หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานแบบไฮบริด: แนวทางที่ถูกต้อง
คุณจะทำให้การทำงานแบบไฮบริดประสบความสำเร็จในองค์กรของคุณได้อย่างไร นี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้การทำงานแบบไฮบริดเหมาะกับคุณ ตั้งแต่การสร้างความไว้วางใจไปจนถึงการยกระดับการสื่อสาร


การทำงานแบบไฮบริดมีแนวโน้มที่จะคงอยู่ไปอีกนาน จากการสำรวจล่าสุดในบริษัทชั้นนำ 500 แห่งพบว่า ผู้บริหาร 3 ใน 5 เชื่อว่าพนักงานถึง 25% จะยังคงทำงานจากทางไกลเป็นบางเวลาหรือเต็มเวลา1
และ CNBC ได้รายงานว่า 45% ของบริษัทในสหรัฐฯ ได้ดำเนินการหรือวางแผนเพื่อเริ่มใช้รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด2
อย่างไรก็ตาม รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดเป็นเรื่องหนึ่ง การนำมาใช้ให้ประสบความสำเร็จก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การทำงานแบบไฮบริดได้อย่างประสบความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ มีวิธีสร้างและจัดการการทำงานแบบไฮบริดที่ทั้งมีประสิทธิภาพสูงและมีประสิทธิภาพต่ำ อีกทั้งยังมีมาตรการที่ผู้นำและองค์กรสามารถนำไปใช้เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดในอนาคตของการทำงานด้วยเช่นกัน
เส้นทางสู่ออฟฟิศไร้พรมแดน
ค้นพบวิธีการและสาเหตุที่ทำให้เราสามารถทำงานอย่างเต็มความสามารถได้จากทุกที่ภายในโลกของเมตาเวิร์ส









การทำงานแบบไฮบริดคืออะไร
รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดมีหลายประเภท ซึ่งผู้นำและองค์กรจะต้องแน่ใจว่าตนได้เลือกวิธีการที่เหมาะสมที่จะช่วยให้ทีมและธุรกิจประสบความสำเร็จ
รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดที่เน้นสำนักงานเป็นศูนย์กลาง กำหนดให้พนักงานทำงานในที่ทำงานเป็นหลัก แต่จะได้รับอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้านหรือทางไกลได้ 1 หรือ 2 วันต่อสัปดาห์ โดยรูปแบบนี้ องค์กรจะเป็นผู้รับผิดชอบการกำหนดตารางการทำงาน
ในทางตรงกันข้าม การทำงานแบบไฮบริดที่มีความยืดหยุ่นอย่างเต็มที่ จะอนุญาตให้พนักงานแต่ละคนสามารถเลือกจำนวนวันที่ต้องการทำงานจากทางไกลตามหลักเกณฑ์ที่ยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงได้ การทำงานลักษณะนี้เป็นรูปแบบที่ยึดพนักงานเป็นศูนย์กลางมากที่สุด แต่ก็อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งผู้นำธุรกิจต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ ซึ่งประกอบด้วย
การขาดความเท่าเทียมที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกระหว่างพนักงานที่ทำงานจากทางไกลและพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน
พนักงานที่ทำงานจากทางไกลอาจรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริหาร ขาดสวัสดิการและโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง
สภาพแวดล้อมการทำงานที่บ้านที่แตกต่างกัน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถมีโฮมออฟฟิศที่มีอุปกรณ์ครบครันหรือร้านกาแฟที่เงียบสงบและเหมาะกับการทำงานได้
ปัญหาเรื่องความเชื่อใจ
ขอบเขตที่ไม่ชัดเจนระหว่างเวลาทำงานและเวลาพักผ่อน
ข้อมูลทางดิจิทัลที่มากเกินไป
คุณจะทำให้การทำงานแบบไฮบริดประสบความสำเร็จได้อย่างไร
พิจารณางานและสร้างกระแสงาน
ขั้นตอนแรกในการใช้นโยบายการทำงานแบบไฮบริดให้ประสบความสำเร็จคือการพิจารณางานแต่ละรายการ หัวหน้าทีมต่างๆ สามารถวางแผนงานที่ต้องทำพร้อมๆ กัน โดยให้สมาชิกในทีมทำงานอย่างสอดคล้องกันในเวลาเดียวกัน และงานที่สามารถแยกกันทำได้ก็จัดสรรให้พนักงานแต่ละคนเลือกเวลาที่ต้องการเพื่อแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง
งานประเภทการวิจัย งานเขียน และการวางแผนที่ซับซ้อนจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออยู่ในภาวะที่เงียบสงบและปราศจากสิ่งรบกวน
งานที่ต้องทำร่วมกันที่ต้องมีผู้นำ การให้คำปรึกษา การประเมิน และการจัดการโปรเจ็กต์ จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อทีมสามารถทำงานร่วมกันได้ในบางครั้ง
งานด้านนวัตกรรม เช่น การระดมความคิด การคิดเชิงสร้างสรรค์ และโปรเจ็กต์ข้ามแผนก หรือโครงการริเริ่มทางสังคม เช่น การสร้างทีม จะต้องดำเนินการไปพร้อมกัน คุณอาจประสบความสำเร็จในงานเหล่านี้ได้มากขึ้น หากผู้คนได้พบปะกันในชีวิตจริง
รู้ที่มาของพลังแห่งการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
พลังเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นำในองค์กรที่ใช้การทำงานแบบไฮบริดได้อย่างประสบความสำเร็จต้องพิจารณาว่าตนจะสร้างพลังให้กับธุรกิจได้อย่างไร ไม่ว่าจะมาจากการพัฒนาและการทำงานของสมาชิกในทีมแต่ละคน หรือมาจากการกระตุ้นด้วยความร่วมมือและการทำงานร่วมกันจากคุณ ลองค้นหาวิธีที่ผู้คนสามารถใช้สร้างพลังในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริษัทและพนักงานได้รับประโยชน์สูงสุด
ปรับปรุงพื้นที่ในสำนักงาน
การมีสัดส่วนของพนักงานจำนวนหนึ่งที่ทำงานจากทางไกลอย่างน้อยในบางเวลา ไม่ได้เป็นเพียงโอกาสในการลดพื้นที่และค่าใช้จ่ายของสำนักงานเท่านั้น การเปลี่ยนไปใช้รูปแบบไฮบริดยังเป็นโอกาสที่คุณจะสามารถปรับเปลี่ยนและออกแบบพื้นที่การทำงานใหม่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การลดขนาดพื้นที่ลง แต่เป็นการปรับปรุงให้เหมาะกับผู้ที่ทำงานในสำนักงานมากขึ้น สร้างพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับการประชุม การทำงานร่วมกัน และการเข้าสังคม แล้วพิจารณาว่าคุณจะสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
ให้ทุกคนมีส่วนร่วม
ทีมการทำงานแบบไฮบริดที่ประสบความสำเร็จจะครอบคลุมถึงทุกคนในทีม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ทำงานจากทางไกลหรือผู้ที่ทำงานจากสำนักงานเป็นหลัก รวมถึงผู้จัดการและผู้นำด้วย ผู้นำสามารถแสดงหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานแบบไฮบริดให้ทุกคนเห็นเพื่อให้พนักงานเริ่มต้นได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจะได้พบกับประโยชน์และความท้าทายจากการทำงานในสำนักงานและการทำงานจากทางไกล อีกทั้งยังมีโอกาสแสดงให้เห็นถึงวิธีสร้างและรักษาสมดุลการทำงานและการใช้ชีวิตที่ดีอีกด้วย
มีส่วนร่วมกับพนักงานใหม่
วันแรกและสัปดาห์แรกของการเริ่มงานใหม่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ดังนั้นการช่วยให้พนักงานใหม่เข้าใจวิธีการทำงานแบบไฮบริดในองค์กรของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การจับคู่เพื่อนร่วมงานหรือผู้สอนให้กับพนักงานใหม่ช่วยให้พวกเขาเข้าใจแนวทางการทำงาน และกระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับทีมที่ทำงานจากทางไกลและทีมที่ทำงานในสำนักงานตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วยการแชทและกิจกรรมการมีส่วนร่วมแบบออนไลน์ นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้พนักงานใหม่ได้ใช้เวลาเรียนรู้ในที่ทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์สักระยะก่อนที่จะให้พวกเขาทำงานจากทางไกลก็สามารถช่วยให้พนักงานเหล่านั้นเรียนรู้การทำงานได้เร็วขึ้น
