เหตุใดความหลากหลายทางเพศจึงส่งผลดีต่อธุรกิจ
ในซีรีส์ชุดใหม่นี้ เราจะไปสำรวจกันว่าองค์กรต่างๆ จะเปิดรับความหลากหลายมากขึ้นได้อย่างไรและเหตุใดสิ่งนี้จึงส่งผลดีต่อธุรกิจ โดยในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าผู้นำธุรกิจจะสร้างสถานที่ทำงานที่เหมาะกับผู้หญิงได้อย่างไร
AllBright คลับส่วนตัวสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะจากประเทศอังกฤษแต่งตั้งให้ Allan Leighton เป็นประธานคนแรกของคลับแห่งนี้เมื่อเดือนสิงหาคม 2018 การกระทำดังกล่าวได้เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้นำธุรกิจหญิงบางส่วน
หลายคนมองว่าการว่าจ้างให้ดำรงตำแหน่งนี้ขัดกับพันธกิจของคลับที่ต้องการผลักดันให้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่เหมาะแก่การเป็นผู้นำหญิงมากที่สุด
86% ของผู้หญิงชาว Gen Y กล่าวว่า ประวัติของนายจ้างในเรื่องความหลากหลายทางเพศเป็นปัจจัยชี้ชะตาสำหรับพวกเธอ
AllBright แก้ต่างให้กับการกระทำดังกล่าว โดยอธิบายว่าผู้ชายจำเป็นต้องมีส่วนในแนวทางดังกล่าวด้วย 1 ทว่าเมื่อดูจากจำนวนซีอีโอหญิงจากบริษัทชั้นนำใน Fortune 500 ซึ่งมีเพียง 4.8% จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนบางส่วนจะมองว่าการว่าจ้างให้ดำรงตำแหน่งในครั้งนี้เป็นการคว้าน้ำเหลว
AllBright ไม่ใช่คนกลุ่มเดียวที่พยายามหาวิธีสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อความหลากหลายทางเพศในผู้บริหารระดับสูง 86% ของผู้หญิงชาว Gen Y ยังกล่าวด้วยว่า ประวัติของนายจ้างในเรื่องความหลากหลายทางเพศเป็นปัจจัยชี้ชะตาในการสมัครงาน
กลุ่มคนเหล่านี้คือกลุ่มคนที่ผลักดันให้เกิดการเปิดกว้างในที่ทำงาน ตลอดจนเริ่มผลักดันให้บริษัทต่างๆ ลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลง2
การสร้างสถานที่ทำงานที่เหมาะกับผู้หญิง
Sandra Ondraschek-Norris ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการอาวุโสของ Catalyst Europe โดยเธอได้ทำงานร่วมกับสถาบันชั้นนำของโลกเพื่อเพิ่มความหลากหลายในสถานที่ทำงาน ทั้งนี้ Workplace และ Canvas8 มีโอกาสได้พบกับ Sandra เพื่อเรียนรู้ว่าธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างสถานที่ทำงานที่เหมาะกับผู้หญิงได้อย่างไรบ้าง...
1. ความเท่าเทียมทางเพศในที่ทำงานมีลักษณะเป็นอย่างไร
ในการประเมินความเท่าเทียมทางเพศในที่ทำงาน สิ่งสำคัญคือการดูว่าบริษัทต่างๆ มีอัตราส่วนระหว่างชายหญิงที่เท่าเทียมกันหรือไม่
ความเท่าเทียมทางเพศไม่ใช่แค่การที่บริษัทมีอัตราส่วนระหว่างชายหญิงที่เท่าเทียมกันหรือไม่เท่านั้น
การที่ผู้หญิงได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจและอิทธิพลหรือไม่ ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากด้วยเช่นกัน
สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการคำนึงว่ามีตำแหน่งใดบ้างที่ไม่มีผู้บริหารเป็นผู้หญิง พวกเธอรู้สึกเป็นที่ต้อนรับในวัฒนธรรมการทำงานหรือไม่ รวมถึงพวกเธอต้องเผชิญกับอคติและการเหมารวมหรือไม่
เรากำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้นในแง่ของการมีตัวแทนผู้หญิงในคณะกรรมการและในตำแหน่งผู้นำ อีกทั้งบริษัทต่างๆ ยังได้ตระหนักถึงสวัสดิการและนำนโยบายและหลักปฏิบัติต่างๆ ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางเพศ
แม้ว่าเราจะรับรู้ถึงความก้าวหน้าได้อย่างชัดเจน แต่เราก็ยังคงไปไม่ถึงจุดที่จะยินดีปรีดากับความสำเร็จได้
2. ผู้หญิงชาว Gen Y ต้องการสิ่งใดจากการทำงาน และธุรกิจทำให้คนกลุ่มนี้มีส่วนร่วมกับองค์กรอยู่เสมอได้อย่างไร
ความพร้อมของข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญเมื่อที่ทำงานประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายรุ่น โดยในปัจจุบัน ผู้คนต่างก็ตระหนักถึงประเด็นด้านความหลากหลายมากขึ้น และเข้าหาบริษัทที่มีความน่าสนใจในแง่ของการมอบโอกาสที่เท่าเทียมกัน
ผู้คนต่างสนใจบริษัทที่มอบโอกาสที่เท่าเทียมกัน
