ผู้หญิงในตำแหน่งผู้นำ: เหตุใดการมีผู้หญิงในบทบาทผู้นำจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย

อะไรคืออุปสรรคของที่ขัดขวางการก้าวขึ้นเป็นผู้นำของผู้หญิงในตำแหน่งอาวุโส และองค์กรต่างๆ จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ความสำคัญกับความหลากหลายในระดับผู้บริหารได้อย่างไร เรามาสำรวจสิ่งเหล่านี้ไปด้วยกัน

ความเป็นผู้นำ | ใช้เวลาอ่าน 6 นาที

บริษัทระดับโลกมากมายต่างมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นในการมีผู้หญิงขึ้นเป็นผู้นำระดับสูง ทว่าก็เป็นไปอย่างเชื่องช้า ประเทศที่มีความก้าวหน้าสูงสุดทั่วโลก ได้แก่ ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ โดยมีผู้หญิงมากกว่า 40% ในคณะกรรมการบริษัท

ในขณะเดียวกัน ที่สหรัฐฯ ยังคงล้าหลังอยู่ โดยมีเพียง 10% ของตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง และ 5% ในระดับซีอีโอที่เป็นผู้หญิง1 ส่วนในสหราชอาณาจักรมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนผู้หญิงทั้งหมดในคณะกรรมการบริหาร FTSE 350 จากเดิม 682 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 1,026 รายใน 5 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 50% และไม่มีคณะกรรมการบริหารใน FTSE 350 ที่เป็นผู้ชายล้วนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม บริษัทในกลุ่ม FTSE 100 ราวๆ ครึ่งหนึ่งยังไม่บรรลุเป้าหมายของ Hampton-Alexander Review ที่ต้องการให้มีผู้หญิง 33% ในคณะกรรมการบริหารภายในปี 2020

ในอีกฝั่งของการวัดผลพบว่า ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และเกาหลี มีผู้หญิงในบทบาทผู้นำน้อยที่สุดในปัจจุบัน

เรียนรู้วิธีเป็นผู้นำบริษัทที่เชื่อมต่อถึงกัน

ดาวน์โหลดอีบุ๊กของเราเพื่อเรียนรู้เหตุผลที่ซีอีโอรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเป้าหมาย ความไว้วางใจ ความถูกต้อง และความซื่อสัตย์เหนือสิ่งอื่นใด

เหตุใดการมีผู้นำหญิงจึงมีความสำคัญ

เหตุใดการมีผู้นำหญิงจึงมีความสำคัญ

มีเหตุผลหลายประการที่การมีผู้นำหญิงมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย จากข้อมูลของ Baroness Berridge (รัฐมนตรีกระทรวงสตรีในสหราชอาณาจักร) บริษัทที่อยู่ในกลุ่ม 25% ที่มีความหลากหลายทางเพศในทีมผู้บริหารสูงที่สุดนั้นมีแนวโน้มที่จะมีผลกำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ย 25%

การมีพนักงานที่มีความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงมีผู้หญิงเป็นผู้นำมากขึ้น ล้วนเชื่อมโยงกับนวัตกรรมและประสิทธิภาพทางการเงินที่มากยิ่งขึ้น การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการมีผู้หญิงเป็นผู้นำสามารถช่วยให้องค์กรสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานหญิงคนอื่นๆ และเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน นอกจากนี้ ความหลากหลายที่เพิ่มขึ้นยังเป็นประโยชน์อย่างมากในช่วงที่ขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะต่างๆ เนื่องจากองค์กรสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้มีความสามารถที่กว้างขึ้นได้

ความท้าทายสำหรับผู้นำหญิงมีอะไรบ้าง

ความท้าทายสำหรับผู้นำหญิงมีอะไรบ้าง

อะไรเป็นสาเหตุที่เราไม่มีผู้นำหญิง มีสาเหตุที่เป็นไปได้มากมาย ได้แก่

  • การเหมารวม

    แนวคิดที่ว่าผู้ชายจะเป็นผู้นำที่ดีกว่ายังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในแวดวงกีฬา การดูแลสุขภาพ และเทคโนโลยี แม้แต่ในอุตสาหกรรมที่พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง บทบาทก็ยังไม่เท่าเทียมกัน ในสหรัฐอเมริกา มีซีอีโอของโรงพยาบาลที่เป็นผู้หญิงเพียง 19% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังคงมีการเหมารวมอยู่ว่าหัวหน้าฝ่ายการดูแลสุขภาพ ต้อง 'เป็นอย่างไร'

    นอกจากนี้ ยังมีการเหมารวมเกี่ยวกับหน้าที่การงานและความก้าวหน้าในอาชีพด้วยเช่นกัน เป็นที่รู้กันว่าประธานฝ่ายการเงินมีแนวโน้มที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นซีอีโอน้อยกว่าประธานฝ่ายฝ่ายปฏิบัติการ2 ซึ่งแสดงถึงนัยสำคัญบางอย่าง เนื่องจาก 25% ของผู้นำหญิงในตำแหน่งอาวุโสครองบทบาททางการเงิน และคุณจะพบรูปแบบเดียวกันนี้กับผู้หญิงในตำแหน่งทางกฎหมายระดับสูงอีกด้วย

  • การเลือกปฏิบัติ

    ในบางกรณีจะเห็นว่า ถึงแม้จะมีกลุ่มผู้หญิงที่มีสิทธิ์ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ผู้ชายในตำแหน่งอาวุโสก็จะไม่เลื่อนตำแหน่งให้พวกเธอ3

    การเลือกปฏิบัติทางสถาบันก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ตัวอย่างหนึ่งของการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงภายในองค์กรต่างๆ คือช่องว่างด้านรายได้ระหว่างเพศ ช่องว่างนี้กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ความก้าวหน้าก็ชะลอตัวหลังจากการระบาดใหญ่ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าผู้หญิงถูกเลือกปฏิบัติมากกว่าผู้ชายเมื่อมีบุตรด้วยเช่นกัน

  • ขาดการเข้าถึงที่ปรึกษา

    เราทราบดีว่าการระบาดใหญ่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยมากกว่าผู้ชาย และวิธีหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี้ก็คือเพิ่มการเข้าถึงการให้คำปรึกษาให้มากยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์แบบให้คำปรึกษาจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และนำไปสู่การเลื่อนตำแหน่งและรายได้ที่เพิ่มขึ้นสำหรับทั้งสองฝ่ายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงต้องใช้ความพยายามมากกว่าผู้ชายในการหาที่ปรึกษาที่เหมาะสม และยิ่งยากยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิงผิวสี

  • ขาดความยืดหยุ่น

    ในสหราชอาณาจักร เกือบหนึ่งในสี่ของผู้หญิงสูงอายุต้องดูแลญาติขณะทำงาน ในขณะที่ผู้ชายที่ต้องทำหน้าที่นี้มีเพียงหนึ่งในแปดคนเท่านั้น องค์กรที่ไม่ยืดหยุ่นสำหรับผู้ดูแลอาจทำให้ผู้หญิงต้องออกจากงานได้ เมื่อมีตัวเลือกในการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเป็นมาตรฐาน เราจึงมีโอกาสเห็นผู้หญิงเป็นผู้นำได้มากยิ่งขึ้น

  • ไม่มีเครือข่าย

    ผู้หญิงที่เป็นผู้นำมักจะมีเครือข่ายคนรู้จักในอุตสาหกรรมน้อยกว่าผู้ชาย ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงมีโอกาสที่จะทราบถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นหรือเข้าถึงที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยมได้น้อยกว่าผู้ชาย

  • วัฒนธรรมการต่อต้านผู้นำหญิง

    ในบางที่ในโลกก็ยังคงมีวัฒนธรรมต่อต้านผู้หญิงที่มีบทบาทเป็นผู้นำ เช่น ญี่ปุ่น หากมองในเชิงบวก รายงานของ Hampton-Alexander Review พบว่าในสหราชอาณาจักร "การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในระดับสูงเป็นการปูทางไปสู่ความเท่าเทียมทางเพศที่มากขึ้นในธุรกิจต่างๆ โดยบทบาทของผู้หญิงในตำแหน่งผู้นำระดับสูงในหลากหลายวงการก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน"

