AI และอนาคตแห่งการทำงาน

AI ไม่ได้อยู่ในอนาคตอีกต่อไปแล้ว แต่อยู่ในปัจจุบัน และตอนนี้เมตาเวิร์สก็เกิดขึ้นแล้วด้วย การปฏิวัติ AI เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเปิดโลกแห่งโอกาสใหม่ๆ องค์กรจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร

อนาคตแห่งการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 6 นาที
ปัญญาประดิษฐ์คืออะไร

ปัญญาประดิษฐ์คืออะไร

กล่าวโดยสรุปก็คือ AI เป็นศาสตร์แห่งการสร้างเครื่องจักรที่มีความสามารถแบบมนุษย์ นี่นับว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่เครื่องที่จักรสามารถวางแผน ให้เหตุผล สื่อสาร และเรียนรู้ได้นั้นช่วยยกระดับชีวิตของเราให้ดีขึ้น รวมถึงช่วยลดต้นทุน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไร แต่สิ่งที่หลายคนกลัวก็มักจะเป็นเรื่องที่ว่า AI อาจทำให้เกิดการหยุดชะงักในเชิงลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแรงงาน เนื่องจาก AI จะเข้ามาแทนที่งานที่มีแบบแผนคงที่และมีความสำคัญต่ำ

AI มีหลากหลายแขนง ซึ่งทุกแขนงล้วนมีอิทธิพลต่อวิธีการทำงานของเราในปัจจุบัน และวิธีที่เราจะทำงานในอนาคตอย่างมากดังนี้

แมชชีนเลิร์นนิ่ง: AI ประเภทนี้จะ 'เรียนรู้' โดยอิงจากการจดจำรูปแบบที่อยู่ในข้อมูล สิ่งนี้ถือเป็นการปฏิวัติเนื่องจากซอฟต์แวร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ให้มาเพื่อคาดการณ์ สร้างกฎ หรือให้คำแนะนำสำหรับการดำเนินการได้เอง ไม่ใช่ถูกตั้งโปรแกรมมา การเรียนรู้เชิงลึกทำให้กระบวนการนี้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น โดยลดการป้อนข้อมูลจากมนุษย์ลงและสามารถใช้ชุดข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นได้ AI ได้เข้ามาช่วยในกระบวนการล่าสุดบางอย่างในด้านการจดจำคำพูดและรูปภาพ รวมถึงการประมวลผลภาษาให้เป็นธรรมชาติ แต่ว่าแมชชีนเลิร์นนิ่งนั้นจะมีประสิทธิภาพพอๆ กับข้อมูลที่ป้อนเข้าไปเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากข้อมูลนั้นมีความโน้มเอียง ผลลัพธ์ของ AI ก็จะมีความโน้มเอียงด้วย

หุ่นยนต์: องค์กรต่างๆ นำหุ่นยนต์มาใช้เพื่อทำให้งานที่ต้องใช้แรงงานเป็นระบบอัตโนมัติ โดยมีการสั่งการจากทางไกล หรือโดยการใช้อัลกอริทึมหรือเซ็นเซอร์ ปัจจุบันหุ่นยนต์มีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การช่วยผ่าตัดไปจนถึงการตรวจสอบท่อระบายน้ำ ตลอดจนการใช้ 'แขน' หุ่นยนต์ในสายการผลิตที่เราคุ้นตากันเป็นอย่างดี

การประมวลผลภาษาให้เป็นธรรมชาติ: แม้ว่าคอมพิวเตอร์จะชาญฉลาดมาก แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจ สร้าง และตอบสนองต่อภาษาของมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนัก การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้โดยใช้แมชชีนเลิร์นนิ่ง NLP มีแอพพลิเคชั่นมากมาย ตั้งแต่การแปล การจดจำเสียง และการถอดความ ไปจนถึงการดึงข้อมูลจากรายงาน

มาพูดคุยเกี่ยวกับอนาคตแห่งการทำงานกัน

เรากำลังพยายามค้นหาคำตอบของคำถามที่สำคัญที่สุดที่เราทุกคนต่างสงสัยเกี่ยวกับการทำงานในเมตาเวิร์ส มาดูกัน

AI และระบบอัตโนมัติแตกต่างกันอย่างไร

AI และระบบอัตโนมัติแตกต่างกันอย่างไร

AI และระบบอัตโนมัติเป็นคำที่เรามักใช้เรียกแทนสิ่งเดียวกัน ทว่าทั้งสองคำนั้นไม่ได้มีความหมายเหมือนกันเสียทีเดียว แม้ว่าจะมีจุดประสงค์ในการช่วยเหลือมนุษย์ในการทำงานที่มีแบบแผนคงที่และงานที่จำเจเหมือนกันก็ตาม ระบบอัตโนมัติจะใช้การตั้งโปรแกรมเพื่อให้เครื่องจักรทำงานต่างๆ แต่ AI นั้นจะทำให้เครื่องจักรเรียนรู้เองโดยอัตโนมัติจากการจดจำรูปแบบในข้อมูล

