คู่มือสำหรับผู้ดูแลกลุ่ม

สุดยอดคู่มือสำหรับการสร้างและจัดการกลุ่มบน Workplace


ถ้าคุณเคยสร้างกลุ่มใน Workplace คุณก็เป็นผู้ดูแลกลุ่มอย่างเป็นทางการแล้ว ในฐานะผู้ดูแลกลุ่ม คุณสามารถควบคุมการตั้งค่าของกลุ่มได้ รวมถึงการอนุญาตในการโพสต์ วิธีการเพิ่มสมาชิก และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้คุณยังมีหน้าที่ใหม่ๆ เพื่อจัดการการสื่อสารภายในกลุ่มและติดตามดูเกณฑ์ชี้วัดของกลุ่ม
คู่มือนี้จะช่วยอธิบายวิธีเตรียมกลุ่มของคุณให้พร้อมรับความสำเร็จล่วงหน้า และวิธีจัดการสมาชิกกลุ่มทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างกลุ่ม
1. การสร้างกลุ่ม
เมื่อสร้างกลุ่มบน Workplace คุณควรพิจารณาสิ่งสำคัญต่อไปนี้
  • วัตถุประสงค์ของกลุ่ม: คุณจะใช้กลุ่มเพื่ออะไร
  • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว: ใครที่จะสามารถดูกลุ่มและโพสต์ในกลุ่มได้
  • สิทธิ์ในการโพสต์: ใครที่จะสามารถโพสต์ลงในกลุ่มได้บ้าง
วัตถุประสงค์ของกลุ่ม:
บริษัทมักจะสร้างกลุ่มขึ้นมาสำหรับวัตถุประสงค์ต่อไปนี้
  • การประกาศของบริษัท ในภูมิภาค และในบางสำนักงาน
  • การทำงานทั่วไปและขั้นตอนที่ต้องทำซ้ำๆ เช่น
    • กลุ่มถามตอบของฝ่าย HR หรือแผนกช่วยเหลือของฝ่าย IT: เพื่อช่วยให้พนักงานได้รับคำตอบสำหรับข้อสงสัยต่างๆ
    • กลุ่มอำนวยความสะดวก: เพื่อให้พนักงานสามารถรายงานปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
    • กลุ่มการแลกกะ: เพื่อให้บุคลากรหน้างานสามารถส่งคำขอแลกกะหรือเลือกกะที่ว่างได้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแลกกะได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือ
  • การสื่อสารกันทางสังคม เพื่อช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงานที่มีความสนใจและประสบการณ์แบบเดียวกับคุณ
  • การร่วมงานกันของแผนก ทีม และโปรเจ็กต์ต่างๆ
  • การประกาศในแผนก เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ แคมเปญด้านการตลาด การทำยอดขายได้ตามเป้า ฯลฯ
  • การสื่อสารแบบตัวต่อตัวระหว่างผู้จัดการและพนักงานใต้บังคับบัญชา
การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว:
การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของกลุ่มบน Workplace มีด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้
  • กลุ่มเปิด: ทุกคนสามารถสามารถค้นหาในกลุ่มโดยใช้การค้นหาและดูโพสต์ได้ เนื้อหาจากกลุ่มเปิดจะปรากฏบนฟีดข่าวของผู้คน
  • กลุ่มปิด: ทุกคนจะสามารถค้นหากลุ่มได้ผ่านการค้นหาบน Workplace, ดูคำอธิบายกลุ่ม และขอเข้าร่วมได้ โดยมีเฉพาะสมาชิกเท่านั้นที่มองเห็นโพสต์ได้
  • กลุ่มลับ: คุณจะต้องได้รับเชิญให้เข้าร่วมกลุ่มลับ มีเพียงสมาชิกของกลุ่มเท่านั้นที่สามารถค้นกลุ่มผ่านการค้นหาและดูโพสต์ได้
หมายเหตุ: ผู้ดูแลระบบจะสามารถดูกลุ่มบน Workplace ทั้งหมดได้ ซึ่งรวมถึงกลุ่มลับด้วย
ตารางนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมการทำงานของการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่เหมาะสำหรับกลุ่มแต่ละประเภท
Table with groups listed by purpose, privacy setting and examples of group names
สิทธิ์การอนุญาตการโพสต์:
คุณอาจต้องการจำกัดผู้ที่สามารถโพสต์ในกลุ่ม หรือต้องการให้โพสต์ทั้งหมดต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ดูแล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของกลุ่มของคุณ ตัวอย่างเช่น กลุ่มการประกาศของบริษัทมักจะจัดการโดยทีมการสื่อสารภายใน เพื่อลดการรบกวนและช่วยให้แน่ใจว่ามีเฉพาะโพสต์ที่สำคัญในกลุ่ม ผู้ดูแลกลุ่มสามารถจำกัดการอนุญาตในการโพสต์เป็นสำหรับผู้ดูแลเท่านั้นได้ คุณสามารถเลือกได้จากการตั้งค่าสิทธิ์การอนุญาตดังต่อไปนี้
  • ทุกคน: ทุกคนมองเห็นกล่องเขียนข้อความโพสต์ และโพสต์ของทุกคนจะลงในกลุ่มโดยอัตโนมัติ
  • ผู้ดูแลเท่านั้น: มีเพียงผู้ดูแลเท่านั้นที่จะสามารถโพสต์ในกลุ่มดังกล่าวได้ ผู้อื่นจะมองไม่เห็นกล่องเขียนข้อความ
  • การอนุมัติการโพสต์ - ทุกคนมองเห็นกล่องเขียนข้อความและสามารถส่งโพสต์ได้ อย่างไรก็ตาม โพสต์จะถูกเผยให้เห็นในกลุ่มก็ต่อเมื่อผู้ดูแล/ผู้ควบคุมอนุมัติเรียบร้อยแล้ว
เรียนรู้วิธีแก้ไขสิทธิ์ในการโพสต์ในกลุ่มได้ในศูนย์ช่วยเหลือของ Workplace
ขั้นตอนที่สำคัญอื่นๆ ในการสร้างกลุ่มของคุณ:
เมื่อพิจารณาประเด็นสำคัญต่างๆ แล้ว คุณจะสามารถมั่นใจได้ว่าวัตถุประสงค์และแนวทางของกลุ่มนั้นสื่อสารกับสมาชิกและทุกคนในองค์กรที่มีสิทธิ์เข้าถึงได้อย่างชัดเจน
  1. ตั้งชื่อกลุ่มที่เข้าใจง่ายและอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของกลุ่มได้อย่างชัดเจน ชื่อที่ดีจะทำให้ผู้คนค้นพบกลุ่มของคุณผ่านการค้นหาได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น “ทีมการตลาด”, “การประกาศในบริษัท”, “การตอบกลับจากศูนย์ช่วยเหลือ”, “โปรเจ็กต์ออกแบบเว็บไซต์ใหม่”, “ถามตอบเรื่อง IT”
  2. เพิ่มคำอธิบายที่ช่วยให้สมาชิกกลุ่มเข้าใจอย่างชัดเจนว่ากลุ่มที่ตั้งขึ้นมาจะนำไปใช้เพื่ออะไร และใครเป็นสมาชิกเป้าหมายของกลุ่ม
  3. เพิ่มรูปภาพหน้าปก รูปภาพหน้าปกสามารถกำหนดทิศทางของกลุ่มได้ การเพิ่มรูปพนักงานนั้นเป็นผลดีต่อกลุ่มทีม กลุ่มประกาศข่าว และกลุ่มโซเชียล ดูคู่มือนี้เพื่อดูข้อมูลด้านขนาดของรูปภาพหน้าปก
2. การจัดการสมาชิก
2. การจัดการสมาชิก
การเพิ่มสมาชิกกลุ่ม:
เมื่อคุณจัดการกับประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาต่างๆ เสร็จแล้ว ต่อไปคุณก็เริ่มเพิ่มสมาชิกกลุ่มได้ โดยผู้ดูแลกลุ่มมีวิธีการอยู่หลายวิธี ได้แก่
  1. การเชิญรายบุคคล: เชิญเพื่อนร่วมงานทีละคน โดยตัวเลือกนี้จะเหมาะกับกลุ่มทีมขนาดเล็ก
  2. การเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติ: ช่วยให้คุณเชิญสมาชิกไปยังกลุ่มของคุณโดยอิงตามเกณฑ์ของโปรไฟล์ได้ โดยเราจะเจาะลึกการเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติโดยละเอียดที่ด้านล่าง
หากคุณเป็นผู้ดูแลระบบด้วย คุณสามารถควบคุมการเป็นสมาชิกกลุ่มจากแผงควบคุมสำหรับผู้ดูแลได้ 2 วิธี ได้แก่
  1. กลุ่มเริ่มต้น: ผู้ดูแลสามารถตั้งค่ากลุ่มให้เป็นกลุ่มเริ่มต้นเพื่อให้ทุกคนในองค์กรของคุณได้รับการเพิ่มเข้าไปในกลุ่มโดยอัตโนมัติ โดยการตั้งค่านี้เหมาะสมที่สุดสำหรับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับทุกคน เช่น การประกาศสำหรับทั้งบริษัท เรียนรู้วิธีตั้งค่ากลุ่มเป็นกลุ่มเริ่มต้นได้ในศูนย์ช่วยเหลือ
  2. กลุ่มผู้ใช้: ผู้ดูแลระบบสามารถใช้กลุ่มผู้ใช้เพื่อจัดการสมาชิกขององค์กรโดยอิงตามเกณฑ์ต่างๆ เช่น สาขา แผนก ฝ่าย และอื่นๆ ทุกคนที่ตรงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้จะถูกเพิ่มไปยังกลุ่มผู้ใช้ดังกล่าวโดยอัตโนมัติ ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดกลุ่มผู้ใช้ไปยังกลุ่มต่างๆ เพื่อสร้างระบบสมาชิกกลุ่มแบบอัตโนมัติโดยอิงตามเกณฑ์โปรไฟล์ เรียนรู้วิธีสร้างกลุ่มผู้ใช้ได้ในศูนย์ช่วยเหลือ
การเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติ:
การจัดการกลุ่มขนาดใหญ่อาจต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเพิ่มสมาชิกทีละคนเมื่อมีพนักงานเข้าองค์กรมาใหม่ เปลี่ยนตำแหน่ง หรือย้ายไปยังที่ใหม่ คุณสามารถใช้การเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติเพื่อจัดการสมาชิกได้ง่ายดายยิ่งขึ้นได้
การเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติจะช่วยให้ผู้ดูแลกลุ่มสามารถตั้งกฎเพื่อเพิ่มผู้คนที่เหมาะสมไปยังกลุ่มของคุณโดยอัตโนมัติโดยอิงจากข้อมูลบนโปรไฟล์ เช่น สาขา แผนก บทบาท และอื่นๆ ได้ เมื่อสร้างและใช้กฎแล้ว การเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติจะทำงานในสองวิธี ได้แก่
  1. ทุกคนที่ตรงตามเกณฑ์ที่คุณตั้งไว้จะถูกเพิ่มไปยังกลุ่ม
  2. สมาชิกกลุ่มที่เปลี่ยนแปลงข้อมูลโปรไฟล์และไม่ตรงกับเกณฑ์ที่กฎของการเป็นสมาชิกกลุ่มตั้งไว้จะถูกลบออกจากกลุ่มโดยอัตโนมัติ โปรดทราบว่าผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อถูกลบออกจากกลุ่ม
