เหตุใดการมองให้ลึกกว่า CV จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเฟ้นหาผู้มีความสามารถ
เมื่อต้องการจ้างพนักงานใหม่ นายจ้างที่มองแค่เนื้อหาใน CV อาจพลาดโอกาสในการคว้าตัวพนักงานผู้มีความสามารถไปได้ นี่คือเหตุผล
หากคุณเคยผ่านกระบวนการจ้างงานมาก่อน แสดงว่าคุณอาจเคยต้องพลิกดู CV มามากแล้ว และเป็นไปได้ที่คุณเคยคัด CV ออกเป็นจำนวนมากด้วยสาเหตุที่ว่ามี 'ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง' น้อยเกินไป
การบอกว่าทำอะไรได้บ้างแตกต่างจากการโชว์ให้คุณเห็น
แต่คุณจะทำอย่างไรถ้าผู้สมัครรายหนึ่งมีคุณสมบัติทุกอย่างในการเป็นส่วนเติมเต็มที่สมบูรณ์แบบให้กับวัฒนธรรมในที่ทำงานของคุณ แค่คุณต้องให้การแนะแนวและการฝึกอบรมอีกเล็กน้อย
บ่อยครั้งที่นายจ้างมักจะพลาดโอกาสในการคว้าตัวว่าที่พนักงานที่มีความทุ่มเทและกระตือรือร้นจากการมองข้าม CV ที่มีประสบการณ์ไม่มากพอ ซึ่งในบางครั้งก็อาจเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล
คนยุคมิลเลนเนียลที่อายุน้อยจำนวนมากเพิ่งจะก้าวสู่บันไดการทำงานแค่ขั้นแรกเท่านั้น CV ของคนเหล่านี้จึงมักจะยาวเพียง 1-2 หน้ากระดาษและเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้บอกทุกสิ่งที่สามารถทำได้ให้คุณทราบ และจุดนี้เองที่เป็นประเด็น เพราะการบอกว่าทำอะไรได้บ้างเป็นคนละเรื่องกับการโชว์ให้คุณเห็น
คุณตั้งความคาดหวังที่สมเหตุสมผลกับแต่ละระดับประสบการณ์หรือไม่
ผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาต่างก็มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องอย่างจำกัดเกินกว่าที่จะเขียนให้ CV ออกมาดูมีเสน่ห์
คนยุคมิลเลนเนียลคือกลุ่มคนที่คาดว่าจะเข้ามาพลิกโฉมสถานที่ทำงานใหม่ทั้งหมดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ คนรุ่นนี้เข้าสู่โลกการทำงานด้วยทัศนคติใหม่และแนวทางการทำงานแบบใหม่ คุณลักษณะร่วมบางส่วนของคนยุคมิลเลนเนียลที่สามารถส่งเสริมและปรับปรุงที่ทำงานให้ทันสมัยยิ่งขึ้นมีดังนี้
- โดยทั่วไปแล้ว คนยุคมิลเลนเนียลจะมีชุดทักษะที่ยืดหยุ่นและพลิกแพลงความสามารถของตนเองในหลากหลายด้านของธุรกิจได้เมื่อเทียบกับคนยุคเบบี้บูมเมอร์
- คนยุคมิลเลนเนียลรักที่จะเรียนรู้ ทั้งยังให้ความสำคัญกับคำแนะนำ และต้องการโอกาสในการพัฒนาและฝึกฝนทักษะใหม่ๆ
- คนยุคมิลเลนเนียลรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า แม้ว่าระบบอัตโนมัติจะเข้ามามีบทบาทในที่ทำงานมากขึ้น แต่คนเหล่านี้ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับตัวและประสบความสำเร็จ
- แม้จะได้รับการขนานนามว่าเป็นคนที่ชอบย้ายงาน แต่งานวิจัยได้เผยให้เห็นแล้วว่า คนยุคมิลเลนเนียลไม่ได้มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนงานบ่อยกว่าคน Gen X แต่อย่างใด ในความเป็นจริง หากค่านิยมของบริษัทตรงกับค่านิยมของคนเหล่านี้ (อาทิ จริยธรรม ความยืดหยุ่น และการให้คำติชม) คนเหล่านี้ก็จะยิ่งเป็นพนักงานที่ภักดีกับองค์กรมากขึ้นไปอีก
