ระบบอัตโนมัติในที่ทำงาน

ระบบอัตโนมัติในที่ทำงานกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารและทำงานร่วมกันของเรา คำถามคือ องค์กรจะปรับวัฒนธรรมการทำงานให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างไร

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 3 นาที
automation culture - Workplace from Meta

การสร้างสถานที่ทำงานให้เหมาะสมกับอนาคตนั้นเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในที่ทำงานมากพอๆ กับเทคโนโลยี ธุรกิจจึงต้องเตรียมสภาพแวดล้อมให้พร้อมเพื่อให้มนุษย์และเครื่องจักรสามารถทำงานร่วมกันได้

ในขณะที่ระบบอัตโนมัติทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่วยให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย คุณเองก็สามารถโอบรับระบบอัตโนมัติได้ด้วยการสร้างวัฒนธรรมที่ยืดหยุ่นและร่วมมือกัน

แก้งานยุ่งได้ไม่ยากด้วย Workplace

ไม่ว่าคุณจะต้องการแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับการกลับสู่ที่ทำงาน หรือนำวิธีการทำงานแบบผสมผสานไปปรับใช้ Workplace ก็สามารถทำให้การทำงานเป็นเรื่องง่ายขึ้นได้

ผลกระทบเชิงบวกของระบบอัตโนมัติ

ผลกระทบเชิงบวกของระบบอัตโนมัติ

ระบบอัตโนมัติในที่ทำงานมีประโยชน์หลากหลายประการ ซึ่งประกอบด้วย

  • ลดปริมาณงานประจำวันอันน่าเบื่อ เปิดโอกาสให้พนักงานได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

  • งานที่ใช้ระบบอัตโนมัติทำแทนได้ยากจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นและเป็นที่นิยมมากขึ้น

  • เพิ่มผลิตภาพ โดยข้อมูลจาก Salesforce พบว่าผู้ที่ใช้ระบบอัตโนมัติมากกว่า 74% กล่าวว่า การใช้เครื่องมืออัตโนมัติช่วยให้ตนทำงานเสร็จเร็วขึ้น

  • สร้างงานในรูปแบบอื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ที่ต่างไปจากเดิม

ผลกระทบเชิงลบของระบบอัตโนมัติ

ผลกระทบเชิงลบของระบบอัตโนมัติ

  • สถานที่ทำงานอาจให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาน้อยลง จนนำไปสู่ภาวะเครียดและการลาออกของพนักงานอย่างฉับพลันได้

  • พนักงานอาจกลัวว่าตนจะตกงาน ส่งผลให้ไม่มีความสุขและมีผลิตภาพน้อยลง

  • พนักงานที่พัฒนาทักษะไม่สำเร็จอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ถ้าอย่างนั้นแล้ว บริษัทจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้มั่นใจว่าระบบอัตโนมัติจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อพนักงานและองค์กร

6 วิธียกระดับผลลัพธ์ของระบบอัตโนมัติ

6 วิธียกระดับผลลัพธ์ของระบบอัตโนมัติ

ระบบอัตโนมัติช่วยให้งานสำเร็จลุล่วงได้เร็วขึ้น ทำให้งานชิ้นอื่นๆ มีความแม่นยำกว่าเดิม และทำงานที่ยุ่งยากทั้งหลายแทนมนุษย์ได้ อย่างไรก็ดี องค์กรก็จำเป็นต้องลงมือทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในเชิงบวกจากระบบอัตโนมัติด้วยเช่นกัน เรามาดูเคล็ดลับต่อไปนี้กัน