AI จะส่งผลต่ออนาคตแห่งการทำงานอย่างไร

AI จะส่งผลต่ออนาคตแห่งการทำงานอย่างไร

AI ได้ฝังลึกอยู่ในชีวิตประจำวันและการทำงานไปเรียบร้อยแล้ว โดย AI สามารถทำได้ทุกอย่างตั้งแต่การเป็นผู้ช่วยส่วนตัวแบบดิจิทัลไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องใช้อัจฉริยะ การช้อปปิ้งออนไลน์ และหุ่นยนต์ในโรงงาน รายงานเกี่ยวกับสถานะของ AI ของ McKinsey เปิดเผยว่า 56% ของผู้ทำแบบสำรวจได้ใช้ประโยชน์จากฟังก์ชันการทำงานของ AI อย่างน้อยหนึ่งฟังก์ชัน ซึ่งตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 57% ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีน ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ การสำรวจเกี่ยวกับซีอีโอทั่วโลกของ PwC กล่าวว่าการเติบโตนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไป โดยเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นระบบอัตโนมัติและดิจิทัลนั้นจะถูกรวมเข้าไว้ในกลยุทธ์องค์กรในระยะยาวของบริษัทต่างๆ ถึง 54%

AI พร้อมที่จะพัฒนาต่อไปในหลายๆ ด้าน

  • เมตาเวิร์ส

    เทคโนโลยี Virtual Reality และ Augmented Reality ช่วยให้คุณเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ความบันเทิง และการทำงาน พื้นที่เสมือนที่ใช้งานร่วมกันจะผสมผสานเข้ากับโลกจริง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงการทำงานร่วมกัน การสื่อสาร และการฝึกอบรมไป

  • การป้องกันการโกง

    ด้วยการวิเคราะห์ธุรกรรมจำนวนมาก AI จึงสามารถระบุแนวโน้มของการหลอกลวงได้ เมื่อทราบถึงแนวโน้มของการหลอกลวงแล้ว AI ก็จะบล็อกธุรกรรมที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติหรือรายงานปัญหาเพื่อรับการตรวจสอบเพิ่มเติม ผู้คนสามารถใช้ AI ในการรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ โดยจะทำให้ผู้คนรับรู้และบล็อกภัยคุกคามได้

  • แชทบอทและผู้ช่วยแบบดิจิทัล

    ในขณะที่ NLP กำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ ความสามารถของแชทบอทก็พัฒนาไปด้วยเช่นกัน แชทบอทสามารถสื่อสารกับผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าแค่ตอบคำถามว่า 'ใช่' หรือ 'ไม่ใช่' การสื่อสารอย่างเป็นธรรมชาตินี้นับเป็นการปรับปรุงการบริการลูกค้าที่สำคัญและทำให้พนักงานไม่ต้องมานั่งจัดการกับคำถามของลูกค้าที่ซับซ้อนมากๆ อีกด้วย

  • AI ในวงการสุขภาพ

    องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 จะเกิดการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 18 ล้านคน AI อาจเข้ามาช่วยแก้ปัญหาส่วนหนึ่งได้โดยทำให้งานที่มีแบบแผนคงที่เป็นแบบอัตโนมัติ เพิ่มผลิตภาพ และที่สำคัญที่สุดคือทำให้พนักงานมีเวลาอยู่กับผู้ป่วยมากขึ้น ผู้ปฏิบัติงานมีการใช้ AI ในแอพพลิเคชั่นด้านสุขภาพจำนวนมากอยู่แล้ว เช่น การจัดการโรงพยาบาล การวินิจฉัยโรค และแอพสำหรับผู้ป่วยโดยเฉพาะ

  • AI ที่อธิบายสิ่งต่างๆ ได้ (Explainable AI)

    AI ต้องอาศัยบริบทในการทำงาน การที่องค์กรต่างๆ ใช้ AI เพื่อตัดสินใจนั้นทำให้เกิดปัญหาด้านความโปร่งใส ความเป็นส่วนตัว ความยุติธรรม และความรับผิดชอบ นี่เป็นเหตุผลที่ AI ที่อธิบายสิ่งต่างๆ ได้ (XAI) เกิดขึ้นมา AI ประเภทนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่ามนุษย์เข้าใจเหตุผลของอัลกอริทึม และ XAI ยังมีความสำคัญในการช่วยตรวจจับข้อผิดพลาดของปัญญาประดิษฐ์อีกด้วย