ผู้หญิงต้องการโอกาสที่เท่าเทียม ความเป็นธรรม ตลอดจนต้องการรู้สึกว่าตนมีส่วนสำคัญในการทำงาน งานวิจัยของเรายังพบด้วยว่า ท้ายที่สุดแล้วทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างก็ต้องการสิ่งเดียวกัน
ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญกับการจัดการงานที่มีความยืดหยุ่นมากเท่าๆ กัน และผู้หญิงเองก็มุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ตำแหน่งระดับอาวุโสมากพอๆ กับผู้ชาย เพียงแต่พวกเธอแค่ต้องการโอกาสในการก้าวหน้าที่เหมาะสมเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ รูปแบบการเป็นผู้นำที่เราต้องการจึงได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยประเด็นนี้ไม่ได้อยู่ที่การว่าจ้างผู้หญิงมากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ผู้นำเองก็จำเป็นต้องนำความหลากหลายเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์และจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
3. บริษัทจะส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิงในที่ทำงานด้วยวิธีการที่จริงใจได้อย่างไร
บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องมุ่งมั่นส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิงอย่างแท้จริงผ่านบทบาทการเป็นผู้นำ ดังนั้น ผู้บริหารจึงควรทุ่มเทในเรื่องการเปิดกว้างในที่ทำงานอย่างสุดความสามารถ
นอกจากนี้ บริษัทเองก็ควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนและความรับผิดชอบในการสร้างสถานที่ทำงานที่เปิดกว้าง ยืดหยุ่น และมีความหลากหลาย
การกลับเข้ามาทำงานอีกครั้งเป็นวิธีสำคัญที่ช่วยให้ผู้หญิงเติบโตในหน้าที่การงาน
บริษัทสามารถส่งเสริมให้ผู้หญิงเติบโตในหน้าที่การทำงานได้ในหลายประเด็นที่สำคัญ ทั้งในแง่ของการทำงานแบบยืดหยุ่น เช่นเดียวกับการกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยให้ผู้หญิงที่อาจออกจากตลาดแรงงานชั่วคราวได้กลับมาทำงานอีกครั้ง
และสำหรับผู้ที่มีแผนการทำงานที่ยืดหยุ่น เทคโนโลยีจะช่วยให้คนเหล่านี้ได้เชื่อมต่อและทำงานร่วมกับผู้อื่นอยู่เสมอ ตลอดจนมีส่วนร่วมกับองค์กรได้แม้ว่าจะทำงานจากทางไกลก็ตาม
4. การส่งเสริมศักยภาพของผู้หญิงส่งผลดีอย่างไรต่อธุรกิจ
การลงทุนด้านความหลากหลายมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนวัตกรรม ประสิทธิภาพการทำงาน และมุมมองที่ผู้คนในองค์กรมีต่อธุรกิจ บริษัทต่างๆ ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะตระหนักได้ว่าการมีบุคลากรที่สะท้อนถึงความหลากหลายของฐานผู้บริโภคสามารถช่วยให้บริษัทมีผลิตภาพและมีนวัตกรรมที่ดียิ่งขึ้นได้
การศึกษาต่างๆ เผยให้เห็นว่า ความหลากหลายในทีมสามารถลดการคิดแบบติดกลุ่มและส่งผลให้เกิดการตัดสินใจ การแก้ไขปัญหา และผลงานสร้างสรรค์ที่ดียิ่งขึ้น
ผู้บริโภคมักรู้สึกในเชิงบวกมากขึ้นต่อบริษัทที่มีความหลากหลายทางเพศ
เราได้ดำเนินงานด้านการไม่แบ่งแยกและค้นพบความเชื่อมโยงที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของทีมที่มากขึ้น โดยเราพบว่า หากผู้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กร คนเหล่านี้มักจะทุ่มเทมากเป็นพิเศษและทำงานเป็นทีมได้ดี
บริษัทต่างค่อยๆ ได้รับประโยชน์จากการให้ความสำคัญกับความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก รวมถึงเห็นความสำคัญของการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถเอาไว้และการสร้างความไว้วางใจในกลุ่ม
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้บริโภคเองต่างก็มีแนวโน้มที่จะรู้สึกในเชิงบวกมากขึ้นต่อบริษัทที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งส่งผลให้แบรนด์มีชื่อเสียงที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
5. อนาคตของที่ทำงานจะเป็นอย่างไรเมื่อนำทัศนคติเรื่องความเท่าเทียมทางเพศของคน Gen Y และ Gen Z มาพิจารณาด้วย
คนรุ่นใหม่มีแนวโน้มจะเปิดกว้างต่อแนวคิดด้านความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกมากกว่า และมีความเข้าใจด้านเทคโนโลยีและสื่อในภาพรวมมากยิ่งขึ้น