1. ปรับเปลี่ยนแนวคิดของพนักงาน

คนเรามักต่อต้านการเปลี่ยนแปลง และหลายคนก็กลัวว่าหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่ตนในอีกไม่ช้า คำถามคือ ความกลัวเหล่านี้เป็นไปได้จริงมากน้อยเพียงใด รายงานจาก PwC ที่จัดทำขึ้นสำหรับรัฐบาลสหราชอาณาจักรประมาณการไว้ว่า งานต่างๆ ในสหราชอาณาจักรราว 7% มีโอกาสสูงที่จะเผชิญกับการเข้ามาแทนที่ของระบบอัตโนมัติภายในปี 2025 ขณะที่ McKinsey กล่าวว่าเกือบทุกอาชีพต่างก็มีโอกาสที่จะถูกระบบอัตโนมัติเข้ามาแทนที่มนุษย์ในบางส่วน

ระบบอัตโนมัติไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนที่อยู่ในส่วนฐานของพีระมิดเพียงอย่างเดียว McKinsey ประเมินว่า "เราสามารถให้ระบบอัตโนมัติดำเนินกิจกรรมที่กินเวลาทำงานของซีอีโอมากกว่า 20% แทนโดยใช้เทคโนโลยีปัจจุบันได้" การเห็นชอบและการเปลี่ยนแปลงจึงต้องมาจากผู้ที่อยู่บนส่วนยอดของพีระมิดด้วย

องค์กรสามารถมองวิธีการนำเสนอระบบอัตโนมัติอย่างถูกต้องว่าเป็นโอกาสที่บุคลากรจะได้ทำงานร่วมกับเครื่องจักร แทนที่จะทำงานแข่งกันได้ เพราะฉะนั้นแล้ว การบ่มเพาะแนวคิดในเชิงบวกเกี่ยวกับระบบอัตโนมัติจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อที่ทำงานของคุณประกอบไปด้วยพนักงานหลากหลายช่วงวัย เพราะคนแต่ละช่วงวัยต่างก็มีความคาดหวังและวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน

หากระบบอัตโนมัติในที่ทำงานสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของงานทั่วไปให้ดีขึ้นได้ เช่น การคำนวณเงินเดือน หรือการเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานใหม่ คุณก็ควรให้ระบบอัตโนมัติทำงานเหล่านั้นต่อไป เพื่อให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่ระบบอัตโนมัติทำไม่ได้ เช่น งานที่อาศัยการตัดสินใจ ความเชี่ยวชาญ และความฉลาดทางอารมณ์ของมนุษย์

ระบบอัตโนมัติยังช่วยให้การทำงานสนุกขึ้น เนื่องจากช่วยลดความซ้ำซากจำเจบางส่วนจากการทำงานในแต่ละวันลง ตลอดจนมอบประสบการณ์โดยรวมที่ดีขึ้นให้กับทั้งพนักงานและลูกค้าอีกด้วย

2. ผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น

เครื่องจักรจัดการสิ่งที่ไม่ซับซ้อนได้ดี แต่ก็ไม่ได้ดีเสมอไปเมื่อนำมาใช้กับงานด้านไอเดียและนวัตกรรม ตัวอย่างเช่น ระบบอัตโนมัติอาจประเมินสินเชื่อแบบมาตรฐานได้ ช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อมีเวลาตรวจสอบกรณีที่เฉพาะเจาะจงได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่าเดิม หรือได้ใช้เวลามากขึ้นกับการรับฟังและการให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า

ระบบอัตโนมัติจึงช่วยให้พนักงานของคุณมีสมาธิจดจ่อกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ทำให้มีเวลาคิดนอกกรอบและทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจมากกว่าแต่ก่อน และที่สำคัญคือสามารถคิดค้นวิธีใหม่ๆ ที่ทำให้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ให้เกิดประโยชน์ยิ่งขึ้น

ระบบอัตโนมัติยังมีประสิทธิภาพไม่เทียบเท่ามนุษย์ในงานที่เกี่ยวข้องกับความฉลาดทางอารมณ์ การจัดการผู้คน การนำความเชี่ยวชาญไปปรับใช้ หรืองานที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ระบบอัตโนมัติอาจช่วยให้คุณค้นหาผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้มากขึ้น แต่คุณก็อาจยังต้องมีพนักงานขายที่เชี่ยวชาญ อ่านแนวทางของคนที่มีโอกาสเป็นผู้ซื้อออก และสามารถรับมือกับข้อโต้แย้งที่อาจเกิดขึ้นได้เพื่อปิดการขาย