  • AI ในฝ่ายทรัพยากรบุคคล

    AI กำลังเปลี่ยนแปลงการสรรหาบุคลากร ตลอดจนทำให้งานที่มีแบบแผนคงที่เป็นแบบอัตโนมัติ เช่น การจ่ายเงินเดือน คุณสามารถใช้ AI ในกระบวนการคัดกรองโปรไฟล์ที่กินเวลานาน คัดกรองประวัติย่อ รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก และนัดสัมภาษณ์ได้ AI ทำให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกๆ ของการคัดสรรบุคลากร ซึ่งช่วยให้ประหยัดเวลาและลดต้นทุนลงได้อย่างมหาศาล AI ยังมีความสามารถในการปรับปรุงการฝึกอบรมด้วย โดยการสำรวจหนึ่งกล่าวว่า 39% ของผู้นำวางแผนที่จะใช้ระบบจำลองของ AI ในการจ้างและฝึกอบรมพนักงาน อีกทั้ง AI ยังสามารถช่วยให้ผู้สมัครงานประหยัดเวลาโดยการเชื่อมโยงพวกเขากับบทบาทที่เหมาะสมที่สุดอีกด้วย

งานใดบ้างที่จะเป็นแบบอัตโนมัติในอนาคต

งานใดบ้างที่จะเป็นแบบอัตโนมัติในอนาคต

บางทีความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับ AI ก็คือการทำให้คนตกงานและว่างงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วมีการคาดการณ์ว่าระบบอัตโนมัติจะทำให้เกิดการสร้างงานมากกว่าการสูญเสียงาน โดยอาจสร้างงานให้กับคนได้มากถึง 890 ล้านคนภายในปี 2030

นอกจากนี้ AI ก็ไม่สามารถทำงานหลายๆ อย่างให้เป็นแบบอัตโนมัติไปทั้งหมดได้ เนื่องจากสิ่งที่สามารถทำได้นั้นเป็นเพียงงานที่มีแบบแผนคงที่ เช่น การจ่ายเงินเดือน หรือการดึงข้อมูลจากเอกสารต่างๆ เท่านั้น อีกทั้งมนุษย์ก็ยังคงต้องเป็นคนดูแลกระบวนการและเข้ามาแก้ไขหากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เราจะเห็นได้ว่า AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่มนุษย์ แต่ทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างหาก AI ช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและสามารถเอาเวลาไปให้ความสำคัญกับองค์ประกอบที่สร้างสรรค์และน่าพึงพอใจมากกว่าในงานของเราได้ ตัวอย่างเช่น แม้ว่า AI อาจถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรค แต่แพทย์และพยาบาลก็ยังมีบทบาทในการรักษาผู้ป่วยอยู่ดี

สิ่งที่มาพร้อมกับ AI คือความต้องการผู้ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีในจำนวนที่มากขึ้น เช่น โปรแกรมเมอร์ นักสถิติ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และนักวิเคราะห์ รวมถึงผู้ที่มีทักษะที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์และความฉลาดทางอารมณ์ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถทำได้

ประโยชน์ของ AI ในที่ทำงาน

ประโยชน์ของ AI ในที่ทำงาน

AI มีศักยภาพในการสร้างผลกำไรทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล นอกจากการเพิ่มผลิตภาพแล้ว เรายังคาดการณ์ว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้จะมาจากความต้องการของผู้บริโภค เนื่องจาก AI ทำให้เกิดสินค้าที่หลากหลายและมีราคาย่อมเยา อันที่จริงแล้ว PwC ประมาณการว่า AI อาจสามารถสร้างเม็ดเงินจำนวน 15.7 ล้านล้านดอลลาร์ให้กับเศรษฐกิจโลกได้ภายในปี 2030 ประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์มีดังนี้

  • ผลิตภาพ - ผลิตภาพจะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้คนและทรัพยากรไม่ต้องเอาเวลาไปลงกับงานที่มีแบบแผนคงที่ โดยข้อมูลของ PwC กล่าวว่า 44% ของผู้นำธุรกิจต้องการเพิ่มผลิตภาพด้วยระบบอัตโนมัติ

  • ประสิทธิภาพ - AI สามารถทำงานที่มีแบบแผนคงที่บางอย่างได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์ และสิ่งที่แตกต่างจากพนักงานที่เป็นมนุษย์คือ บริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ใช้ในการตรวจสอบการโกง ตอบคำถามของลูกค้า และตรวจสอบใบสมัครงานนั้นพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรได้