ลงทุนด้วยเงินและเวลา
การทำงานในรูปแบบใหม่อาจต้องใช้เวลาเพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง และยังต้องใช้ทักษะใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน การเพิ่มพูนทักษะ การแนะนำวิธีการทำงานใหม่ๆ และการลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสมจะช่วยคุณเตรียมบุคลากรให้พร้อมก้าวไปข้างหน้า การลงทุนด้วยเงินและเวลาจะช่วยให้ทุกคนรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุน มีคุณค่า และเข้าถึงวัฒนธรรมเชิงบวกของบริษัท
ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการสนทนาที่สำคัญ
พนักงานที่ทำงานจากไกลอาจรู้สึกห่างเหินจากเรื่องราวภายในที่ทำงาน ดังนั้น ทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสนทนาและแจ้งการตัดสินใจที่สำคัญให้สมาชิกทั่วทั้งทีมทราบ ไม่ใช่เพียงผู้ที่อยู่หน้างานเท่านั้น
ทักษะใดที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จจากสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด
การทำงานแบบไฮบริดในยุคสมัยใหม่จำเป็นต้องใช้ทักษะใหม่ ทั้งในการบริหารจัดการและในทีม นอกจากนี้ ธุรกิจยังต้องปรับกระบวนการสรรหาบุคลากร การดูแลพนักงานใหม่ และการฝึกอบรมให้เข้ากับโลกการทำงานแบบไฮบริดรูปแบบใหม่ด้วย
การจัดการความสัมพันธ์และความขัดแย้ง
ความสัมพันธ์อาจเป็นเรื่องซับซ้อนเมื่อผู้คนไม่ได้อยู่ในสถานที่เดียวกันและทำงานกันคนละเวลา ความขัดแย้งสามารถเกิดขึ้นได้จากความเข้าใจผิดหรือการรับรู้ถึงความไม่เป็นธรรม ดังนั้น การจัดการกับอุปสรรคเหล่านี้และรักษาวัฒนธรรมเชิงบวกของบริษัทไว้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำทีมการทำงานแบบไฮบริด
การรับมือกับปัญหาที่ยาก
การรับมือกับปัญหาต่างๆ เช่น การเลือกปฏิบัติและประสิทธิภาพการทำงานที่ต่ำของพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริด ต้องอาศัยทักษะการสื่อสารอย่างสูง ผู้จัดการต้องมีความเห็นอกเห็นใจและให้การสนับสนุนอย่างเท่าเทียมด้วยการแสดงออกอย่างเหมาะสม
การรักษาความเชื่อมั่น
การสร้างและรักษาความเชื่อมั่นในพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดนั้นต้องอาศัยทักษะ พนักงานที่ทำงานจากทางไกลอาจรู้สึกกดดันที่ต้องทำงานในระยะเวลาที่นานขึ้น ทำให้ได้รับข้อมูลทางออนไลน์มากเกินไปและหมดไฟที่จะทำงานในที่สุด ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้ผู้จัดการขาดความเชื่อมั่นว่าพนักงานจะสามารถทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย เมื่อพวกเขาไม่ได้เห็นการทำงานด้วยตาตัวเอง ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการถามไถ่เป็นประจำโดยพยายามไม่เข้าไปควบคุมทุกรายละเอียด
ความสามารถในการปรับตัว
การเปลี่ยนแปลงคือส่วนสำคัญในการปรับไปใช้การทำงานแบบไฮบริด ผู้นำและผู้จัดการต้องคอยสนับสนุนทีมในการปรับตัวกับการทำงานในสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ พร้อมกับปรับรูปแบบการจัดการให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากสภาพแวดล้อมการทำงานแบบใหม่ให้ได้มากที่สุด
หลักปฏิบัติที่ดีที่สุด 8 ประการสำหรับการทำงานแบบไฮบริด
การสื่อสาร
การสื่อสารเป็นส่วนประกอบสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้การทำงานแบบไฮบริดประสบความสำเร็จ ใช้เครื่องมือสื่อสารของคุณเพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบถึงกำหนดเวลาและโปรเจ็กต์ที่ต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ อย่าลืมเปิดช่องทางการแชทไว้เสมอ เพื่อให้ผู้คนสามารถแชร์ไอเดียได้ราวกับว่านั่งอยู่ในห้องเดียวกัน
