจในการทำงานร่วมกันมากกว่าองค์กรที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า 5.5 เท่า แต่โบนัสและรางวัลอื่นๆ มักอิงตามความสำเร็จของบุคคลมากกว่าทีม

    "การขาดสิ่งจูงใจและผลตอบแทนเป็นอุปสรรคที่พบได้บ่อยและยิ่งใหญ่ที่สุดในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ" Kevin Martin ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยของ i4cp กล่าว ตรวจสอบรางวัลและสิ่งจูงใจของคุณ และทำให้แน่ใจว่าคุณมีพื้นที่สำหรับการชื่นชมความร่วมมือในทีมด้วย เพื่อที่คุณจะได้แสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันเพียงใด

  5. เน้นแบ่งปันความรู้

    ผู้นำธุรกิจกว่า 80% กล่าวว่าการรวบรวมและการแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกของบุคลากรเป็นหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจที่สำคัญที่สุด ทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพด้วย อันที่จริงแล้ว การแบ่งปันความรู้และการทำงานร่วมกันล้วนมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน

    ความสามารถในการรับข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่ต้องการจะทำให้ผู้คนรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนเป็นการส่วนตัว และจะทำให้การทำงานร่วมกันง่ายขึ้นและเร็วขึ้นมาก ใช้ระบบการจัดการเอกสารที่ทำให้สามารถรับข้อมูลได้ง่ายขึ้น และใช้เครื่องมือสื่อสารเพื่อช่วยให้ข้อมูลไหลเวียนได้อย่างอิสระ

เครื่องมือสำหรับความร่วมมือในทีมและวิธีเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม

เครื่องมือสำหรับความร่วมมือในทีมและวิธีเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม

เครื่องมือเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานร่วมกัน แต่คุณจะเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร เมื่อสร้างกลยุทธ์การทำงานร่วมกัน สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา ได้แก่ จำนวนคนในวัยต่างๆ ที่อยู่ในองค์กร โดย 53% ของ Gen Y กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะทำงานกับองค์กรมากขึ้นหากนายจ้างใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับที่พวกเขาใช้

อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาคือเวลาที่คุณต้องใช้ในการฝึกอบรมผู้คนให้ใช้เครื่องมือในการทำงานร่วมกัน เพราะผู้คนจะเริ่มใช้งานเครื่องมือที่คุ้นเคยอยู่แล้วได้เร็วกว่า สิ่งอื่นๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่ ความสามารถในการปรับขนาด การผสานการทำงานกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น ซอฟต์แวร์การจัดการเอกสารและการจัดการเวลา และความสามารถในการแปล หากคุณมีทีมที่ใช้ภาษาต่างกัน นอกจากนี้ คุณต้องตัดสินใจว่าจะทบทวนและอัพเดตกลยุทธ์การทำงานร่วมกันบ่อยเพียงใดอีกด้วย

ใช้การทำงานร่วมกันบนระบบคลาวด์

การใช้ระบบคลาวด์เพื่อจัดเก็บเอกสารจะทำให้ผู้คนสามารถทำงานบนเอกสารเหล่านี้ได้ทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการ คุณสามารถบอกลาไฟล์แนบที่มากับอีเมลไปได้เลย และคุณจะได้มีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกันอย่างเท่าเทียม นี่แหละคือวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันที่ใช้งานได้จริง

อ่านต่อ

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

โพสต์ล่าสุด

การทำงานจากทางไกล | ใช้เวลาอ่าน 7 นาที

การทำงานจากทางไกล: ประโยชน์และความท้าทาย

พวกเราทำงานจากทางไกลและจะทำงานจากทางกันมากขึ้นเรื่อยๆ ค้นพบข้อดีและข้อเสียของการทำงานจากทางไกลและวิธีใช้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานรูปแบบนี้

ความร่วมมือในทีม | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

วิธีทำให้การทำงานร่วมกันแบบข้ามทีมมีประสิทธิภาพ

เรียนรู้วิธีกระตุ้นการทำงานร่วมกันแบบข้ามทีม รวมถึงทำความเข้าใจหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดและข้อผิดพลาดเพื่อยกระดับการทำงานร่วมกันในทีมของคุณให้ดีขึ้น

การทำงานร่วมกัน | ใช้เวลาอ่าน 3 นาที

การทำงานร่วมกันแบบหลายฝ่าย

ค้นพบเคล็ดลับที่จำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานร่วมกันแบบหลายฝ่าย รวมถึงประโยชน์ของมุมมองที่หลากหลายและวิธีเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานเป็นทีมในที่ทำงานของคุณ