มนุษย์เราถูกสร้างมาเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กับผู้อื่น ทั้งในที่ทำงานและนอกที่ทำงาน เรามาทำความเข้าใจถึงพลังของสายสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานและเรียนรู้ว่ามิตรภาพในที่ทำงานสามารถส่งเสริมสุขภาวะ ผลิตภาพ การมีส่วนร่วม และอื่นๆ อีกมากมายได้อย่างไรไปพร้อมกัน

คนส่วนใหญ่มีเพื่อนในที่ทำงานหรือไม่

คนส่วนใหญ่มีเพื่อนในที่ทำงานหรือไม่

ขณะที่พนักงานกลุ่มหนึ่งเชื่อเรื่องการเลิกคิดเรื่องงานเมื่อก้าวเท้าออกจากที่ทำงาน พนักงานอีกกลุ่มหนึ่งก็อยู่ไม่ได้หากไม่มี 'ครอบครัวในที่ทำงาน' ไม่เพียงแค่นั้น งานวิจัยในปัจจุบันยังระบุด้วยว่า การมีมิตรภาพที่ดีในที่ทำงานกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่งกว่าที่ผ่านมา

การระบาดใหญ่ทั่วโลกส่งผลกระทบต่อทุกคนและเปลี่ยนพลวัตของมิตรภาพในที่ทำงานในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พนักงานจำนวนมากที่ยังมีอายุน้อยอยู่จึงจำเป็นต้องเริ่มต้นอาชีพการงานในสภาพแวดล้อมการทำงานจากทางไกล อีกทั้งพนักงานและผู้จัดการยังรายงานด้วยว่า ทีมของตนที่ก่อนหน้านี้มีความใกล้ชิดกันต้องเผชิญกับความท้าทายจากการไม่ได้ติดต่อกันแบบต่อหน้าเป็นระยะเวลานาน อย่างไรก็ตาม มิตรภาพก็ยังคงเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง งานวิจัยล่าสุดจาก Gallup เผยให้เห็นว่า การมี 'เพื่อนสนิท' ในที่ทำงานกลายเป็นสิ่งสำคัญมากยิ่งขึ้น แม้ว่าผู้คนจะทำงานจากทางไกลและทำงานแบบไฮบริดเพิ่มขึ้นอย่างมากก็ตาม

การศึกษาจาก BetterUp Labs ระบุว่า พนักงานอยากมีเพื่อนในที่ทำงานมากขึ้นและมากกว่าครึ่งหนึ่งยอมกระทั่งแลกสิ่งตอบแทนบางอย่างกับสายสัมพันธ์ที่มีความหมายมากยิ่งขึ้นกับเพื่อนร่วมงาน นอกจากนี้ พนักงานยังมองด้วยว่าองค์กรของตนมีบทบาทที่จะต้องทำสิ่งนี้ให้เป็นจริง โดย 43% ของพนักงานเชื่อว่าบริษัทควรดำเนินการเพื่อส่งเสริมสายสัมพันธ์ในที่ทำงานให้มากขึ้น

ทว่ามิตรภาพกลับต้องเผชิญกับความยากลำบากในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลก Jobsage พบว่า พนักงานที่ทำงานจากทางไกลอย่างเต็มรูปแบบรายงานว่าปัจจุบันตนมีเพื่อนในที่ทำงานลดลง 33% ขณะที่ 66% ของพนักงานที่ทำงานจากทางไกลไม่ได้เป็นเพื่อนกับคนอื่นๆ ในที่ทำงาน ตลอดจนคนยุคมิลเลนเนียล (39%) และคน Gen Z (21%) คือเจเนอเรชั่นที่มีแนวโน้มสูงสุดที่จะไม่มีเพื่อนในที่ทำงาน

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับแบบสำรวจของ Wildgoose ในสหราชอาณาจักร ซึ่งรายงานเกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์พนักงานที่ไม่มีเพื่อนในที่ทำงานที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากเดิมที่ 37% ในปี 2017 กลายเป็น 40% อย่างไรก็ตาม 15% ของพนักงานกล่าวว่าตนอยากมีเพื่อนในที่ทำงาน โดยเมื่อเทียบกับแบบสำรวจก่อนหน้านี้ที่ตัวเลขอยู่ที่ 10% เราจะเห็นได้ว่าคนเหล่านี้รู้สึกขาดมิตรภาพที่ดีในที่ทำงานมากกว่าเดิมหลังจากที่เราฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่ทั่วโลก

เหตุใดมิตรภาพในที่ทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

เหตุใดมิตรภาพในที่ทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ

พนักงานประจำจำนวนมากใช้เวลามากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์กับเพื่อนร่วมงาน ทั้งจากการทำงานในที่เดียวกันหรือจากทางไกล ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอาจมากกว่าเวลาที่ใช้ร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงนอกที่ทำงานเสียด้วยซ้ำ นอกเหนือจากความจำเป็นในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะในโปรเจ็กต์และการตัดสินใจใดๆ ก็ตามแล้ว เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการเปิดใจรับพลังของมิตรภาพที่ดีในที่ทำงานไม่เพียงจะมีประโยชน์ต่อสุขภาวะ ผลิตภาพ และการมีส่วนร่วม แต่ยังเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จและต่อองค์กรด้วยเช่นกัน

แบบสำรวจจาก Wildgoose ชี้ว่า การมีเพื่อนในที่ทำงานสามารถกระตุ้นความพึงพอใจในหน้าที่การงานและการรักษาบุคลากรไว้กับองค์กรได้ โดย 12% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าตนมีแนวโน้มลดลงที่จะออกจากบริษัทที่มีเพื่อนที่สนิทกันอยู่ นอกจากนี้ 22% ของพนักงานในปัจจุบันยังเชื่อว่า ตนทำงานอย่างมีผลิตภาพหรือมีผลิตภาพเพิ่มขึ้นจากการได้ทำงานร่วมกับคนที่ตนนับเป็นเพื่อน และ 21% กล่าวว่า การมีเพื่อนในที่ทำงานช่วยให้ตนมีความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นอีกด้วย ดังนั้น การมีเพื่อนที่ดีจึงทำให้การทำงานสนุกยิ่งขึ้น ตลอดจนเป็นการให้ความช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์

ในทางกลับกัน การขาดสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพนักงานอาจทำให้เกิดความโดดเดี่ยว การปลีกตัว และความรู้สึกถูกกีดกัน ซึ่งส่งผลต่อประเด็นสุขภาพทางร่างกายและจิตใจ ความเครียด ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ตลอดจนปัญหาด้านการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถไว้กับองค์กรได้ การศึกษาชิ้นหนึ่งเผยให้เห็นว่า พนักงานที่รายงานว่าตนมีสายสัมพันธ์ในที่ทำงานอยู่ในระดับต่ำมีแนวโน้มที่จะออกจากงานมากขึ้น 3 เท่า และมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการมองหางานใหม่มากขึ้นเกือบ 2 เท่าด้วยกัน

เรียนรู้ว่าผู้นำด้านทรัพยากรบุคคลทั่วโลกสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้อย่างไร

ดาวน์โหลดเคล็ดลับมืออาชีพทั้ง 6 ข้อเพื่อค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการมีส่วนร่วมของพนักงานและวัฒนธรรมองค์กร

มิตรภาพที่ดีในที่ทำงานมีประโยชน์ในหลากหลายด้าน ดังนี้

การมีส่วนร่วม

แบบสำรวจจาก Gallup เผยให้เห็นถึงความสำคัญที่มิตรภาพมีต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยจะเห็นได้ว่ามิตรภาพนั้นเกี่ยวข้องกับการสร้างผลกำไร สุขภาพและการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย รวมถึงการรักษาพนักงานไว้กับองค์กรเป็นอย่างมาก การศึกษาชิ้นนี้ยังระบุด้วยว่า พนักงานที่มีมิตรภาพที่ดีในที่ทำงานมีแนวโน้มที่จะทำงานสำเร็จลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แบ่งปันไอเดีย และมีส่วนร่วมกับลูกค้าและสมาชิกทีมคนอื่นๆ ภายในองค์กรมากกว่า ทั้งยังมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะแนะนำนายจ้างของตนให้กับบุคคลที่อาจกลายมาเป็นเพื่อนร่วมงาน

ผลิตภาพ

การมีส่วนร่วมนำมาซึ่งผลิตภาพ เพื่อนร่วมงานที่มองว่าพวกตนว่าเป็นเพื่อนกันมีแนวโน้มที่จะสนับสนุน ส่งเสริมงานของกันและกัน มอบความช่วยเหลือที่เหมาะสมมากกว่า ความตึงเครียดที่น้อยลงและการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นส่งผลให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดียิ่งขึ้นและการแบ่งปันความคิดริเริ่มที่ขับเคลื่อนผลลัพธ์ นอกจากนี้เพื่อนยังถือเป็นแรงผลักดันอีกด้วย เนื่องจากผู้คนรู้สึกอยากให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลุ่มเพื่อนของตัวเอง