มีนโยบายที่เป็นทางการ
การกำหนดกฎเกณฑ์ไว้อย่างชัดเจนจะช่วยป้องกันการกล่าวหาจากความไม่เป็นธรรมและทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น พนักงานทุกคนควรรู้ว่าใครสามารถทำงานจากทางไกล เมื่อใด และทำงานอะไรได้ นโยบายควรกำหนดแนวทางที่องค์กรของคุณต้องใช้สำหรับการรายงาน การติดต่อทางดิจิทัลและการติดต่อแบบพบปะกันต่อหน้า เวลาการทำงาน และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมและสังคมในที่ทำงาน
ปรับสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม
คิดและวางแผนงานใหม่ให้เหมาะกับตัวเลือกใหม่สำหรับการทำงานจากทางไกล ลองพิจารณาการออกแบบของสำนักงาน เพื่อช่วยให้กลุ่มและทีมต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้ ลงทุนเพื่อการเชื่อมต่อที่ราบรื่นระหว่างฝ่ายทรัพยากรบุคคลและไอที เพื่อสนับสนุนการทำงานของพนักงานทุกคนไม่ว่าจะทำงานจากที่ใดก็ตาม
รับฟังความคิดเห็นจากพนักงาน
สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ผู้คนกล้าพูดและเข้าร่วมกิจกรรมการทำงานและทีมสัมพันธ์ รวบรวมข้อเสนอแนะจากแบบสำรวจย่อยและแบบสำรวจประจำปีแล้วสื่อสารให้ทุกคนทราบถึงผลสำรวจที่ได้ ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการทำงานร่วมกัน
อย่าคาดหวังให้พนักงาน 'ออนไลน์' ตลอดเวลา
คุณควรส่งข้อความเมื่อจำเป็นเท่านั้น และกำหนดเวลาการติดต่อให้เหมาะสมกับเวลาทำงานของพนักงาน เคารพสิทธิในการตัดขาดการสื่อสารนอกเวลางานของกันและกัน
คำนึงถึงวัฒนธรรม
พยายามสร้างและรักษาวัฒนธรรมเชิงบวกที่เปิดกว้างและสนับสนุนซึ่งกันและกันให้ครอบคลุมทั้งพนักงานที่ทำงานในที่ทำงานและทำงานจากทางไกล
สร้างความไว้วางใจ
แสดงความคาดหวังและขอบเขตความรับผิดชอบให้ชัดเจน รับฟังความเห็น มอบหมายความรับผิดชอบในงานหรือเป้าหมายที่เจาะจง และสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้คนสามารถแสดงไอเดีย ความคิดเห็น และถามคำถามโดยไม่ต้องกลัวการตอบกลับในเชิงลบ ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องจัดการงานในระดับย่อยให้เสียเวลา
อย่าลืมพนักงานที่ไม่สามารถทำงานจากทางไกล
ปรับปรุงการทำงานของฝ่ายทรัพยากรบุคคลให้ครอบคลุมถึงทุกคน ปรับปรุงแนวทางการเรียนรู้ตามอัธยาศัยและทบทวนวิธีการที่ผู้จัดการสามารถใช้เพื่อคัดสรรบุคลากร ดูแลพนักงานใหม่ และฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพให้ครอบคลุมสถานที่ทำงานจากทางไกลหลายๆ แห่ง
ทบทวนและไตร่ตรอง
อย่าลืมทดสอบและเรียนรู้แนวทางการเริ่มต้นทำงานแบบไฮบริดของคุณ และเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ที่ทำงานของคุณมีความหลากหลายและเปิดกว้างมากขึ้น

ก้าวเข้าสู่อนาคตแห่งการทำงาน
สมัครเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากเราเกี่ยวกับอนาคตแห่งการทำงานและอนาคตของเมตาเวิร์ส
เมื่อส่งแบบฟอร์มนี้ จะถือว่าคุณยินยอมที่จะรับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับการตลาดจาก Facebook ซึ่งประกอบด้วยข่าวสาร กิจกรรม ข้อมูลอัพเดต และอีเมลส่งเสริมการขาย โดยคุณสามารถถอนความยินยอมและเลิกรับอีเมลดังกล่าวได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ คุณยังรับทราบว่าได้อ่านและยอมรับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวบน Workplace แล้ว