สถานที่ทำงานในอนาคตจะเน้นไปที่การทำงานเป็นทีมและการคิดหาโอกาสมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่สิ่งมนุษย์ทำได้ดี

3. เปิดรับกระแส 'ทีมงานที่คล่องตัว'

เมื่องานต่างๆ สามารถดำเนินการโดยระบบอัตโนมัติได้มากขึ้น องค์กรก็จะต้องการทีมพนักงานที่มีความคล่องตัวและยืดหยุ่น ซึ่งอาจต้องมีการว่าจ้างพนักงานสัญญาจ้างหรือฟรีแลนซ์มากกว่าเดิม ทีมงานที่คล่องตัวคือผู้ที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็วและก้าวทันความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

คุณสามารถเติมเต็มความรู้ส่วนที่ขาดหายไปได้โดยใช้พนักงานชั่วคราว ซึ่งจะส่งต่อองค์ความรู้และประสบการณ์ให้กับเพื่อนร่วมงานของตน นอกจากนี้ พนักงานที่มีความคล่องตัวยังมาพร้อมมุมมองจากภายนอกและโซลูชั่นที่ตนเคยเห็นแล้วว่าใช้ได้ผลจริงจากที่อื่นๆ

องค์กรที่มีความคล่องตัวประสบความสำเร็จจากการที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว จนทิ้งธุรกิจที่เอื่อยเฉื่อยกว่าไว้ข้างหลัง

ระบบอัตโนมัติในที่ทำงานยังมอบโอกาสให้ผู้คนได้เพิ่มพูนทักษะผ่านวิดีโอและสัมมนาออนไลน์ รวมถึงในเมตาเวิร์ส

4. ส่งเสริมความหลากหลาย

การมีพนักงานที่หลากหลายนำมาซึ่งวิธีคิดหรือประสบการณ์ชีวิตซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาทั้งหลายที่แตกต่างกันไป จนเกิดเป็นไอเดียและโซลูชั่นใหม่ๆ การคิดจากหลายแง่มุมจึงช่วยกระตุ้นให้เกิดไอเดียเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลาดที่ไม่เคยลองมาก่อน ตลอดจนวิธีการทำงานแบบใหม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อระบบอัตโนมัติเปิดพื้นที่ให้คนเราได้สร้างสรรค์

ความหลากหลายจำเป็นต้องเป็นแกนหลักของโปรเจ็กต์ที่เกี่ยวข้องกับ AI หรือระบบอัตโนมัติต่างๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเราทุกคนต่างก็เคยเห็นหรือรับรู้เกี่ยวกับกรณีต่างๆ ที่โมเดลที่ถูกนำมาฝึกระบบ AI มีข้อมูลที่หลากหลายน้อยเกินไป จนส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเบี่ยงเบนออกไป

5. สร้างความมุ่งมั่นในการทำงานเป็นทีม

ในยุคของระบบอัตโนมัตินี้ ทุกคนไม่จำเป็นต้องทำงานในสำนักงานเดียวกันอีกต่อไป แต่การทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอยู่

ความมุ่งมั่นในการทำงานเป็นทีมมีบทบาทอย่างยิ่งต่อองค์กรที่กำลังก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลง ซึ่งรวมถึงการนำระบบอัตโนมัติมาใช้มากขึ้น การที่ทุกคนต่างเห็นพ้องไปในทางเดียวกันและเห็นประโยชน์ของการทำงานด้วยวิธีใหม่ๆ แทนที่จะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

แพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันอย่าง Workplace ช่วยให้ผู้คนที่ทำงานในสาขาวิชาและพื้นที่ที่ต่างกันสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ เช่น วิดีโอแชทและการส่งข้อความด่วน

คุณสามารถปลุกความมุ่งมั่นในการทำงานเป็นทีมและทำให้ทีมทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพได้ง่ายๆ ในสองขั้นตอน หนึ่งคือการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้คนโดยการมอบเครื่องมือที่เหมาะสม และสองคือการให้ระบบอัตโนมัติทำงานที่ซ้ำซากจำเจแทน เพื่อให้พนักงานได้มีเวลาทำงานที่ตนถนัดเยอะขึ้น

6. พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

พนักงานไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะต้องทำงานเดิมๆ ในตำแหน่งเดียวเป็นเวลา 10 หรือ 20 ปีอีกต่อไปแล้ว คนยุคมิลเลนเนียลและโดยเฉพาะคน Gen Z ต่างได้รับการขนานนามว่าเป็นคนที่ชอบย้ายงาน โดยคนยุคมิลเลนเนียลจะทำงานที่เดิมเป็นเวลาเฉลี่ยเพียง 2.8 ปีเท่านั้น ธุรกิจและทีมจึงต้องตื่นตัวและคอยปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อคงความสดใหม่ท่ามกลางโลกที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วนี้

บริษัทที่เปิดโอกาสให้พนักงานได้เพิ่มพูนทักษะผ่านการฝึกอบรม การชี้แนะ และการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์การทำงานจริงจะกลายเป็นบริษัทที่ใครๆ ต่างก็อยากทำงานด้วย ทั้งยังดึงดูดคนที่มีความสามารถมากที่สุด จนทำให้รักษาความได้เปรียบในการแข่งขันไว้ได้

ผู้บริหารเองก็จำเป็นต้องเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญ เพราะมีโอกาสอย่างมากที่ระบบอัตโนมัติจะเข้าไปอยู่ในภาคธุรกิจต่างๆ ทักษะที่จะเป็นตัวตัดสินจึงเป็นการทำความเข้าใจว่าระบบอัตโนมัติใดจะมีศักยภาพและให้คุณค่าในระยะยาวมากที่สุด และด้วยความที่ปัจจัยหลายๆ ด้านของธุรกิจต่างก็แข่งขันกันเพื่อให้ได้เงินลงทุน การตัดสินใจจึงไม่ได้ตรงไปตรงมาหรือเป็นเรื่องง่ายเสมอไป ดังนั้น ความเข้าใจในประเด็นต่างๆ และคุณค่าของระบบอัตโนมัติจะกลายเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจที่ถูกต้องเหมาะสม

ซึ่งหมายถึงการบ่มเพาะวัฒนธรรมการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาและการปฏิวัติบทบาทหน้าที่จากโครงสร้างส่วนล่างสุดไปยังบนสุดขององค์กร

อ่านต่อ

อ่านต่อ

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณ

โพสต์ล่าสุด

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 11 นาที

วัฒนธรรมในที่ทำงาน: วิธีสร้างวัฒนธรรมเชิงบวกและเพิ่มผลิตภาพ

วัฒนธรรมในที่ทำงานมีความสำคัญยิ่งขึ้นในโลกของการทำงานแบบผสมผสานและการทำงานจากทางไกล ร่วมหาคำตอบว่าวัฒนธรรมในที่ทำงานคืออะไรและคุณจะปรับปรุงวัฒนธรรมนี้ได้อย่างไร

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 8 นาที

เหตุใดความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย

ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยกคืออะไรและเหตุใดจึงมีความสำคัญในที่ทำงาน เราจะมาสำรวจสาเหตุที่บริษัทต่างๆ สนใจประเด็นปัญหาที่สำคัญเหล่านี้

วัฒนธรรม | ใช้เวลาอ่าน 9 นาที

วิธีแก้ไขปัญหาการสื่อสารทางธุรกิจของคุณ

เราจะมาอธิบายเรื่องการสื่อสารทางธุรกิจให้คุณได้ฟังกัน! ค้นพบว่าการสื่อสารทางธุรกิจคืออะไรและคุณจะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อย่างไร มาดูคำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้ง่ายๆ เหล่านี้กันเลย