นายจ้างควรหันไปให้ความสำคัญกับสัมภาษณ์ผู้ที่แสดงศักยภาพที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท แทนที่จะเลือกผู้สมัครจากข้อมูลใน CV เพียงอย่างเดียว Claudio Fernández-Aráoz ที่ปรึกษาด้านการจ้างงานกล่าวว่า นายจ้างควรตั้งใจเฟ้นหาผู้สมัครที่มี "ความสามารถในการปรับตัวและเติบโตในบทบาทและสภาพแวดล้อมที่ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น" 1
การตัดสินใจว่าผู้สมัครมีศักยภาพพอที่จะอยู่ในบริษัทของคุณหรือไม่โดยไม่จำเป็นต้องอาศัย CV มากเกินไปสามารถทำได้หลายวิธี
ตรวจสอบข้อมูลอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง
ข้อมูลอ้างอิงเรื่องคุณลักษณะเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณสามารถติดต่อผู้คนจากแง่มุมต่างๆ ในชีวิตของผู้สมัครรายนั้นๆ ได้ ข้อความแนะนำที่เขียนไว้บน LinkedIn ก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการว่าจ้างพนักงานด้วยเช่นกัน
ความสนใจและความกระตือรือร้น = การมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ
อย่าเชื่อใจ 'การลงชื่อสนับสนุน' มากจนเกินไป เพราะการคลิกปุ่มบนการแจ้งเตือนแบบพุชเป็นเรื่องที่ไม่ต้องใช้เวลามาก กลับกัน การสละเวลาเขียนจดหมายแนะนำคือการแสดงให้เห็นว่าผู้อื่นประทับใจทักษะหรือจริยธรรมในการทำงานของผู้สมัครจริงๆ
ผู้สมัครมีความสงสัยใคร่รู้และกระตือรือร้นมากเพียงใด
ความสงสัยใคร่รู้และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและประสบความสำเร็จเป็นคุณลักษณะสำคัญที่ควรมองหาในตัวว่าที่พนักงาน ในกรณีนี้ คุณควรให้ความสำคัญกับจดหมายสมัครงานเป็นพิเศษ ว่าผู้สมัครมุ่งมั่นที่จะทำงานกับบริษัทของคุณมากกว่าบริษัทอื่นหรือไม่ คุณสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของคนเหล่านี้หรือไม่
การสมัครงานนอกรอบกับบริษัทโดยตรงก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาเช่นกัน
ผู้ที่ส่งใบสมัครกับบริษัทโดยตรงแม้ว่าบริษัทไม่ได้กำลังประกาศหาพนักงาน คือกลุ่มคนสำคัญที่ควรพิจารณาในฐานะว่าที่พนักงานด้วยเช่นกัน เนื่องจากการส่งใบสมัครในลักษณะนี้เป็นการชี้ให้เห็นว่า ผู้สมัครตัดสินใจแล้วว่าคุณคือบริษัทแห่งเดียวที่พวกเขาอยากร่วมงานด้วย
ความสนใจและความกระตือรือร้น = การมีส่วนร่วมกับธุรกิจของคุณ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ สำหรับความสัมพันธ์กับพนักงานที่นำมาซึ่งประโยชน์มากมาย
ผู้สมัครมีพลังที่สร้างแรงใจให้กับผู้อื่นได้หรือไม่
พนักงานที่มีอายุน้อยกว่าคือผู้ที่มอบพลังให้กับที่ทำงาน ซึ่งช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในองค์กรให้ดีขึ้นได้ เมื่อคุณได้พบกับคนเหล่านี้ คุณจะรู้ได้ทันทีเลยว่าคนคนนั้นมีแรงจูงใจและกระตือรือร้นที่จะทำงานหรือไม่ รวมไปถึงว่าคนคนนั้นได้เข้ามาเติมเต็มสิ่งดีๆ ให้กับที่ทำงานหรือไม่
อ่านต่อ