  • การขาดผู้หญิงในตำแหน่งอาวุโสที่จะเลื่อนตำแหน่งให้ผู้หญิงด้วยกัน

    หลายคนมักจะจ้างและเลื่อนตำแหน่งให้กับผู้ที่ภาพลักษณ์เหมือนตนเองเนื่องจากความเอนเอียงโดยไม่รู้ตัว เมื่อมีผู้หญิงที่ในตำแหน่งอาวุโสน้อยกว่า จึงไม่มีผู้นำหญิงจำนวนมากพอที่จะเลื่อนตำแหน่งให้ผู้หญิงด้วยกัน ในทางกลับกัน ผลการศึกษาพบว่าผู้หญิงในที่ทำงานได้รับการสนับสนุนน้อยกว่าผู้ชาย เนื่องจากเพศสภาพ

Workplace Culture

ผู้หญิงในตำแหน่งผู้นำจะส่งผลดีในที่ทำงาน

ผู้ชายและผู้หญิงมีรูปแบบการเป็นผู้นำที่แตกต่างกันหรือไม่

ผู้ชายและผู้หญิงมีรูปแบบการเป็นผู้นำที่แตกต่างกันหรือไม่

ทั้งใช่และไม่ใช่ มีการศึกษาบางส่วนที่สนับสนุนประเด็นนี้ แต่ก็ต้องดูที่บริบทด้วย โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงมักจะมีรูปแบบการเป็นผู้นำที่ 'สร้างความเปลี่ยนแปลง' มากกว่า ซึ่งส่งผลดีต่อการมีส่วนร่วม ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล

แม้ว่าผู้หญิงมีแนวโน้มจะให้ความร่วมมือและมีความเท่าเทียมมากกว่า แต่ผู้ชายก็สามารถมีทักษะเหล่านี้ได้เช่นกัน และในขณะที่ผู้คนมักมองว่าผู้ชายมีรูปแบบการเป็นผู้นำที่ 'ชอบสั่งการและควบคุม' มากกว่า แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นลักษณะเฉพาะของผู้ชายเท่านั้น

ข้อแตกต่างที่สำคัญคือเพื่อนร่วมงานมักจะให้อภัยต่อรูปแบบความเป็นผู้นำแบบเผด็จการในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

ผู้เชี่ยวชาญให้เหตุผลว่าการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จและเป็นแรงบันดาลใจนั้นเป็นเรื่องของทักษะและความสามารถหลักในการเป็นผู้นำ โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นเพศใด แต่เห็นได้ชัดว่าการผสมผสานรูปแบบความเป็นผู้นำตามบริบทโดยที่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้อยู่นั้นเป็นสิ่งสำคัญ การจะประสบความสำเร็จได้ ผู้นำต้องเข้าใจรูปแบบและคุณสมบัติของความเป็นผู้นำของตน

เอาชนะอุปสรรคเพื่อเป็นผู้นำหญิง

เอาชนะอุปสรรคเพื่อเป็นผู้นำหญิง

แล้วเราจะทำอย่างไร เมื่ออุปสรรคด้านโครงสร้างและการเหมารวมยังคงมีอยู่ ไม่ว่าผู้หญิงจะ 'ปรับตัว' แค่ไหนก็ไปได้ไม่ไกล องค์กรจึงจำเป็นต้องหาวิธีที่จะทำให้ผู้หญิงสามารถทลายเพดานความก้าวหน้านี้ได้ง่ายขึ้นและสามารถอยู่ในระดับบนสุดได้ในระยะยาว และนี่เป็นวิธีการทั้ง 5 ข้อ

  1. กำหนดเป้าหมายด้านความหลากหลายทางเพศที่ชัดเจนและดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย พร้อมติดตามความก้าวหน้า

    บริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลกกำลังมุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความหลากหลายทางเพศ ในสหราชอาณาจักร Mercer ได้ตั้งเป้าหมายให้มีผู้นำระดับอาวุโสที่เป็นผู้หญิงจำนวน 35% ภายในปี 20224 และ GSK มุ่งมั่นที่จะเพิ่มจำนวนผู้หญิงในระดับ VP ขึ้นไปเป็น 45% ภายในปี 2025 ทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา5

    นอกจากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้หญิงที่ได้รับการว่าจ้างแล้ว องค์กรยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้หญิง ตลอดจนเพื่อนร่วมงานที่เป็นชนกลุ่มน้อยทุกคนรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งและสามารถก้าวหน้าได้ ดังที่ Brené Brown ได้กล่าวไว้ว่า "ผู้นำที่กล้าหาญจะช่วยให้ผู้คนมั่นใจว่าสามารถเป็นตัวของตัวเองและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กรได้"6

  2. สร้างความมั่นใจว่าบทบาทมีความยืดหยุ่น

    แนวทางที่ยืดหยุ่นอย่างเต็มที่ ได้แก่ การทำงานน้อยลงหรือทำงานในเวลาที่แตกต่างกัน การทำงานที่มีความยืดหยุ่นในเวลาการทำงาน (เพิ่มชั่วโมงและลดวันทำงาน) การทำงานจากที่บ้าน และการแบ่งปันงาน ผู้นำระดับสูงควรหาวิธีที่จะเปิดรับสิ่งเหล่านี้ เพื่อให้ทั้งองค์กรยอมรับให้เป็นมาตรฐาน

    สร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น หลังจากการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสหราชอาณาจักรเมื่อเร็วๆ นี้ พนักงานจะมีสิทธิ์ขอทำงานแบบยืดหยุ่นได้ตั้งแต่วันแรกของการจ้างงาน

  3. มีขั้นตอนการคัดเลือกพนักงานที่เป็นกลางทางเพศ

    Avivah Wittenberg-Cox จาก Harvard Business Review กล่าวว่า "องค์กรในอเมริกาชื่นชอบรูปแบบความเป็นผู้นำของผู้ชายที่ได้รับการปลูกฝังจนหยั่งรากลึก โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวและเป็นการคิดเข้าข้างตนเองได้อย่างสนิทใจ" 7 อันที่จริง การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเมื่อจ้างงาน ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมักจะเลือกผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเมื่อทั้งคู่มีคุณสมบัติเท่าเทียมกัน เพื่อต่อสู้กับเรื่องนี้ ผู้นำฝ่ายทรัพยากรบุคคลจำเป็นต้องออกแบบกระบวนการใหม่เพื่อให้เป็นกลางทางเพศ

    จากข้อมูลของ World Economic Forum พลังของเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาเหล่านี้มีอยู่มากมายมหาศาล แต่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็จำเป็นต้องขยับตัวด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลระบุว่า "ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในที่ทำให้ช่องว่างทางเพศในด้านเศรษฐกิจยังคงมีอยู่คือการที่ผู้หญิงมีบทบาทน้อยกว่าในตำแหน่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่" เช่น ภายในภาคธุรกิจด้านเทคโนโลยี

  4. ให้ความรู้ในด้านความเอนเอียงโดยไม่รู้ตัว

    การฝึกอบรมด้านความเอนเอียงโดยไม่รู้ตัวมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงความเอนเอียงที่ยังคงมีอยู่ เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถเอาชนะอคติเหล่านั้นได้ ตามที่ Wittenberg-Cox กล่าวว่า "การเพิกเฉยต่ออคติของเรานั้นรังแต่จะทำให้กลุ่มที่มีอำนาจเหนือกว่ายังคงครอบงำเราต่อไปได้ ทางออกเดียวคือยอมรับการตัดสินโดยไม่รู้ตัวของเรา" เมื่อมีการฝึกอบรมด้านความเอนเอียงโดยไม่รู้ตัวและโครงการอื่นๆ เช่น เป้าหมายด้านความหลากหลายทางเพศแล้ว การว่าจ้างผู้นำจึงควรมีความหลากหลายมากขึ้น