ความคิดสร้างสรรค์

เมื่อผู้คนรู้สึกมั่นใจที่จะแบ่งปันไอเดียและข่าวสารต่างๆ รวมถึงรู้สึกว่าเสียงของตนได้รับการรับฟัง คนเหล่านี้ก็จะมีแนวโน้มมีส่วนร่วมกับทีมและงานที่ต้องทำร่วมกันมากยิ่งขึ้น อุตสาหกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่างอาศัยความเป็นทีมระหว่างพาร์ทเนอร์กับเพื่อนแต่ละคนในการพัฒนาคอนเซ็ปต์และไอเดียใหม่ๆ เช่นเดียวกันกับสภาพแวดล้อมแบบองค์กรและการค้าที่มิตรภาพก่อตัวขึ้นระหว่างผู้คนที่เข้าใจความท้าทายในการทำงานในแบบเดียวกัน

ความสุข

ข้อมูลจาก CNBC ระบุว่า 70% ของพนักงานกล่าวว่า การมีเพื่อนในที่ทำงานเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อชีวิตการทำงานที่มีความสุข มิตรภาพนำมาซึ่งความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง เป้าหมาย และความพึงพอใจทั้งในที่ทำงานและนอกที่ทำงาน และด้วยความที่วิธีการทำงานใหม่ๆ ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นได้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ การรักษามิตรภาพเอาไว้จึงยิ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนเรามีความสุข

มิตรภาพในที่ทำงานแต่ละประเภท

มิตรภาพในที่ทำงานแต่ละประเภท

เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะได้เป็นเพื่อน หรือแม้แต่อยากเป็นเพื่อนกับทุกคนที่ร่วมงานด้วย ทว่าสายสัมพันธ์ที่ดีนั้นสามารถเกิดขึ้นระหว่างคนที่มีลักษณะนิสัย ทักษะ หรือมุมมองที่แตกต่างกันอย่างมากได้

Jobsage ให้นิยามเกี่ยวกับมิตรภาพในที่ทำงานว่าเป็นสายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน แต่มีการรักษาสายสัมพันธ์นั้นนอกที่ทำงานด้วย อย่างไรก็ตาม สายสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานยังมีรูปแบบอื่นๆ ด้วยเช่นกัน โดยหากทีมทีมหนึ่งมีความไว้เนื้อเชื่อใจและความเคารพซึ่งกันและกัน ผู้คนในทีมก็จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนสนิทกันเสียด้วยซ้ำ

อันตรายที่ไม่คาดคิดของมิตรภาพในที่ทำงาน

อันตรายที่ไม่คาดคิดของมิตรภาพในที่ทำงาน

แม้ว่ามิตรภาพในที่ทำงานมักจะเป็นไปในเชิงบวกเสียส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางสิ่งที่คุณควรระมัดระวังด้วยเช่นกัน

  • ความสนิทสนมกับคนในที่ทำงานจำนวนมากอาจทำให้คุณหลุดโฟกัสได้ ดังนั้น การให้ความสำคัญกับเป้าหมายของทีมอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

  • มิตรภาพที่ดูเหมือนหรือเป็นการกีดกันผู้อื่นอาจทำให้บุคคลเหล่านั้นรู้สึกแปลกแยกได้ สิ่งสำคัญคือการช่วยให้พนักงานทุกคนเท่าทันข่าวสารและสื่อสารเกี่ยวกับความคืบหน้าและการตัดสินใจกับสมาชิกทุกคนในทีมอย่างเปิดเผย

  • เพื่อนที่พึ่งพาผู้อื่นมากเกินไปอาจละเลยมุมมองหรือไอเดียที่สดใหม่ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดกว้างรับสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ

  • มิตรภาพข้ามลำดับสายงานอาจก่อให้เกิดความคลางแคลงใจเกี่ยวกับการเล่นพรรคเล่นพวก ดังนั้น ผู้จัดการจึงจำเป็นต้องมั่นใจว่าแนวคิดริเริ่มหรือการตัดสินใจต่างๆ ที่จะส่งผลต่อผู้อื่นนั้นมีความโปร่งใส ซึ่งแนวคิดริเริ่มและคำตัดสินเหล่านั้นรวมไปถึงโอกาสสำหรับความก้าวหน้าในอาชีพการงานด้วย

  • มิตรภาพอาจทำให้เส้นแบ่งต่างๆ พร่าเลือนไปได้ ในบางครั้ง คุณอาจจำเป็นต้องตัดสินใจว่าคุณกำลังมีปฏิสัมพันธ์อยู่กับคนในที่ทำงานหรือเพื่อน

  • มิตรภาพในที่ทำงานไม่จำเป็นต้องอยู่ยั้งยืนยงเสมอไป บางครั้งคุณก็ต้องให้ความสำคัญกับอาชีพของตัวเอง หรือสนับสนุนการตัดสินใจในหน้าที่การงานของบุคคลอื่น

การสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน

การสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน

แม้ว่าผู้นำและผู้จัดการจะไม่สามารถบังคับให้เกิดมิตรภาพได้ แต่ก็มีบางสิ่งที่คุณสามารถทำเพื่อช่วยบ่มเพาะวัฒนธรรมที่มิตรภาพสามารถเติบโตได้

  • ให้ความสำคัญกับการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ให้ผู้คนได้มีเวลาและพื้นที่ในการเข้าสังคม การฉลองวันเกิด แม้ว่าจะเป็นการฉลองผ่านข้อความในแชท ก็ช่วยให้ผู้คนรู้สึกว่าตนสามารถเฉลิมฉลองร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้

  • ไตร่ตรองวิธีที่จะทำให้สมาชิกทีมคนใหม่เป็นส่วนหนึ่งในการฝึกอบรมพนักงานใหม่ อย่างระบบบัดดี้ก็สามารถช่วยให้ผู้คนรู้สึกมั่นใจที่จะพบปะเพื่อนร่วมงานคนใหม่ในช่วงแรกๆ ได้

  • เปิดกว้างเกี่ยวกับมิตรภาพในที่ทำงานของคุณเองและสร้างตัวอย่างรูปแบบมิตรภาพที่คุณต้องการเห็น เช่น ความโปร่งใสและการไม่เล่นพรรคเล่นพวก

  • ตั้งเป้าหมายในการสร้างทีม บางกิจกรรมอาจเป็นกิจกรรมที่เน้นการทำงานเป็นหลัก เช่น การร่วมกันทำงานต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่คุณก็ควรจัดสรรเวลาสำหรับกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนาน มิตรภาพ และการเปิดโอกาสให้ผู้คนได้ทำความรู้จักกันด้วย แบบสำรวจของ Wildgoose ระบุว่า การพบปะกันแบบได้เห็นหน้าค่าตาเพื่อดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานยังคงเป็นกิจกรรมการสร้างทีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ อีกทั้งผู้คนยังคงชื่นชอบการสร้างทีมแบบได้พบกันแบบตัวเป็นๆ มากกว่ากิจกรรมอื่นๆ ที่นำเสนอในรูปแบบออนไลน์

  • พยายามทำให้ช่องทางการสื่อสารมีความโปร่งใสและเปิดกว้างอยู่เสมอเพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าตนสามารถเข้าถึงและแบ่งปันไอเดียและข้อมูลต่างๆ ได้

  • ให้เวลาผู้คนได้แชทและให้ความเห็นอย่างเป็นกันเองมากขึ้น โดยที่เพื่อนร่วมงานสามารถมอบความช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ทั้งในช่วงก่อนและหลังการประชุมในรูปแบบทางไกล

  • เฝ้าสังเกตสมาชิกในทีมที่อาจกำลังเผชิญกับปัญหา ส่งเสริมให้คนเหล่านี้ขอความช่วยเหลือ และตอบสนองอย่างรวดเร็วรวมถึงให้การสนับสนุนบนพื้นฐานของมิตรภาพ ไม่ใช่ในแง่เป้าหมายด้านการจัดการเพียงอย่างเดียว

หัวข้อที่คุณอาจสนใจ

เชื่อมต่อถึงกันอยู่เสมอ

รับข่าวสารและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากบุคลากรหน้างาน

เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

งานเสวนาออนไลน์: เคล็ดลับสำคัญในการจัดทำกลยุทธ์ด้านประสบการณ์ของพนักงาน (EX)

ลงทะเบียนเลย
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

งานเสวนาออนไลน์: เคล็ดลับสำคัญในการจัดทำกลยุทธ์ด้านประสบการณ์ของพนักงาน (EX)

ลงทะเบียนเลย

โพสต์ล่าสุด

ความเป็นผู้นำ | ใช้เวลาอ่าน 4 นาที

3 บทเรียนที่ผู้นำได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง

ประสบการณ์ที่พวกเขาพบเจอในชีวิตจริงจะเป็นตัวกำหนดว่าคนคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างไรและสามารถกำหนดแนวทางของการเป็นผู้นำได้ มาดู 3 ตัวอย่างที่เราคัดมาแล้วว่าดีที่สุดกัน

การมีส่วนร่วมของพนักงาน | ใช้เวลาอ่าน 6 นาที

เสียงของพนักงาน: การรับฟังจะช่วยให้คุณสามารถสร้างวัฒนธรรมและคว้าตัวผู้มีความสามารถมาได้อย่างไร

องค์กรต่างๆ ล้วนกำลังมองหาวิธีที่จะดึงดูดและรักษาพนักงานที่เก่งที่สุดของตนเอาไว้เมื่อต้องเผชิญกับการลาออกครั้งใหญ่ และนี่คือเหตุผลที่การรับฟังอาจเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จนั้น