อนาคตของสำนักงาน: เราจะทำงานในสำนักงานแห่งอนาคตกันอย่างไร
![](https://static.xx.fbcdn.net/rsrc.php/v3/y4/r/-PAXP-deijE.gif)
![How will the office of tomorrow look like?](https://scontent-ord5-2.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/277777664_1019872538938452_5067167877560035324_n.jpg?stp=dst-jpg_p600x600&_nc_cat=107&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=4RGO_IiSZCEQ7kNvgGT0fIN&_nc_ht=scontent-ord5-2.xx&oh=00_AYDUeaz4-S3pju1ZdiblHqZStMqevKXuaAlxj0asLIhapQ&oe=66AA1904)
สำนักงานกำลังประสบความผันผวน แม้ว่ากลยุทธ์การกลับไปทำงานในสำนักงานทั่วโลกจะประสบทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวตลอดเวลาที่ผ่านมา ทว่าปัจจัยทางวัฒนธรรมและการเมืองยังส่งผลอยู่ และต่อไปนี้คือความหมายที่คำกล่าวข้างต้นมีต่อคุณ
ใครจะกลับสู่สำนักงานบ้าง
คนทั่วโลกต่างมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการกลับไปทำงานในสำนักงานที่แตกต่างกัน จากการรายงานของ Digiday เผยให้เห็นว่า บริษัทผู้ว่าจ้างรายใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรจำนวน 43 รายจาก 50 รายไม่มีแผนกำหนดให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานอย่างเต็มเวลา ในขณะที่นักการเมืองในสเปนกำลังทดลองรูปแบบการทำงานแบบ 4 วันต่อสัปดาห์เพื่อให้ผู้คนกลับมาทำงานในสำนักงานโดยที่ไม่ให้กระทบชีวิตครอบครัวที่ดีขึ้น
ชาวอเมริกาจำนวน 40% เลือกที่จะทำงานจากที่บ้านเต็มเวลา แต่ 74% คิดว่าซีอีโอของตนอาจต้องการให้พวกเขาอยู่ในสำนักงานมากกว่า ส่วนเอเชียเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเข้าสำนักงานสูงที่สุดในโลก โดยข้อมูลการสำรวจสถานที่ทำงานในประเทศจีนของ Freespace และ Gensler พบว่า 99% ของพนักงานบริษัททำงานในสำนักงานเต็มเวลาหรือทำงานในรูปแบบไฮบริด
จากการสำรวจผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง CBRE ระบุได้ถึงแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลกหลายประการที่มีผลต่ออนาคตของสำนักงาน ซึ่งได้แก่ การทำงานแบบไฮบริด วัฒนธรรมบริษัท การปฏิรูปสถานที่ทำงาน และพื้นที่ที่ยืดหยุ่น ไม่ว่าคุณจะพิจารณาในแง่มุมใด สำนักงานในยุคหลังโควิดก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมากแน่นอน แล้วเราจะคงระดับผลิตภาพ การสร้างความสัมพันธ์ และการแบ่งปันความรู้โดยไม่ต้องอยู่ในสถานที่เดียวกันได้อย่างไร
เรามาเริ่มต้นด้วยการพิจารณาถึงอนาคตของสำนักงานในอนาคตของการทำงานแบบใหม่กัน
เส้นทางสู่สำนักงานไร้พรมแดน
ค้นพบวิธีการและสาเหตุที่ทำให้เราสามารถทำงานอย่างเต็มความสามารถได้จากทุกที่ภายในโลกของเมตาเวิร์ส
![](https://scontent-ord5-2.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241657427_830327301017600_1962560683684295026_n.jpg?_nc_cat=103&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=kXPBpETCIRsQ7kNvgFR_G8I&_nc_ht=scontent-ord5-2.xx&oh=00_AYBBMGP7Gfaac6GHzzjNwTEEI510bWacSm9nd0-sF-mnrA&oe=66AA1811)
![](https://scontent-ord5-2.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241700087_402134681493763_6402224727821764861_n.jpg?_nc_cat=102&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=Q0z5RifsOagQ7kNvgHyRoAd&_nc_ht=scontent-ord5-2.xx&oh=00_AYDRuwl3L2c1gs7cBcmJyRvqlHKAHzi0aBLNE6gkRBhqZA&oe=66AA1C18)