    ผู้นำที่เรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงการว่าจ้างและการเลื่อนตำแหน่งให้ผู้ที่มีลักษณะเหมือนตนเองนั้นมักจะสร้างองค์กรแห่งการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า

    อย่างไรก็ตาม องค์กรด้านการให้ความรู้บางแห่งกล่าวว่าองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมองให้ไกลกว่าแค่การฝึกอบรมด้านความเอนเอียงโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

  5. ให้การให้คำปรึกษาและการฝึกสอนแก่ผู้หญิงที่มีศักยภาพในการเป็นผู้นำ

    บริษัทจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของการให้คำปรึกษาและการฝึกสอนสำหรับผู้หญิงที่มีศักยภาพในการเป็นผู้นำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงผิวสี เมื่อพูดถึงการเพิ่มความหลากหลายในการเป็นผู้นำ โปรแกรมการให้คำปรึกษามักจะมีประสิทธิภาพมากกว่าโครงการอื่นๆ

    ระบบที่ปรึกษาภายในจะได้ผลดีในผู้บริหารระดับต้นและระดับกลาง แต่ในระดับผู้นำระดับสูง ผู้บริหารและซีอีโอที่เป็นผู้หญิงอาจได้รับประโยชน์จากที่ปรึกษาภายนอกหรือโค้ชด้านการบริหาร

อ่านต่อ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้วิธีเป็นผู้นำบริษัทที่เชื่อมต่อถึงกัน

ดาวน์โหลดเลย
1 "เหตุผลที่การมีผู้นำหญิงจะมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย", World Economic Forum, 2020
2 "ภาวะขาดแคลนผู้นำหญิงในธุรกิจของสหรัฐฯ – และในงานที่นำไปสู่ตำแหน่งเหล่านั้น", Pew Research, 2018
3 "เจาะลึกความท้าทายที่ผู้หญิงเผชิญเมื่อดำรงตำแหน่งผู้นำและประสิทธิผลขององค์กร", Journal of Leadership Education, 2009
4 "เป้าหมายด้านความหลากหลายทางเพศ", Mercer, ไม่ระบุวันที่
5 "GSK ประกาศเป้าหมายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในประเด็นด้านเพศและความหลากหลายเพื่อสร้างบทบาทในระดับอาวุโสที่มากขึ้น", GSK, 2021
6 "20 คำกล่าวด้านความเป็นผู้นำที่ดีที่สุดจาก Brené Brown", CEO Magazine, 2019
7 "การเสาะหากระบวนการจ้างงานที่เหยียดเพศน้อยลง", HBR, 2014
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้วิธีเป็นผู้นำบริษัทที่เชื่อมต่อถึงกัน

ดาวน์โหลดเลย

โพสต์ล่าสุด

ความเป็นผู้นำ | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

ผู้นำคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญ

ผู้นำคืออะไร ผู้นำเหมือนกับผู้จัดการหรือไม่ คุณสามารถเรียนรู้ที่จะเป็นผู้นำได้หรือไม่ ค้นพบคำตอบของการเป็นผู้นำที่ดีและสาเหตุที่ว่าทำไมความเป็นผู้นำถึงสำคัญ

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

วัฒนธรรม: วิธีสร้างวัฒนธรรมเชิงบวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

วัฒนธรรมในที่ทำงานมีความสำคัญยิ่งขึ้นในโลกของการทำงานแบบไฮบริดและการทำงานทางไกล ร่วมหาคำตอบว่าวัฒนธรรมในที่ทำงานคืออะไรและคุณจะสามารถปรับปรุงวัฒนธรรมนี้ได้อย่างไร

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

เหตุใดความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย

ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกคืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญในการทำงาน เราจะมาสำรวจสาเหตุที่บริษัทต่างๆ สนใจประเด็นปัญหาที่สำคัญเหล่านี้