เราทราบดีว่าทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น หากต้องการเพิ่มสมาชิกกลุ่มที่ไม่ตรงตามเกณฑ์โปรไฟล์ที่คุณกำหนดไว้ในกฎการเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติของคุณ คุณก็สามารถเพิ่มผู้ใช้ทีละรายด้วยตัวเองได้
โปรดไปที่ศูนย์ช่วยเหลือ เพื่อดูคำแนะนำแบบทีละขั้นตอนสำหรับวิธีสร้างกฎการเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติสำหรับกลุ่มของคุณ

ผู้ดูแลระบบจะต้องเปิดใช้งานการเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติบน Workplace ก่อนเปิดใช้งานการเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติ ผู้ดูแลระบบควรดูให้แน่ใจว่าได้กรอกช่องโปรไฟล์สำหรับสมาชิกในชุมชน Workplace แล้ว การเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติจะอิงข้อมูลจากข้อมูลโปรไฟล์ (ช่องโปรไฟล์) เช่น สาขา แผนก ฝ่าย เป็นต้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับช่องโปรไฟล์ได้ในคู่มือสำหรับผู้ดูแลระบบ หากต้องการดูวิธีเปิดใช้งานการเป็นสมาชิกกลุ่มอัตโนมัติใน Workplace ไปที่ศูนย์ช่วยเหลือบน Workplace

คำขอเป็นสมาชิก:
กลุ่มเปิดนั้นจะถูกตั้งค่าโดยอัตโนมัติเพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องส่งคำขอเข้าร่วม คุณสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเหล่านั้นเพื่อจำกัดการอนุมัติการเป็นสมาชิกให้เป็นสมาชิกกลุ่มเท่านั้น หรือผู้ดูแลกลุ่มและผู้ควบคุมเท่านั้น
กลุ่มปิดและกลุ่มลับจะถูกตั้งค่าโดยอัตโนมัติให้สมาชิกทุกคนสามารถอนุมัติหรือเชิญสมาชิกใหม่ได้ คุณสามารถปรับการตั้งค่าเหล่านั้นให้มีแต่ผู้ดูแลและผู้ควบคุมเท่านั้นที่สามารถอนุมัติผู้คนใหม่ๆ เข้ากลุ่มได้
การอนุมัติการเป็นสมาชิกล่วงหน้า:
ประหยัดเวลาด้วยการอนุมัติการขอเป็นสมาชิกจากผู้คนในกลุ่มอื่นๆ ของคุณโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นผู้ดูแลกลุ่มโปรเจ็กต์ อนุมัติกลุ่มทีมล่วงหน้าเพื่อให้สมาชิกกลุ่มทีมทุกคนสามารถเข้าร่วมกลุ่มได้โดยง่าย
การแจ้งเตือนคำขอเป็นสมาชิก:
หากกลุ่มของคุณเป็นกลุ่มปิดหรือกลุ่มลับ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อมีใครขอเข้าร่วมกลุ่ม ใช้การแจ้งเตือนเหล่านี้เพื่ออนุมัติคำขอเป็นสมาชิกกลุ่ม
คุณสามารถปิดการแจ้งเตือนคำขอเป็นสมาชิกกลุ่มได้ แต่เราไม่แนะนำให้คุณทำเช่นนั้น การปิดการแจ้งเตือนเหล่านี้หมายความว่าคุณอาจจะพลาดคำขอเป็นสมาชิกได้ และผู้คนจะต้องรอเข้าร่วมกลุ่มนานกว่าเดิม แต่หากคุณปิดการแจ้งเตือนเหล่านี้ คุณจะยังสามารถจัดการคำขอเข้ากลุ่มผ่านตัวเลือกสำหรับผู้ดูแลของกลุ่มได้
การเพิ่มผู้ดูแลกลุ่ม:
เราแนะนำให้คุณมีผู้ดูแลอย่างน้อยสองรายต่อกลุ่ม สำหรับกลุ่มขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มประกาศของบริษัท คุณอาจต้องมีผู้ดูแลเพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยจัดการการสื่อสาร คำขอ และอื่นๆ วิธีตั้งให้บุคคลเป็นผู้ดูแลกลุ่ม
  1. ที่กลุ่ม ให้คลิก "สมาชิก" ที่ใต้ชื่อกลุ่ม คุณอาจต้องคลิกที่ "เพิ่มเติม" ก่อน
  2. คลิก “...” ถัดจากเพื่อนร่วมงานที่ต้องการกำหนดให้เป็นผู้ดูแล
  3. คลิก “เชิญให้เป็นผู้ดูแล” แล้วยืนยันตัวเลือก
3. การจัดการเนื้อหา
3. การจัดการเนื้อหา
เนื้อหาที่รายงาน:
ในฐานะผู้ดูแลกลุ่ม คุณมีหน้าที่รับผิดชอบต่อเนื้อหาที่สมาชิกกลุ่มรายงานเข้ามา เมื่อสมาชิกรายงานเกี่ยวกับโพสต์และความคิดเห็น สิ่งเหล่านั้นจะปรากฏในส่วน "เนื้อหาที่ถูกสมาชิกรายงาน" ของตัวเลือกสำหรับผู้ดูแลของคุณ คุณสามารถเก็บหรือลบโพสต์และแสดงความคิดเห็น และยังสามารถปิดการแสดงความคิดเห็น ลบ หรือบล็อกสมาชิกที่เป็นคนสร้างสิ่งเหล่านั้นออกจากกลุ่มได้อีกด้วย
การตั้งค่าลำดับโพสต์:
คุณสามารถเลือกวิธีการเรียงลำดับโพสต์ในฟีดกลุ่มของคุณได้ เพื่อให้ค้นหาเนื้อหาที่สำคัญที่สุดได้อย่างง่ายดาย ในการดำเนินการ ให้ไปที่ "การตั้งค่า" ใน "ตัวเลือกสำหรับผู้ดูแล" แล้วเลื่อนลงไปที่ "ลำดับโพสต์เริ่มต้น" คุณสามารถเลือกได้สองตัวเลือก ได้แก่
  1. กิจกรรมใหม่: จะแสดงโพสต์ที่มีความคิดเห็นล่าสุดก่อนในฟีดของกลุ่ม
  2. โพสต์ล่าสุด: จะช่วยให้คุณแน่ใจว่าโพสต์ล่าสุดจะอยู่ด้านบนสุดบนฟีดของกลุ่ม
การอนุมัติโพสต์:
หากคุณตั้งสิทธิ์การอนุญาตในการโพสต์ของกลุ่มให้ต้องมีการอนุมัติจากผู้ดูแล คุณจะได้รับการแจ้งเตือนทุกครั้งที่สมาชิกของกลุ่มพยายามแชร์โพสต์ จากนั้นคุณสามารถไปที่ "โพสต์ที่รอดำเนินการ" ในตัวเลือกสำหรับผู้ดูแลเพื่อตรวจสอบและอนุมัติหรือปฏิเสธโพสต์ดังกล่าว
คู่มือการเรียนรู้
ทุกกลุ่มจะมีแท็บ "การเรียนรู้" ที่คุณสามารถสร้างแนวทางเพื่อจัดการการฝึกอบรมและเนื้อหาการเรียนรู้สำคัญที่แชร์ในกลุ่มของคุณได้ และคุณยังสามารถเพิ่มแบบทดสอบไปยังคู่มือการเรียนรู้และติดตามคู่มือที่เรียนรู้สำเร็จได้
เมื่อเริ่มสร้างกลุ่ม แท็บนี้จะปรากฏเฉพาะสำหรับผู้ดูแลกลุ่มเท่านั้น แต่เมื่อผู้ดูแลกลุ่มเริ่มเพิ่มเนื้อหาไปยังแท็บ แท็บดังกล่าวจะปรากฏขึ้นสำหรับทุกคนในกลุ่ม
ดูวิธีการทำงานของคู่มือการเรียนรู้ได้ในหลักสูตรการเรียนรู้ตัวตนเองบน Workplace Academy
4. การตั้งค่าการผสานการทำงาน
4. การตั้งค่าการผสานการทำงาน
ในฐานะผู้ดูแลกลุ่ม คุณยังสามารถเพิ่มการผสานการทำงานให้สมาชิกกลุ่มของคุณใช้ได้เช่นกัน การผสานการทำงานแชร์ไฟล์เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มทุกกลุ่ม แต่มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อกลุ่มทีม กลุ่มโปรเจ็กต์ และกลุ่มตอบรับข้ามแผนกของคุณ การผสานการทำงานเพื่อแชร์ไฟล์ทำให้การแสดงงานที่คุณกำลังทำอยู่ได้โดยง่าย และยังใช้เก็บรวบรวมคำติชมจากผู้อื่นได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย สมาชิกกลุ่มจะสามารถดูได้เฉพาะเนื้อหากลุ่มที่ตนมีสิทธิ์การเข้าถึงเท่านั้น