![](https://scontent-ord5-1.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241221457_908577796409130_6487958369880006678_n.jpg?_nc_cat=111&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=KMDLplXRTc8Q7kNvgF4acNO&_nc_ht=scontent-ord5-1.xx&oh=00_AYA-UtRTeN3UPKam7sovOFDH8NLt4AoX5dSpJlSG9F374A&oe=66AA2C9C)
![](https://scontent-ord5-1.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241625011_538813510723750_6067052383644802717_n.jpg?_nc_cat=108&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=ipO-OFAm9YwQ7kNvgHB9wqR&_nc_ht=scontent-ord5-1.xx&oh=00_AYCkI3uCuqsQZ98bYNGFfD3BMOfc8BLK_loECGq-3-ZKAg&oe=66AA1500)
![](https://scontent-ord5-1.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241639311_391950989102429_5023017423346854138_n.jpg?_nc_cat=108&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=Sz1KtrjEdmUQ7kNvgGw-BbJ&_nc_ht=scontent-ord5-1.xx&oh=00_AYAV998lbFUYjEi9ht2FpVmRLn3P2QEg5rmfENKq9f_hNg&oe=66AA2383)
![](https://scontent-ord5-2.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241680920_332122231999515_373331672225401460_n.jpg?_nc_cat=104&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=bGQ_GJfIxI0Q7kNvgFOIq01&_nc_ht=scontent-ord5-2.xx&oh=00_AYDxCr2vqT7QeRsfq4mfzewSQfOWuTPP2fgGcOhnK5GfAg&oe=66AA1D06)
![](https://scontent-ord5-2.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241256790_921023931957750_1265904103262126731_n.jpg?_nc_cat=103&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=UG9yCIjaCJsQ7kNvgEYxFSx&_nc_ht=scontent-ord5-2.xx&oh=00_AYDCf6cgJKQo7kiO6WNE6QHJvUzJfjXTu_1dy0BQ1hGOOg&oe=66AA4BF2)
![](https://scontent-ord5-1.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241676153_587765818908517_6915274023430930059_n.jpg?_nc_cat=108&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=pmnzfo5eeGIQ7kNvgFJAVOk&_nc_ht=scontent-ord5-1.xx&oh=00_AYCa28oglzmJpnUufcLtoCddXT72hWUP_WfYBdWG3SB8Rw&oe=66AA357C)
![](https://scontent-ord5-2.xx.fbcdn.net/v/t39.2365-6/241698027_372910177816075_3542654260261704366_n.jpg?_nc_cat=105&ccb=1-7&_nc_sid=9170fc&_nc_ohc=iOwtr5d85ycQ7kNvgFGRqJY&_nc_ht=scontent-ord5-2.xx&oh=00_AYA37rlDawd6hr1r-ywOvriHuttcr1sieSj7z86ZRBVZ_A&oe=66AA3835)
อนาคตของการทำงานจะคืนสู่สำนักงานหรือไม่
เราได้เห็นแล้วว่า ความคิดเห็นเกี่ยวกับการกลับไปทำงานในสำนักงานนั้นแตกต่างกันไปตามพลวัตของพนักงาน/นายจ้าง และตามประเทศ เราสามารถมองอนาคตของสำนักงานโดยแบ่งออกเป็นสเปกตรัม เริ่มตั้งแต่การทำงานจากทางไกลเต็มรูปแบบไปถึงการทำงานในสำนักงานเต็มรูปแบบ ด้านหนึ่งของสเปกตรัมคือบริษัทอย่าง Meta, Quora และ Spotify ที่เปิดรับรูปแบบการทำงานจากทางไกลในระยะยาว บริษัทอื่นๆ อย่าง Apple และ Microsoft อยู่กึ่งกลางด้วยการใช้รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ในขณะที่บริษัทแบบดั้งเดิมอย่าง JP Morgan Chase และ Goldman Sachs อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสเปกตรัม โดยคาดหวังให้พนักงานกลับมาทำงานในสำนักงานโดยสมบูรณ์
การระบาดใหญ่ทั่วโลกทำให้ทัศนคติที่ผู้คนมีต่อสถานที่ทำงานพลิกผันไปในชั่วพริบตา หลังจากถูกบังคับให้ทำงานจากที่บ้านในช่วงล็อกดาวน์ ผู้คนก็เริ่มลังเลที่จะกลับไปใช้สมดุลการทำงานและการใช้ชีวิตในรูปแบบเดิมๆ ที่มีกำหนดเวลาแบบตายตัวและต้องเสียเงินจำนวนมากไปกับค่าเดินทาง จากแบบสำรวจเกี่ยวกับการทำงานจากทางไกลของ PWC พบว่า พนักงาน 55% ต้องการทำงานจากทางไกลอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และผู้บริหารส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้คนอาจต้องทำงานจากทางไกลไปอีกนาน
Morgan Lovell บริษัทออกแบบสำนักงานได้สร้างคำศัพท์ใหม่อย่าง 'Workplace 3.0' ขึ้นเพื่อเป็นนิยามสำหรับ "สำนักงานแห่งอนาคต" รูปแบบสำนักงานเริ่มต้นมาจาก 'Workplace 1.0' ที่เป็นการทำงานที่โต๊ะทำงานหรือห้องประชุม และ 'Workplace 2.0' ที่เป็นสำนักงานแบบเปิดโล่งและมีการสลับสับเปลี่ยนที่นั่ง แล้วพัฒนาไปสู่การสร้างสมดุลระหว่างการทำงานจากที่บ้านและสำนักงาน ปัจจัยในการสร้างความสมดุลนี้ให้สำเร็จคือความยืดหยุ่นด้านเวลา รวมถึงการจัดสถานที่ทำงานด้วย
นิยามใหม่ของสำนักงาน
Business Design Centre กล่าวว่า ถึงแม้การทำงานแบบไฮบริดจะได้รับความนิยมเมื่อเราผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดไปแล้ว เราก็ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปากว่า "หมดยุคของการทำงานในสำนักงานแบบดั้งเดิม" พื้นที่การทำงานภายในสำนักงานเป็นศูนย์กลางอันมั่นคงที่จะทำให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานเป็นแหล่งสนับสนุนการพัฒนาส่วนบุคคลและทางอาชีพการงาน อีกทั้งยังเป็นหนทางในการสร้างและส่งเสริมวัฒนธรรมบริษัทให้กับทั้งพนักงานและลูกค้าในปัจจุบัน ตลอดจนผู้มีศักยภาพและผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าในอนาคต1
ค่านิยมทางสังคม คือประโยชน์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของสถานที่ทำงาน การรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนและการแบ่งปันความรู้ให้กันและกันเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานจากทั่วโลกผ่านการประชุมทางวิดีโอได้ แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการทำงานร่วมกันภายในสถานที่เดียวกันได้อย่างสิ้นเชิง การพูดคุยแบบเห็นหน้ากันช่วยให้เราสามารถสื่อสารกันได้มากกว่าคำพูดผ่านภาษากายและการแสดงอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ ขณะพักดื่มกาแฟ การระดมความคิดในทีม ไปจนถึงการพูดคุยเรื่องละเอียดอ่อนกับผู้จัดการของคุณ Morgan Lovell ให้เหตุผลว่าสิ่งนี้ "มีส่วนทำให้เกิดมาตรฐานสูงสุดในการทำงานร่วมกัน" ซึ่งจะสร้างทุนทางปัญญาและทุนทางวัฒนธรรมสำหรับธุรกิจ2
หากอนาคตของสำนักงานให้ความสำคัญกับการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ แล้วสิ่งนี้มีผลต่อการออกแบบสำนักงานอย่างไร Diane Hoskins ซีอีโอร่วมของ Gensler บริษัทการออกแบบและสถาปัตยกรรมระดับโลกได้ให้ข้อมูลเชิงลึกกับ McKinsey เกี่ยวกับความก้าวหน้าของแนวทางที่เน้นผู้คนเป็นศูนย์กลางในการออกแบบพื้นที่ทำงานว่า การออกแบบสำนักงานในช่วงการแพร่ระบาดต้องคำนึงถึงพื้นที่ ความปลอดภัย และสุขอนามัย ส่วนการออกแบบภายหลังการแพร่ระบาดจะต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและนวัตกรรมผ่านความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกัน
พื้นที่ภายในสำนักงานจะมีหน้าตาอย่างไรในอนาคต
เรามาสำรวจเทรนด์บางส่วนที่จะพลิกโฉมสำนักงานในโลกหลังการแพร่ระบาดกัน
1. ศูนย์กลางในท้องถิ่น
เวลาในการเดินทางและค่าสถานที่เป็นข้อกังวลระยะยาวในการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานของพนักงาน ในขณะที่ต้องแน่ใจว่าค่าเช่าหรือค่าใช้จ่ายในการจัดหาพื้นที่สำนักงานนั้นยั่งยืน บริษัทต่างๆ อาจตัดสินใจที่จะกระจายสำนักงานใหญ่ในเมืองเดียวออกเป็นสาขาย่อยระดับภูมิภาค หรือที่เรียกกันว่ารูปแบบ Hub-and-Spoke
การกระจายสำนักงานไปอยู่ทั้งในตัวเมืองและชานเมืองล้วนได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เพราะวิธีการนี้ช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันและรักษาความรู้สึกของการเป็นชุมชนภายในบริษัทให้คงอยู่ อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการขยายกลุ่มผู้มีทักษะความสามารถ นอกจากนี้ การกระจายสำนักงานยังช่วยให้พนักงานมีทางเลือกในการเดินทางไปยังสำนักงานได้มากขึ้น เนื่องจากย่านธุรกิจในเขตชานเมืองมักให้บริการพื้นที่จอดรถฟรี และต้นทุนการเช่าสำนักงานอาจถูกกว่าพื้นที่ย่านใจกลางเมืองที่มีราคาสูงลิบ
2. Augmented Reality (เมตาเวิร์ส)
เทคโนโลยีรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วในระหว่างช่วงการแพร่ระบาดเพื่อรับมือกับการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เทคโนโลยีจะก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคตของสำนักงาน สถานที่ทำงานแบบความเป็นจริงผสม (Mixed Reality) คือการหลอมรวมระหว่างโลกดิจิทัลและโลกความเป็นจริง Andrew Bosworth หัวหน้าฝ่าย Virtual Reality และ Augmented Reality ที่ Meta Reality Labs กล่าวว่า Meta กำลังสร้างแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถ "สลับไปมาระหว่างโลกความจริงและโลกเสมือนจริง" โดยผสมผสานการทำงานของ Augmented Reality และ Virtual Reality เข้าด้วยกันมาโดยตลอด3
แนวคิดของเมตาเวิร์สคือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่นแบบไร้ขอบเขต ซึ่ง Meta เรียกสิ่งนี้ว่า "อินเทอร์เน็ตที่มีตัวตน" หรือ "อินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถก้าวเข้าไปสัมผัสได้" ลองนึกภาพการสร้างอวาตาร์ 3 มิติแบบเหมือนจริงที่จะเลียนแบบภาษากายของเราในขณะที่เราพูด การสร้างพื้นที่ทำงานในอุดมคติที่มีแป้นพิมพ์ดิจิทัลและหน้าจอเสมือนหลายหน้าจอจัดเรียงในสภาพแวดล้อมทางกายภาพของเรา การปรับพื้นที่ VR และ AR ให้เหมาะสมกับงานตามเงื่อนไขที่เราต้องการ เมตาเวิร์สจะมอบโอกาสในการทำงานร่วมกันและความสามารถในการสร้างสรรค์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
3. พื้นที่ทำงานร่วมกัน
หากการทำงานแบบไฮบริดทำให้ผู้คนสามารถทำงานจากที่บ้านเมื่อต้องการสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเพื่อให้เกิดสมาธิและจดจ่อกับงาน สำนักงานก็เป็นสถานที่สำหรับสร้างปฏิสัมพันธ์ การจัดที่นั่งทำงานแบบสบายๆ แทนการกั้นคอกทำงานหรือแยกโต๊ะทำงานออกจากกันช่วยกระตุ้นให้เกิดการสนทนาระหว่างบุคคล ห้องประชุมย่อยช่วยให้ทีมงานกลุ่มเล็กๆ สามารถร่วมมือกัน และห้องประชุมขนาดใหญ่ช่วยให้สมาชิกในโปรเจ็กต์ทำงานร่วมกันได้ สมาชิกทีมที่ทำงานจากทางไกลสามารถโทรเข้ามาด้วยการประชุมผ่านวิดีโอ ในขณะที่พนักงานในสำนักงานก็สามารถทำงานร่วมกันในสถานที่จริงได้
4. พื้นที่มากขึ้น
การเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้ธุรกิจต้องใช้พื้นที่ในสำนักงานทุกตารางเมตรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพื่อรักษาพนักงานให้ปลอดภัยโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตภาพ เมื่อการเว้นระยะห่างทางสังคมกำลังจะหมดไป และผู้คนให้ความสำคัญกับการทำงานแบบไฮบริดมากกว่า บริษัทต่างๆ จึงอาจต้องลดพื้นที่ของโต๊ะทำงานลง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องลดขนาดของสำนักงานเสมอไป จริงๆ แล้วการปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่มีอยู่คือการใช้ที่ว่างให้เป็นพื้นที่สำหรับการเข้าสังคมและทำงานร่วมกันมากขึ้น ซึ่งสื่อให้เห็นภาพของวัฒนธรรมและค่านิยมของบริษัทได้อีกด้วย
5. อาคารอัจฉริยะ
เช่นเดียวกับการชำระเงินแบบไร้สัมผัส สำนักงานเองก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อลดจุดสัมผัสร่วมกันแม้จะผ่านพ้นช่วงการระบาดไปแล้วก็ตาม การใช้แอพบนสมาร์ทโฟนเพื่อเข้าใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตู้เก็บของและเครื่องพิมพ์ แทนการใช้ปุ่มสามารถช่วยรักษาสุขภาพและความปลอดภัยโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของพนักงาน สำนักงานใหญ่ของ Bee’ah บริษัทด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการของเสียที่ออกแบบโดย Zaha Hadid Architects ได้ใช้เทคโนโลยี 'ทางเดินไร้สัมผัส' เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวและการจดจำใบหน้าเพื่อเปิดประตูและเรียกลิฟต์ พนักงานจึงไม่ต้องสัมผัสกับตัวอาคารโดยตรง4
เทคโนโลยีการจัดการอาคารอัจฉริยะยังให้ประโยชน์ในด้านความสะดวกสบายและสภาพแวดล้อม เช่น ระบบทำความร้อนและระบบไฟส่องสว่างที่จะตอบสนองต่อสภาพอากาศและการใช้อาคาร บิ๊กดาต้าเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอาคาร และปรับปรุงต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดผ่านเทคโนโลยีอัจฉริยะ ตลอดจนสร้างสภาพการทำงานที่ดีที่สุด
6. พื้นที่ทางสังคมและความคิดสร้างสรรค์
จิตวิทยาเชิงพื้นที่คือความเชื่อมโยงระหว่างสภาพแวดล้อมและความรู้สึก การกระทำ และความคิดของเรา ดังนั้น เพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หรือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การออกแบบพื้นที่การทำงานจึงต้องกระตุ้นอารมณ์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้เฟอร์นิเจอร์เนื้อนุ่มเพื่อให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลาย ตู้ทำงานส่วนตัวที่กระตุ้นให้เกิดช่วงเวลาแบ่งปันความเห็นโดยปราศจากสิ่งรบกวน และคุณสามารถนำการออกแบบที่น่าสนใจมาไว้ในพื้นที่เปิดโล่งกว้างเพื่อดึงดูดให้ผู้คนมารวมตัวกันพร้อมพลังด้านบวก
นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ ยังหวังให้เกิดการจุดประกายนวัตกรรมผ่านสภาพแวดล้อมที่ปลูกฝังการคิดนอกกรอบ ตัวอย่างเช่น สำนักงานใหญ่ของ LEGO ในเดนมาร์กมีโมเดลเลโก้ขนาดยักษ์ ใช้สีสันสดใส และมี 'พื้นที่ทำกิจกรรม' ที่สร้างสรรค์5 ในขณะที่ Viacom ในนิวยอร์กจ้างศิลปินเพื่อวาดภาพบนผนังพาดผ่านไปตามโถงทางเดิน6
7. ให้ความสำคัญกับสุขภาวะ
แม้ว่าการทำงานจากที่บ้านในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดทำให้ใครหลายคนมีเวลาออกกำลังกายและทำงานอดิเรกมากขึ้น แต่ความไม่ชัดเจนระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตในบ้านก็ทำให้คนบางส่วนเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟ เหรียญสองด้านของสุขภาวะได้ผลักดันประเด็นด้านการดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายของพนักงานให้เป็นเรื่องสำคัญของธุรกิจ สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดโปรแกรมการดูแลสุขภาพในองค์กรมากขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจได้รับผลประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการทำงาน อัตราการทำงานต่อกับบริษัท และการสรรหาบุคลากรที่เพิ่มขึ้น
โปรแกรมดูแลสุขภาพในที่ทำงาน อาจมีทั้งส่วนลดค่าสมาชิกฟิตเนส คลาสทำสมาธิในที่ทำงาน งานกิจกรรมเข้าสังคมที่จัดขึ้นเป็นประจำ โต๊ะยืนทำงาน และของว่างเพื่อสุขภาพ หรือแม้แต่ปัจจัยธรรมดาๆ อย่างแสงธรรมชาติ ก็สามารถทำให้พนักงานในสำนักงานรู้สึกสบายขึ้น อีกทั้งยังมีความสุข สุขภาพดี และมีผลิตภาพมากขึ้น