  • การแก้ไขปัญหาที่มีความซับซ้อน - ความก้าวหน้าของแมชชีนเลิร์นนิ่งทำให้ AI สามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้แล้ว เช่น การนำ AI มาใช้วินิจฉัยโรคจะช่วยให้พนักงานไม่ต้องมาเสียเวลาทำงานเดิมซ้ำๆ และช่วยเพิ่มผลิตภาพ

  • นวัตกรรมล้ำสมัย - ไอเดียที่สร้างขึ้นโดย AI ในเซสชั่นการระดมความคิด การโต้ตอบในพื้นที่เสมือนในเมตาเวิร์ส และการใช้ AI ในห่วงโซ่อุปทานเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ (จากนั้นจึงทำการตัดสินใจเกี่ยวกับสินค้าที่เกี่ยวข้อง) AI กำลังช่วยให้องค์กรสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อก้าวไปสู่ประสบความสำเร็จ

การนำ AI ไปใช้กับองค์กรของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ

การนำ AI ไปใช้กับองค์กรของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ

การเต็มใจที่จะนำ AI มาใช้นั้นจะให้ผลดีแก่องค์กร การสำรวจเกี่ยวกับ AI ของ PwC เผยว่าบริษัทที่ได้รับ ROI จำนวนมากจาก AI นั้นได้นำ AI ไปใช้ประโยชน์ใน 3 แง่มุมพร้อมๆ กัน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ การตัดสินใจ และการทำให้กระบวนการต่างๆ มีความทันสมัย

แต่การนำ AI ไปใช้อย่างแพร่หลายในบริษัทก็หมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการทำงานของผู้คน แล้วองค์กรต่างๆ จะแสดงให้พนักงานเห็นว่า AI เป็นแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้อย่างไร จะทำอย่างไรให้ผู้คนเห็นว่า AI สามารถช่วยให้ผู้คนทำงานได้ดีขึ้น ทำหน้าที่ที่น่าเบื่อแทนมนุษย์ และมอบโอกาสให้ผู้คนได้มีสมาธิกับงานสร้างสรรค์ที่ใช้ทักษะของตนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นล่ะ

วิธีหนึ่งคือการเน้นย้ำว่า AI ได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมการทำงานของมนุษย์ ไม่ได้มาแทนที่ และที่สำคัญกว่านั้นคือ เนื่องจากผู้คนจะต้องทำงานร่วมกับ AI คุณจึงต้องแน่ใจว่าพวกเขามีทักษะด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นที่จะใช้ AI ได้ การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดการเพิ่มพูนทักษะและฝึกฝนทักษะใหม่ของพนักงานหากจำเป็น เพื่อให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสทั้งหมดที่ AI มอบให้ได้

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้เกี่ยวกับออฟฟิศไร้พรมแดนไปพร้อมกัน

ก้าวเข้าสู่อนาคตแห่งการทำงาน

สมัครเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากเราเกี่ยวกับอนาคตแห่งการทำงานและอนาคตของเมตาเวิร์ส

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Meta ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย คุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เรียนรู้เกี่ยวกับออฟฟิศไร้พรมแดนไปพร้อมกัน


โพสต์ล่าสุด

อนาคตของการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

อนาคตของการทำงาน

การทำงานในเมตาเวิร์สเป็นอย่างไร การทำงานแบบไฮบริดจะยังคงอยู่ต่อไปหรือไม่ แม้คุณจะไม่สามารถคาดเดาอนาคตที่รออยู่ข้างหน้าได้ 100% แต่อย่างน้อยคุณก็สามารถเตรียมองค์กรของคุณให้พร้อมสำหรับอนาคตได้

อนาคตของการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 12 นาที

การทำงานแบบไฮบริด: ยินดีต้อนรับสู่วิธีการทำงานรูปแบบใหม่

คุณต้องการให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศหรือทำงานจากที่บ้านต่อไป แล้วถ้าเอาทั้งสองรูปแบบมารวมกันล่ะ การทำงานแบบไฮบริดอาจเป็นวิธีที่เหมาะกับองค์กรของคุณที่สุดก็เป็นได้

อนาคตของการทำงาน | ใช้เวลาอ่าน 6 นาที

เราจะทำงานอย่างไรในเมตาเวิร์ส

ตั้งแต่การทำงานร่วมกันในทีมไปจนถึงวัฒนธรรมของบริษัท นี่คือ 5 วิธีที่เมตาเวิร์สและ Virtual Reality จะเปลี่ยนอนาคตในการทำงานและการทำธุรกิจ