การผสานการทำงานสื่อ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกลุ่มอภิปราย การผสานการทำงานแบบนี้ทำให้ผู้คนสามารถแชร์ข่าวที่น่าสนใจและมีส่วนร่วมในการสนทนาระหว่างกันได้โดยง่าย ลองสร้างกลุ่ม "ข่าวสารในแวดวงธุรกิจ" แบบเปิดและกระตุ้นให้ผู้คนแชร์บทความที่นี่เพื่อคอยอัพเดตข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน
5. ติดตามการมีส่วนร่วม
5. ติดตามการมีส่วนร่วม
ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มมอบแดชบอร์ดแบบอินเทอร์แอคทีฟสามประเภทที่คุณสามารถใช้เฝ้าสังเกตการมีส่วนร่วมได้ โดยคุณสามารถดาวน์โหลดการรายงานแต่ละรายงานได้ เพื่อดูวิธีการใช้กลุ่มของสมาชิกอย่างละเอียด
ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มจะช่วยให้คุณสามารถติดตามสถิติต่อไปนี้
  • ข้อมูลการเติบโต: การเติบโตของจำนวนสมาชิกและคำขอเป็นสมาชิก
  • ข้อมูลการมีส่วนร่วม: โพสต์ ความคิดเห็น และการแสดงความรู้สึกในช่วงเวลาที่เลือก และดูวันเวลายอดนิยมที่สมาชิกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วม และรวมถึงการตรวจสอบโพสต์ยอดนิยมของกลุ่มด้วยเช่นกัน
  • ข้อมูลสมาชิก: ดูข้อมูลของคนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในกลุ่ม
  • การเรียนรู้: ติดตามการอ่านคู่มือและโพสต์การเรียนรู้ที่เสร็จสิ้น
ใช้ข้อมูลนี้ในการระบุและเชื่อมต่อกับผู้มีส่วนร่วมมากที่สุดในกลุ่ม หรือกำหนดเวลาสำหรับโพสต์ผู้บริหารในวันและช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูงสุดได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากการรายงานนั้นสามารถทำได้ภายในระยะเวลา 60 วัน คุณจะสามารถติดตามผลลัพธ์จากการดำเนินการของคุณและค้นหาว่าวิธีการใดใช้งานได้เหมาะสม
6. การจัดเก็บกลุ่ม
6. การจัดเก็บกลุ่ม
การจัดเก็บกลุ่มของคุณเมื่อกลุ่มนั้นไม่มีความสำคัญหรือไม่ได้ถูกใช้งานอีกต่อไปแล้วเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้ผลการค้นหาไม่รก พนักงานจึงสามารถค้นหากลุ่มที่มีการใช้งานที่ตนกำลังมองหาได้ง่ายดาย เนื้อหาทั้งหมดบนเพจกลุ่มจะยังมีให้เข้าถึงได้โดยสมาชิกกลุ่มหลังจากที่กลุ่มได้ถูกจัดเก็บแล้ว
วิธีจัดเก็บกลุ่ม
  1. ไปที่กลุ่มที่คุณต้องการจัดเก็บแล้วคลิก "..." ที่ด้านล่างของรูปภาพหน้าปก จากนั้นคลิก "ตัวเลือกผู้ดูแล"
  2. เลื่อนลงไปที่ "จัดเก็บกลุ่ม" แล้วคลิก "จัดเก็บ" ข้างตัวเลือกนั้น
  3. คลิก "ยืนยัน"
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์