คุณลักษณะทั้งหมดนี้จึงช่วยผลักดันให้สถานที่ทำงานให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมเป็นอันดับหนึ่ง มีลำดับขั้นน้อยลง และมีการร่วมงานกันระหว่างพนักงานทุกคนมากยิ่งขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว การเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายมากขึ้นได้ส่งผลให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากมีทัศนคติในประเด็นด้านการเปิดกว้างที่แตกต่างออกไปจากที่เราเคยเห็นในอดีต
แน่นอนว่าเรายังมีสิ่งต่างๆ ให้ต้องลงมือทำ แต่ปัจจุบันเราได้พบเห็นผู้คนจำนวนมากขึ้นที่หันมาให้ความสำคัญกับการเปิดกว้างอย่างจริงจัง เราได้เห็นผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าเราจะสามารถผลักดันให้เกิดการสร้างที่ทำงานที่เหมาะกับทุกคนมากขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สิ่งนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้องค์กรทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย เพราะ Workplace Power-Ups จะเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษภายใน Trello และช่วยให้คุณและคนในทีมทำงานได้จากหลากหลายมุมมอง
เมื่อคุณแชร์การ์ด Trello ไปยังกลุ่มบน Workplace การ์ดดังกล่าวจะแสดงตัวอย่างโพสต์บน Workplace ให้คุณเห็นจากใน Trello ทันที
นอกจากนี้ คุณยังสามารถคลิกลิงก์ไปยังโพสต์บน Workplace เพื่อไปที่การสนทนาบน Workplace ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
หากต้องการเริ่มต้นใช้งาน คุณสามารถติดตั้งการผสานการทำงานของ Trello ใน Workplace ที่นี่ (คุณจะต้องมีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ Workplace) และติดตั้ง Workplace Power-Ups ใน Trello ที่นี่
Atlassian และ Workplace ยิ่งใช้คู่กันแล้วยิ่งดี
ถ้าจะถามว่าทำไมเราจึงร่วมผสานการทำงานกับ Atlassian
เหตุผลก็เพราะทั้ง Atlassian และ Workplace ทราบดีว่าผู้คนมักต้องการใช้เครื่องมือหลายๆ อย่างในการทำงานให้เสร็จ และเครื่องมือเหล่านี้ก็ควรทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นไม่ว่าคุณจะใช้แพลตฟอร์มใดก็ตาม
ผู้คนควรจะมีโอกาสเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเพื่อนำมาใช้ทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้ตามต้องการ
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้คนควรจะมีโอกาสเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดเพื่อนำมาใช้ทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้ตามต้องการ
เราเรียกกลยุทธ์นี้ว่า Better Together
เราได้แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับพื้นฐานของกลยุทธ์ Better Together ที่งาน F8 ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 โดยเราได้ประกาศการผสานการทำงานกับแอพพลิเคชั่น SaaS ชั้นนำมากกว่า 50 รายการ เช่น Box, Zoom, Adobe Sign และ Jira Cloud โดย Atlassian
ในโลกแห่งการทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ดีกว่านั้น เราจะนำแอพสำหรับองค์กรที่ดีที่สุดมาไว้บน Workplace เพื่อสร้างสิ่งที่ดียิ่งกว่าผลลัพธ์จากการใช้แต่ละแอพรวมกัน
เราเรียกกลยุทธ์นี้ว่า Better Together
เราเชื่อว่า Workplace เป็นเครื่องมือด้านการสื่อสารและการทำงานร่วมกันที่ดีที่สุด และเชื่อว่า Trello เป็นวิธีที่เยี่ยมที่สุดในการช่วยให้คนในทีมจัดการโปรเจ็กต์ได้อย่างเห็นภาพ เราจึงรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เปิดใช้การผสานการทำงานระหว่างสองแพลตฟอร์มนี้
เราหวังว่าจะได้สร้างการผสานการทำงานระหว่าง Workplace กับผลิตภัณฑ์ของ Atlassian ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในอนาคต
เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ
รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน
เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว