การนำการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยมาใช้ใน Workplace บนมือถือและเดสก์ท็อป

การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace ช่วยให้ชุมชนการทำงานมีความพร้อมมากขึ้นในภาวะวิกฤต โดยช่วยให้นายจ้างสามารถระบุตำแหน่งของบุคลากรและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที
safety check - Workplace from Meta
สารบัญ

ก่อนเวลา 15:00 น. ของบ่ายวันศุกร์ในเดือนมีนาคมไม่นาน ได้เกิดแผ่นดินไหวที่ความลึก 29 กิโลเมตรขึ้นใต้ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น คลื่นสึนามิซึ่งเคลื่อนที่เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตรเข้าสู่จังหวัดอิวาเตะ ภูมิภาคโทโฮคุ มีความสูงถึง 40 เมตรที่จุดสูงสุด แรงกระทำของคลื่นนั้นมีพลังมหาศาลจนทำให้แกนโลกเคลื่อนตัวไปตามแนวคลื่น

ภายหลังภัยพิบัติ ซึ่งรวมถึงการที่เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะจำนวน 3 เตาหลอมละลาย ปฏิกิริยาตอบสนองทันทีของผู้คนคือการสอบถามความปลอดภัยของคนที่ตนรักและค้นหาข้อมูลต่างๆ

ผู้คนจำนวนมากใช้ Facebook เพื่อเชื่อมต่อกับคนที่ตนรู้สึกเป็นห่วงเป็นใย

เหล่าวิศวกรของ Facebook ในญี่ปุ่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ส่วนตัวจึงได้ออกแบบเว็บบอร์ดที่ใช้งานง่ายเพื่อให้ผู้คนได้ติดต่อกับเพื่อนและคนในครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่วิกฤต โดยเว็บบอร์ดดังกล่าวได้พัฒนาจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2014

ฟีเจอร์การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Facebook เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกในการบอกให้เพื่อนๆ และคนในครอบครัวทราบว่าคุณปลอดภัยในภาวะวิกฤต รวมถึงตรวจสอบความปลอดภัยของผู้อื่นที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

เร่งการสื่อสารในภาวะวิกฤต

เร่งการสื่อสารในภาวะวิกฤต

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ผู้คนนับล้านต่างใช้งานการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยบน Facebook เพื่อมอบความอุ่นใจให้กับคนที่ตนรักในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด

ตัวเลขนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด เพราะในปี 2018 เพียงปีเดียว ฟีเจอร์นี้ได้ถูกเปิดใช้งานมากกว่า 2,000 ครั้งด้วยกัน โดย Atish Banerjea ผู้ดำรงตำแหน่ง CIO ของ Facebook กล่าวว่า "การนำฟีเจอร์นี้มาใช้งานบน Workplace ถือเป็นเรื่องสำคัญ"

การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยถือได้ว่าเป็นคำขอด้านฟีเจอร์ที่เราได้รับจากลูกค้ามากเป็นอันดับหนึ่ง

ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่จากประสบการณ์ตรง เราจะเห็นได้ว่าเครื่องมือปัจจุบันที่ใช้จัดการด้านการรับมือภาวะวิกฤตอย่างครอบคลุมทั่วถึงนั้นทำงานช้าเกินไปและสร้างความยุ่งยากในสภาพแวดล้อมการทำงานสมัยใหม่

แม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในตลาดก็มักจะอาศัยสเปรดชีตบน Excel หรือการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์เพื่อพยายามทำความเข้าใจว่าผู้คนต่างๆ อยู่ในพื้นที่ใด ประสบการณ์ที่เราได้รับจาก Facebook สอนให้เรารู้ว่า การที่ระบบจะมีประสิทธิภาพได้นั้น ระบบดังกล่าวจำเป็นต้องรวดเร็ว ลื่นไหล และปลอดภัย

นี่จึงเป็นสาเหตุที่วันนี้ เราได้ประกาศเปิดตัวการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace เพื่อให้องค์กรค้นหาและช่วยเหลือบุคลากรของตนที่ประสบภาวะวิกฤตได้ง่ายยิ่งขึ้น

นี่จึงเป็นสาเหตุที่วันนี้ เราได้ประกาศเปิดตัวการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace เพื่อให้องค์กรค้นหาและช่วยเหลือบุคลากรของตนที่ประสบภาวะวิกฤตได้ง่ายยิ่งขึ้น

"เราช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถขยายการรับรู้เกี่ยวกับวิกฤตได้ในทันทีที่เกิดเหตุการณ์ผ่านการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace ทั้งยังช่วยเชื่อมต่อบุคลากรที่ต้องการความช่วยเหลือเข้ากับบุคลากรในบริษัทของคุณที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว"

"เราช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถขยายการรับรู้เกี่ยวกับวิกฤตได้ในทันทีที่เกิดเหตุการณ์ผ่านการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace ทั้งยังช่วยเชื่อมต่อบุคลากรที่ต้องการความช่วยเหลือเข้ากับบุคลากรในบริษัทของคุณที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว"

– Christian Gallai ผู้จัดการผลิตภัณฑ์การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace

การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยช่วยให้องค์กรสามารถระบุผู้ที่อาจได้รับผลกระทบหากเกิดภาวะวิกฤต พร้อมส่งการแจ้งเตือนหลากหลายรูปแบบ และติดตามการตอบกลับจากพนักงานได้

และด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานบนมือถือ ฟีเจอร์นี้จึงทำงานได้อย่างรวดเร็ว Kyle Walsh ผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยทั่วโลกจาก Facebook อธิบายว่า "การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace ช่วยให้กระบวนการที่เคยใช้เวลาหลายวันหรือแม้แต่หลายสัปดาห์เสร็จสิ้นได้ภายในไม่กี่นาทีไปจนถึงไม่กี่ชั่วโมง"

วิธีการเป็นอย่างไร

วิธีการเป็นอย่างไร

ในภาวะวิกฤต ผู้นำบริษัทสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยผ่านผู้ดูแล Workplace ของตน รวมถึงสามารถส่งการแจ้งเตือนไปยังชุมชนการทำงานเพื่อยืนยันตัวผู้ที่ปลอดภัยและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือได้ โดยกระบวนการนี้ประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้

ระบุตำแหน่ง: การระบุตัวผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เราจึงได้สร้างวิธีการต่างๆ เพื่อให้บริษัทสามารถนำเข้าข้อมูลของพนักงานที่ตนอาจต้องการติดต่อ

ข้อมูลดังกล่าวประกอบไปด้วยการเป็นสมาชิกกลุ่มต่างๆ บน Workplace (เช่น กลุ่มแจ้งข้อมูลที่ควรทราบในแต่ละพื้นที่ซึ่งอยู่ในเมืองที่เผชิญกับวิกฤต) ข้อมูลตำแหน่งซึ่งอยู่ในเครื่องมือองค์กรบน Workplace หรือสเปรดชีตที่ใช้งานกันทั่วไปซึ่งมีรายชื่อพนักงานอยู่ในนั้น

แจ้งเตือน: เมื่อคุณระบุตัวผู้ที่เกี่ยวข้องได้แล้ว คุณจำเป็นต้องมีวิธีการในการติดต่อกับบุคคลเหล่านี้ โดยข้อมูลของเราเผยให้เห็นว่า วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเข้าถึงคนเหล่านี้คือการติดต่อผ่านบอทของ Workplace Chat

แต่เนื่องจากไม่ใช่ทุกองค์กรที่จะมีฟังก์ชั่นการทำงานนี้ เราจึงได้จัดเตรียมตัวเลือกเสริมต่างๆ แบบพร้อมใช้งานไว้ให้ ซึ่งรวมถึงการแจ้งเตือนบน Workplace Chat และข้อความอัตโนมัติด้วยเช่นกัน

ข้อความอัตโนมัติจะปรากฏที่ด้านบนสุดของฟีดข่าวบน Workplace ควบคู่ไปกับอีเมล ตลอดจน SMS โดยตัวเลือกทั้งหมดนี้พร้อมให้ใช้งานทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ

ทำซ้ำ: หากคุณติดต่อบุคคลหนึ่งไปแต่ไม่ได้รับการตอบกลับ คุณจะต้องสามารถติดต่อกับคนเหล่านั้นเรื่อยๆ ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เราได้จัดทำแดชบอร์ดสถานะของพนักงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะแสดงประวัติการพยายามติดต่อพนักงานแต่ละคน

ผู้ดูแลยังสามารถดูรายละเอียดการติดต่อของพนักงานควบคู่ไปกับข้อมูลของผู้จัดการและเพื่อนร่วมทีมที่ใกล้ชิดกับพนักงานคนนั้นได้ด้วยเช่นกัน

Delta Air Lines นำการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยไปใช้จริง

Delta Air Lines นำการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยไปใช้จริง

Delta Air Lines เป็นผู้ทดสอบฟีเจอร์การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace ในช่วงเบต้า Delta ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการนำการตรวจสอบสถานะความปลอดภัยที่สนับสนุนโดย Workplace มาใช้ในระดับโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่สายการบินใช้ในการดูแลพนักงานอย่างต่อเนื่อง

Delta ใช้การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจว่าพนักงานของตนจะปลอดภัยในช่วงที่เกิดวิกฤตล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ ตลอดจนแผ่นดินไหวที่จังหวัดฮอกไกโดของญี่ปุ่น

Delta เลือกใช้การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยเนื่องจากเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย น่าเชื่อถือ และเข้าถึงบุคลากรได้จากทุกที่ที่คนเหล่านี้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแชท, Workplace และอีเมลผ่านอุปกรณ์มือถือ

เปลี่ยนบริษัทให้กลายเป็นชุมชน

เปลี่ยนบริษัทให้กลายเป็นชุมชน

Monica Adractas ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเติบโตของลูกค้าของ Workplace อธิบายว่า "เป้าหมายของ Workplace คือการช่วยบริษัทและองค์กรต่างๆ สร้างชุมชนที่มีความหมายภายใต้สภาพแวดล้อมการทำงาน ซึ่งส่วนหนึ่งของเป้าหมายนี้คือการรู้ว่าพนักงานของตนอยู่ที่ใด ประสบปัญหาใดหรือไม่ หรือปลอดภัยหรือไม่ในระหว่างที่เกิดวิกฤต"

เราหวังว่าจะไม่มีใครต้องใช้ฟีเจอร์การตรวจสอบสถานะความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เราก็มุ่งมั่นที่จะทำให้ชุมชนการทำงานได้เชื่อมต่อถึงกันมากขึ้นและสามารถฟื้นตัวได้ในยามที่ต้องการกันและกันมากที่สุด

การตรวจสอบสถานะความปลอดภัยสำหรับ Workplace จะพร้อมให้ลูกค้าได้ใช้งานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

โพสต์ล่าสุด

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากงาน Flow 2018

เราเฉลิมฉลองการประชุมสุดยอดผู้นำระดับโลกครั้งแรกของเราได้อย่างน่าประทับใจ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในงาน ตั้งแต่คำพูดสร้างแรงบันดาลใจไปจนถึงข้อมูลเชิงลึกจากผู้พูด

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

ทำเครื่องหมายว่าสำคัญ: วิธีใหม่สำหรับผู้นำในการแจ้งว่าเป็นโพสต์สำคัญ

ทำให้มั่นใจว่าโพสต์ที่มีความสำคัญจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม ทั้งในและนอก Workplace จากนั้นจึงวัดผลด้วยเครื่องมือการรายงานตัวใหม่

การสื่อสารทางธุรกิจ | ใช้เวลาอ่าน 10 นาที

Flow 2018: คู่มือแนะนำเกี่ยวกับการประกาศทั้งหมดจากการประชุมสุดยอดผู้นำครั้งแรกของเรา

เรากำลังช่วยให้ผู้คนมีวิธีที่มากขึ้นในการเชื่อมต่อ ทำงานร่วมกัน และขยายชุมชนให้เติบโต ด้วยการประกาศด้านผลิตภัณฑ์ใหม่และการอัพเดตฟีเจอร์