เรื่องราวของบริษัทที่เชื่อมต่อถึงกัน: Nestlé
มอบความเรียบง่ายและความคล่องตัวให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เนื่องด้วยพนักงานของบริษัท 320,000 คนที่กระจายตัวกันอยู่ในสถานที่ 4,000 แห่งใน 190 ประเทศ พร้อมด้วยแบรนด์อีกมากกว่า 2,000 แบรนด์ Nestlé จึงเป็นบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก Cristina Macina ได้รับมอบหมายให้ค้นหาวิธีเชื่อมต่อทั้งบริษัทเข้าด้วยกัน เราจึงสัมภาษณ์เธอว่าเธอทำได้อย่างไร
Workplace: ทำไมคุณจึงเลือกใช้ Workplace
Cristina Macina: ส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของเราคือการนำผู้คนมารวมกันเพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่ทั่วถึงมากขึ้น และเปลี่ยนไอเดียสุดเจ๋งให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ แม้ความท้าทายนั้นจะยิ่งใหญ่มาก แต่ก็ถือเป็นโอกาสในการปลดล็อกพลังความร่วมมือของพนักงานที่ทำงานร่วมกันเหล่านี้
คุณเปิดใช้งาน Workplace อย่างไร
เราเริ่มใช้ Workplace กับพนักงานฝ่ายขายของ Nestlé Mexico ก่อน ในตอนนั้น ฝ่ายนี้มีทีมที่กระจายตัวกันอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งคนในทีมก็เริ่มรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวและเหมือนถูกตัดขาดจากองค์กร แต่ด้วยความที่มีความกระตือรือร้นสูง พนักงานเหล่านั้นจึงตัดสินใจเริ่มใช้ Workplace
หลังจากผ่านไปสองปี เราเห็นว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก ปัจจุบันทีมดังกล่าวบอกเราว่าทีมทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดของตนเอง และสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Nestlé ทั่วโลกได้มากขึ้นถึง 94% และเนื่องจากตอนนี้ทีมสามารถเข้าถึงหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดได้มากขึ้นจากทุกภาคส่วนของบริษัท ทีมจึงสร้างสรรค์นวัตกรรมได้มากขึ้นถึง 60%
แก้งานยุ่งได้ไม่ยากด้วย Workplace
ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้
อุปสรรคที่ท้าทายที่สุดในการเปิดใช้ Workplace อย่างทั่วถึงคืออะไร
การไม่ได้หลับไม่ได้นอน! การนำไปใช้ครั้งนี้กินวงกว้างมากจนต้องใช้เวลาเกิน 24 ชั่วโมงในการทำให้ทุกคนเข้าใช้งานได้จนครบ แต่เรามีหลักการสี่ข้อที่ทำให้ใช้งาน Workplace ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งก็คือ
- มองในระดับสากลแต่ดำเนินการในระดับท้องถิ่น
- สนับสนุนทีมในทุกประเทศและตลาดที่เราดำเนินธุรกิจ
- มอบบทบาทที่เฉพาะเจาะจงและมีอิทธิพลสูงให้กับทีมผู้นำ
- สร้างแนวทางที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผู้คนต้องการก่อน แต่ก็ต้องมีข้อมูลรองรับด้วย
ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดคืออะไร
ฉันวุ่นอยู่กับการเพิ่มการมีส่วนร่วมในองค์กร ซึ่งเราก็ทำสำเร็จ แต่ฉันก็อยากแสดงให้เห็นด้วยว่า Workplace สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีประการหนึ่งคือการทำให้บริษัทขนาดยักษ์ใหญ่แห่งนี้ดำเนินงานได้อย่างเรียบง่ายและคล่องตัว
นอกจากนี้ เรายังได้เห็นแรงบันดาลใจและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการแค่เชื่อมต่อผู้คนที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกันหรือไม่เคยมีโอกาสโต้ตอบกันมาก่อนเข้าด้วยกัน
“เราได้เห็นแรงบันดาลใจและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการแค่เชื่อมต่อผู้คนที่ไม่ได้พูดภาษาเดียวกันหรือไม่เคยมีโอกาสโต้ตอบกันมาก่อนเข้าด้วยกัน”
พนักงานจำนวนมากเข้าร่วม Nestlé เพราะเราเป็นบริษัทนานาชาติ แต่แล้วจู่ๆ คุณก็ต้องไปทำงานที่อิตาลี และไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งเลย Workplace จึงเป็นโอกาสในการเชื่อมต่อและแบ่งปันความหลงใหลที่เรามีต่อผลิตภัณฑ์ของเรา แบรนด์ของเรา หรือแม้แต่กิจกรรมอย่างการวิ่งหรือสัตว์เลี้ยง ซึ่งทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกันได้ในหลากหลายระดับ ตั้งแต่ระดับอารมณ์ความรู้สึกไปจนถึงระดับที่เป็นการเป็นงาน
มีสิ่งใดที่เหนือความคาดหมายบ้างไหม
สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่สุดก็คืออารมณ์ของการสนทนานั้นเปลี่ยนไปแบบรวดเร็วมาก เราเป็นบริษัทใหญ่ และบางครั้งการสื่อสารบางอย่างก็ดูค่อนข้างเป็นทางการ เนื่องจากผู้คนคุ้นเคยกับการใช้ Facebook กันอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ฉันเห็นได้ทันทีคือพนักงานเปลี่ยนจากการสื่อสารแบบเป็นทางการมาเป็นการสนทนา อย่างเช่น 'มานี่มา ฉันจะบอกสูตรของฉันให้…' 'ดูสิว่าฉันทำอะไร…'
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจ เพราะฉันไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ ฉันคิดว่าสิ่งนี้ทำให้พนักงานใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะมันเป็นการพูดคุยแบบเป็นกันเองมากกว่า เป็นการให้ภาพเบื้องลึกยิ่งขึ้นเกี่ยวกับผู้คนทั้งหลายที่มาทำงานด้วยกันในทุกๆ วัน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง